เมื่อวานนี้ พรรคเพื่อไทยส่งเทียบเชิญพรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมรัฐบาล อย่างเป็นทางการ
1. พรรคเพื่อไทย ทำหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษรเชิญพรรคประชาธิปัตย์ร่วมรัฐบาล
เนื้อหาหนังสือเชิญระบุชัดว่า “เห็นว่าพรรคประชาธิปัตย์มีบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ และมีอุดมการณ์ที่จะทำงานร่วมกันได้...”
นี่คือการยื่นมือออกไปหาพรรคประชาธิปัตย์ คู่ต่อสู้ทางการเมืองที่สำคัญของพรรคเพื่อไทย
ถือเป็นการสร้างประวัติศาสตร์ใหม่
จากพรรคการเมืองขั้วตรงข้ามชัดเจน
จากที่เคยโจมตี วิพากษ์วิจารณ์ ต่อสู้ทางการเมือง
ถึงขนาดเคยยื่นยุบพรรคกันมาแล้ว
นับว่าพรรคเพื่อไทยเอง เป็นฝ่ายยื่นมือออกไปหาพรรคประชาธิปัตย์
2. นายสรวงศ์ เทียนทอง สส.และเลขาฯพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ว่า
“...อย่างที่นายเดชอิศม์เคยให้สัมภาษณ์ เมื่อก่อนก็คือเมื่อก่อน ณ ปัจจุบันตนมั่นใจว่าในสภาฯทุกคนมีจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือทำให้ประชาชนและประเทศชาติไปได้ทางที่ดี ซึ่งไม่มีคนในพรรคเพื่อไทยคัดค้าน ทุกสิ่งทุกอย่างมันผ่านมาแล้ว ประเทศต้องเดินหน้าต่อ สองพรรคสู้กันมานานพอสมควร แต่ ณ วันนี้ มาถึงคนรุ่นใหม่ที่มาดูแลพรรค อุดมการณ์ทางการเมืองก็ส่วนอุดมการณ์ แต่แนวทางการทำงานเราไปด้วยกันได้อย่างแน่นอน
...อุดมการณ์ทางการเมืองของเราอาจจะไม่เคยเหมือนกันเลยในอดีต แต่วันนี้ คนรุ่นใหม่มาบริหารพรรค ทุกคนมุ่งหน้าไปในทางเดียวกัน คือ พี่น้องประชาชนต้องได้รับการแก้ไขให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ประเทศชาติมันถอยหลังไปหลายปี มันถึงเวลาแล้วที่จะเดินหน้าร่วมกัน อะไรที่เป็นความขัดแย้งเราทิ้งไว้ข้างหลังดีกว่า...”
นักข่าวถามว่า การตัดสินใจครั้งนี้ จะไม่ทำให้โหวตเตอร์ของพรรคไม่พอใจหรือไม่?
นายสรวงศ์ กล่าวว่า ต้องดูผลงาน ตนมั่นใจว่าถ้าเราร่วมมือกันทำงานแล้วผลงานออกมาดี และมองอีกมุมหนึ่ง ตนคิดว่าความขัดแย้งได้หายไปแล้ว เรามาร่วมกันทำงาน จึงคิดว่าเป็นสิ่งที่ดีมากกว่า
3. เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ นายเดชอิศม์ ขาวทอง ยืนยันว่า จะนำเข้าสู่ที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคและสส.พรรค คาดว่าจะประชุมวันพรุ่งนี้ (29 ส.ค.)
