ประวัติศาสตร์ของชาติไทยได้มีการบันทึกและกล่าวถึงสตรีเพศนางหนึ่ง ผู้ซึ่งเกือบจะได้ครอบครองราชบัลลังก์ในสมัยอาณาจักรอยุธยา ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น อาณาจักรอันยิ่งใหญ่นี้น่าจะมีอายุไม่ถึง ๔๑๗ ปีตามที่เป็นมา
กล่าวกันว่าสตรีนางนี้เมื่อแรกเกิดก็เริ่มมีนิมิตที่ไม่เป็นมงคล เนื่องจากเมื่อตกฟากก็เกิดแผ่นดินไหวและต่อมาหมู่บ้านที่อาศัยอยู่ก็มีไฟไหม้จนหมดทั้ง๕๐ หลัง และเมื่อถึงอายุ ๑ เดือน ซึ่งต้องมีการโกนผมไฟตามประเพณี ก็เกิดฟ้าผ่าลงมาที่ต้นไม้ใหญ่หักโค่นลงมาทับบ้าน จนต้องไปปลูกกระท่อมอยู่อาศัยแทน สตรีนางนี้มีชื่อในตอนเด็กว่า บัวผัน
ลักษณะเช่นนี้จึงถือว่าเป็นเรื่องไม่ดี แต่ในความไม่ดีดังกล่าวกลับมีความมหัศจรรย์ที่เกิดกับร่างกายของหญิงนางนี้ ซึ่งปรากฏว่าเป็นผู้ที่มีเรือนกายหอมมากกว่าสตรีอื่นใด ชายใดที่ได้อยู่ใกล้ชิดไม่อาจจะยับยั้งอารมณ์พิศวาสไว้ได้
มีการกล่าวไว้ว่า เมื่ออำแดงบัวผันอายุเพียง ๓ เดือน เมื่อนอนอยู่นั้นจะมีแมลงผึ้ง แมลงชันโรง แมลงวันมารุมตอมสตรีนั้นอยู่เสมอ จนทำให้แม่ที่เป็นผู้ดูแล ต้องกางมุ้งให้อยู่ตลอดเวลา และเมื่อเด็กคนนี้โตขึ้นก็ยังคงมีแมลงต่างๆ มารุมล้อมมากขึ้นกว่าเดิม โดยสังเกตว่าจะรุมล้อมตอมไต่อยู่บริเวณอวัยวะเพศ ซึ่งมีกลิ่นหอมเหมือนดอกพิกุลแห้ง ในขณะที่กลิ่นตัวของนางนั้น เมื่อมีเหงื่อออกจะมีกลิ่นหอมเหมือนกลิ่นข้าวใหม่ ส่วนกลิ่นตัวตามธรรมชาติจะหอมคล้ายๆ กลิ่นดอกชำมะนาด
เมื่อหญิงนางนี้โตขึ้น เธอก็มีความงามเป็นเลิศกว่าหญิงอื่น ดังที่มีการบันทึกไว้ว่า ใบหน้าเป็นรูปไข่ คิ้วโก่งสุดหางตา ดวงตาคมกลมดำเป็นมันเหมือนมณีนิล จมูกโด่งเรียวงามดังคันศร เมื่อใดที่นางยิ้มแก้มทั้งสองจะปรากฏลักษณะลักยิ้ม แก้มทั้งสองมีสีราวมะปรางสุก เนื้อหนังอ่อนละมุนดังผ้ากำมะหยี่หรือสำลี เนื้อละเอียดเกลี้ยง มีสีขาวเจือเหลืองเหมือนลูกจันสุก เส้นผมอ่อนนุ่มดำเป็นเงา เล็บมือเท้างุ้มดั่งเล็บครุฑ ฟันซี่เล็กๆ เท่ากันทั้ง ๓๒ ซี่ ถันยุคลทั้งคู่อวบอูม เมื่อมีระดูกลิ่นของระดูก็คล้ายกับกลิ่นดอกพิกุลแห้ง มีแมลงต่างๆ มาดอมดมอยู่เสมอ นี่คือสิ่งที่ถูกบันทึกไว้
ความมหัศจรรย์นี้เป็นที่ร่ำลือไปทั่ว จนไปถึงเจ้าเมืองพระประแดง จึงนำตัวเธอ ส่งเข้าไปยังกรุงศรีอยุธยา นำความขึ้นกราบบังคมทูลให้ทรงทราบ สมเด็จพระอัครมเหสีได้รับสั่งให้นำหญิงนางนี้มาเฝ้า และทรงรับเลี้ยงไว้ตั้งแต่ยังอยู่ในวัยเด็ก
นางได้รับพระกรุณาในการดูแลอย่างดีจากสมเด็จพระอัครมเหสี จนกระทั่งอายุประมาณ ๑๕ ปี และจากการได้รับใช้ใกล้ชิดทำให้สมเด็จพระไชยราชายกนางขึ้นเป็นเจ้าจอมอยู่ในงานพระสนมเอก พระราชทานชื่อใหม่ว่านางศรีจันทร์ เพราะผิวเนื้อของนางละเอียดนวลเป็นสีเหลืองเหมือนสีลูกจันทร์สุก ทั้งกลิ่นกายก็หอมรัญจวน จึงเป็นที่โปรดปรานเป็นอย่างยิ่ง