“...ต้องเข้าใจว่าเหตุการณ์เมื่อ 20-30 ปีที่แล้วกับวันนี้ไม่เหมือนกันเลย ปัญหาของประเทศไม่เหมือนกันเลย แนวคิดในการพัฒนาประเทศก็ไม่เหมือนกัน ฉะนั้น เมื่อถึงเวลาที่เราจูนกันได้ที่เรารักกันและเดินหน้าไปด้วยกันได้ ตนคิดว่าเป็นสิ่งที่ดีงาม
..สำหรับพรรคประชาธิปัตย์ ก่อนโหวตอาจจะมีความเห็นเป็น 2 อย่าง มีฝ่ายที่ร่วมและไม่ร่วม แต่เมื่อผ่านเป็นมติพรรคแล้ว ทุกคนต้องปฏิบัติตามมติพรรค ส่วนหากในอนาคตมีการโหวตใดๆ ของพรรคประชาธิปัตย์ แล้วมีบางคนงดออกเสียงหรือโหวตสวนมติพรรคนั้น คงเป็นอย่างนั้นไม่ได้ เพราะข้อบังคับพรรคมี...” - เลขาพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
4. เชื่อว่า พรรคประชาธิปัตย์ย่อมจะมีการถกเถียงเรื่องนี้กันอย่างกว้างขวาง ดุเดือด ก่อนจะมีมติเข้าร่วม
และหากเข้าร่วม พรรคประชาธิปัตย์ก็คงต้องมีเงื่อนไข (เหมือนพรรคการเมืองอื่นๆ ที่เข้าร่วมก่อนหน้านี้ ได้แสดงเงื่อนไข จุดยื่น แนวทางสำคัญของพรรคตนเอง)
จุดยืนที่ควรรักษา คือ
จะต้องไม่แตะมาตรา 112 ไม่แก้รัฐธรรมนูญที่กระทบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์
นอกจากนี้ จะต้องไม่ให้เกิดกรณีนักโทษคดีทุจริตกลับมารับโทษแบบไม่ติดคุกจริง อย่างเด็ดขาด
การให้รับโทษนอกเรือนจำ หากนำมาใช้หลังจากนี้ จะต้องไม่ครอบคลุมนักโทษคดีทุจริตประพฤติมิชอบอย่างเด็ดขาด
อย่าลืมว่า พรรคประชาธิปัตย์ต่อสู้เรื่องนี้มาโดยตลอด
ส่วนนโยบายดิจิทัล วอลเล็ต ก็คงต้องปรับเปลี่ยน ในประเด็นที่มีความสุ่มเสี่ยงเดิม (ซึ่งพรรคเพื่อไทยก็แสดงท่าทีพร้อมปรับเปลี่ยนตามพรรคร่วม)
5. พรรคเพื่อไทย สมควรต้องแสดงให้เห็นถึงความจริงใจ ไม่แบ่งเขาแบ่งเราอีกต่อไปแล้ว
รัฐบาลพรรคเพื่อไทยควรผลักดันการช่วยเหลือเยียวยา กปปส.ที่ได้รับบาดเจ็บล้มตายระหว่างการชุมนุม
บนมาตรฐานเดียวกับที่รัฐบาลเพื่อไทยเอง เคยเยียวยาคนเสื้อแดง
นั่นคือ กรณีจ่ายเงินเยียวยาคนเสื้อแดงที่เสียชีวิตรายละ 7.75 ล้านบาท
ก่อนหน้านี้ ป.ป.ช.เคยไต่สวนรัฐบาลยิ่งลักษณ์ แต่ที่สุด ป.ป.ช.พิจารณาแล้ว เห็นว่า การจ่ายเงินเยียวยาคนเสื้อแดงดังกล่าว รวมกว่า 2 พันล้านบาท เป็นการกระทําตามอํานาจหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินตามที่ได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภาตามมาตรา 174 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ไม่มีมูลความผิด แม้จะเป็นการจ่ายเงินเยียวยาที่ไม่มีกฎหมายรองรับให้จ่าย ผู้จ่ายได้ประโยชน์ทางการเมือง แต่ไม่มีใครต้องรับผิดทางอาญา
กรณีที่เสียชีวิต รายละ 7.75 ล้านบาทนั้น แยกเป็นค่าชดเชยการเสียชีวิต 4.5 ล้านบาท ค่าทำศพ 2.5 แสนบาทและค่าเยียวยาจิตใจสำหรับญาติผู้เสียชีวิตอีก 3 ล้านบาท
หากรัฐบาลเพื่อไทย ยุคจับมือประชาธิปัตย์ นำโดยนายกฯแพทองธารมีความจริงใจ ไม่แบ่งฝักแบ่งฝ่าย
สมควรใช้ตามบรรทัดฐานเดิมที่เคยช่วยเหลือเยียวยาคนเสื้อแดง นำมาช่วยเหลือเยียวยาผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ ในช่วงการชุมนุม กปปส. (ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญชี้ด้วยว่าเป็นการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ ไม่ได้มีอาวุธสงครามไปฆ่าทหารด้วย)
รัฐบาลควรเยียวยา กปปส. ไม่น้อยไปกว่าคนเสื้อแดง
กรณีเสียชีวิต 7.75 ล้านบาท
กรณีทุพพลภาพ 4.5 ล้านบาท/ราย
กรณีสูญเสียอวัยวะ 1.8 - 3.6 ล้านบาท
กรณีได้รับบาดเจ็บไม่สูญเสียอวัยวะ 225,000 - 1,125,000 บาท/ราย ฯลฯ
ตามข้อมูลของศูนย์เอราวัณ ปี 2557 สรุปเหตุการณ์ความรุนแรงจากชุมนุมทางการเมือง ตั้งแต่วันที่ 30 พฤศจิกายน 2556 ถึงวันที่ 29 พฤษภาคม 2557 รวม 96 เหตุการณ์
มียอดรวมผู้บาดเจ็บ 782 ราย และผู้เสียชีวิต 27 ศพ
รายชื่อผู้เสียชีวิตในช่วงนั้น ได้แก่
30 พฤศจิกายน 2556 เหตุการณ์ปะทะที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง 1) นายทวีศักดิ์ โพธิ์แก้ว อายุ 21 ปี 2) นายวิษณุ เภาภู่ อายุ 26 ปี 3) นายวิโรจน์ เข็มนาค อายุ 43 ปี 4)พลทหารธนสิทธิ์ เวียงคำ อายุ 22 ปี และ 5) นายสุรเดช คำแปงใจอายุ 19 ปี
26 ธันวาคม 2556 เหตุการณ์ชุมนุมบริเวณสนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น 1) ด.ต.ณรงค์ ปิติสิทธิ์ อายุ 45 ปี 2) นายวสุ สุฉันทบุตร อายุ 30 ปี
28 ธันวาคม 2556 เหตุการณ์ผู้ชุมนุมกลุ่ม คปท. ถูกยิงบริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ นายยุทธนา องอาจ อายุ 27 ปี
17 มกราคม 2557 เหตุการณ์การเดินขบวนของกลุ่ม กปปส. ถูกระเบิดบริเวณถนนบรรทัดทอง นายประคอง ชูจันทร์ อายุ 46 ปี
19 มกราคม 2557 เหตุการณ์การชุมนุมของกลุ่ม กปปส. ถูกระเบิดที่บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ นายอานนท์ ไทยดี อายุ 65 ปี
26 มกราคม 2557 เหตุการณ์การชุมนุมของกลุ่ม กคป. บริเวณหน้าวัดศรีเอี่ยม นายสุทิน ธราทิน อายุ 52 ปี
18 กุมภาพันธ์ 2557 เหตุการณ์การสลายการชุมนุมกลุ่มกองทัพธรรม บริเวณสะพานผ่านฟ้าลีลาศ 1) นายสุพจน์ บุญรุ่ง อายุ 52 ปี 2) ด.ต.เพียรชัย ภารวัตร อายุ 45 ปี 3) นายธนูศักดิ์ รัตนคช อายุ 29 ปี 4) นายศรัทธา แซ่