เหตุอันเป็นเรื่องเลวร้ายและอื้อฉาวเกิดขึ้นเมื่อสมเด็จพระไชยราชาเสด็จยกทัพไปตีเมืองเชียงใหม่ ในระหว่างนั้นนางศรีจันทร์พระสนมเอก ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ว่าราชการแผ่นดิน และได้รับการยกย่องขึ้นเป็นเจ้าแม่อยู่หัวศรีสุดาจันทร์ ถืออำนาจแทนกษัตริย์
วันหนึ่ง นางได้เสด็จออกไปยังพระที่นั่งพิมานรัตยาซึ่งเป็นหอพระนอก ได้ทอดพระเนตรเห็นพันบุตรศรีเทพ คนเฝ้าหอพระ ก็เกิดความเสน่หา ให้สาวใช้เอาเมี่ยงหมากห่อผ้าเช็ดหน้าไปมอบให้ พันบุตรศรีเทพก็แสดงไมตรีตอบโดยเอาดอกจำปาให้สาวใช้ไปถวายแด่นาง จนทำให้เกิดความรู้สึกหลงรักต่อกัน และมีคำสั่งให้ย้ายพันบุตรศรีเทพไปเป็นขุนชินราชเพื่อรักษาหอพระในแทนคนเดิม จากนั้นก็มีการลักลอบสมัครสังวาสจนตั้งครรภ์
เมื่อพระไชยราชาเสด็จกลับจากการรบชนะเชียงใหม่ นางได้รีบไปเข้าเฝ้าที่ค่ายนอกเมืองเพราะกลัวความลับจะถูกเปิดเผย และแล้วคืนนั้นพระไชยราชาก็ประชวรจนสวรรคต กล่าวกันว่าพระองค์ถูกวางยาพิษ
พระยอดฟ้า พระราชโอรสอายุเพียง ๑๑ พรรษาที่ประสูติจากพระสนมฝ่ายขวา ผู้ล่วงลับไปแล้วจึงได้ขึ้นครองราชย์ซึ่งเป็นไปตามกฎมณเฑียรบาล โดยมีพระเทียรราชาซึ่งเป็นเชื้อพระวงศ์เป็นผู้ว่าราชการแทนพระองค์ แต่เจ้าแม่อยู่หัวกลัวความลับเรื่องการตั้งครรภ์จะถูกเปิดเผยกว่าจะยึดอำนาจได้เบ็ดเสร็จ นางจึงข่มขู่กระทำการต่างๆ จนพระเทียรราชามองเห็นถึงภัยที่จะเกิดกับชีวิต จึงขอลาราชการไปผนวชอยู่ภายใต้ร่มกาสาวพัสตร์
นางได้วางแผนชั่วร้ายต่อโดยการสถาปนาให้ขุนวรวงศาธิราชขึ้นครองกรุงศรีอยุธยา และยังเอานายจันผู้น้องของขุนวรวงศาธิราชมาเป็นมหาอุปราช ทั้งๆ ที่เป็นเพียงช่างตีเหล็ก ซึ่งต่อมานายจันผู้นี้ก็ตั้งตัวเป็นใหญ่ แสดงความกักขฬะหยาบคายข่มเหงขุนนางข้าราชการจนเป็นที่เกลียดชังไปทั่ว แต่สิ่งที่ชั่วร้ายยิ่งกว่านั้นก็คือการที่นางได้ร่วมกับขุนวรวงศาธิราชกำจัดพระแก้วฟ้าเพื่อให้หมดเสี้ยนหนาม โดยนำพระแก้วฟ้าไปสังหารที่วัดโคกพระยา
การประพฤติปฏิบัติของนางจึงเป็นกาลกิณีและเป็นเสนียดจัญไรต่อแผ่นดิน เหล่าบรรดาขุนนางและผู้รักชาติที่ยังสวามิภักดิ์และจงรักภักดีต่อราชบัลลังก์ก็สุดจะทน จึงได้ร่วมกันวางแผนสังหารเจ้าแม่อยู่หัวและชู้รัก โดยมีขุนพิเรนทรเทพและหมื่นราชเสน่หาร่วมกับขุนนางอื่นเป็นผู้นำในการกำจัดคนทั้งสองนั้น ด้วยการหลอกว่ามีการพบช้างเผือก และให้ขุนวรวงศาธิราชและนางออกไปรับช้างเผือก จึงเป็นโอกาสให้หมื่นราชเสน่หาลอบซุ่มยิงจนเสียชีวิตทั้ง ๒ คน
หลังจากกำจัดเสี้ยนหนามแผ่นดินได้แล้ว ขุนพิเรนทรเทพและคณะจึงได้ไปกราบทูลเชิญพระเทียรราชาให้สึกออกจากสมณเพศ ซึ่งพระองค์ทรงยอมรับ และในที่สุดก็ได้ทำพิธีราชาภิเษกเป็นพระมหากษัตริย์ปกครองอาณาจักรอยุธยา ทรงมีพระนามว่า สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ
ชาติไทยในอดีต จึงไม่เคยมีสตรีเพศขึ้นมาปกครองหรือบริหารบ้านเมืองอย่างแท้จริงจนกระทั่งมาถึงยุคปัจจุบันนี้ ซึ่งได้มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มีการเลือกตั้งผู้แทนราษฎรเป็นตัวแทนของประชาชนเพื่อจัดตั้งรัฐบาล โดยมีผู้บริหารสูงสุดที่เรียกว่านายกรัฐมนตรีเป็นผู้รับผิดชอบในการบริหารบ้านเมือง แต่ทั้งนี้จะต้องได้รับการโปรดเกล้าฯให้ดำรงตำแหน่งดังกล่าว และถวายสัตย์ปฏิญาณเสียก่อนจึงจะเริ่มบริหารบ้านเมืองได้
ในอดีตที่ผ่านมาไม่นานนี้ ประเทศไทยเคยมีนายกรัฐมนตรีเป็นสตรีเพศผู้หนึ่ง ที่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีโดยไม่มีประสบการณ์มาก่อนแต่อย่างใดในการบริหารบ้านเมือง เพียงแต่มีเชื้อสายมาจากอดีตนายกฯที่มีอิทธิพลมหาศาลโดยเฉพาะอิทธิพลทางด้านการเงิน จนเกิดคำกล่าวที่ว่าเงินสามารถจะซื้อทุกอย่างได้ แต่ก็พบว่า การบริหารบ้านเมืองไม่ได้ทำให้บ้านเมืองเจริญขึ้น แถมยังมีเรื่องของการทุจริตคอร์รัปชั่นเกิดขึ้นอย่างมากมาย สร้างความร้าวฉานในหมู่ประชาชน จนเกิดความแตกแยกสามัคคี อันนำไปสู่การรัฐประหาร
การรัฐประหารที่เกิดขึ้นในปีพุทธศักราช ๒๕๕๗ ทำให้ประเทศไทยได้นายกรัฐมนตรีที่มาจากนายทหารที่มีความรักชาติบ้านเมืองซึ่งต่อมาหลังจากที่มีการใช้รัฐธรรมนูญ
ฉบับใหม่ที่ได้รับการยอมรับจากการทำประชาพิจารณ์ ก็ได้มีการเลือกตั้งอีกครั้งหนึ่งตามระบอบประชาธิปไตย และอดีตนายกรัฐมนตรีผู้ที่เป็นนายทหารคือพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ได้รับการเลือกตั้งตามวิถีทางประชาธิปไตยให้เป็นนายกรัฐมนตรี ได้บริหารบ้านเมืองจนมีความเจริญก้าวหน้าเป็นอย่างยิ่งตลอดระยะเวลา ๙ ปี
ประเทศไทยของเราเพิ่งจะได้นายกรัฐมนตรีท่านใหม่ซึ่งเป็นสตรีเพศ อันเป็นผลมาจากนายกรัฐมนตรีก่อนหน้านี้ ได้รับการตัดสินโดยศาลรัฐธรรมนูญว่าเป็นผู้ที่ ประพฤติผิดจริยธรรม ต้องพ้นจากการปฏิบัติหน้าที่ จึงต้องมีการเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ซึ่งก็เป็นที่ทราบกันดีแล้วว่านายกรัฐมนตรีท่านใหม่ได้ตำแหน่งนี้มาเพราะอะไร ซึ่งประชาชนชาวไทยทั้งหมดต่างรู้กันดี เพียงแต่จะตระหนักในสิ่งที่เกิดขึ้นว่าเป็นเรื่องที่ดีหรือร้ายมากน้อยเพียงใดก็ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณเท่านั้น
ก็ได้แต่หวังว่านายกรัฐมนตรีท่านใหม่ผู้เป็นสตรีเพศนั้น จะบริหารบ้านเมืองโดยเอาบ้านเมืองเป็นที่ตั้ง ที่จะทำให้บ้านเมืองนี้มีความเจริญก้าวหน้า ประชาชนอยู่เย็นเป็นสุข อยู่ดีกินดีตามควรแก่อัตภาพ มีความสงบสุขในบ้านเมืองตามที่ควรจะเป็นด้วยเทอญ
ปิยะ เนตรวิเชียร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี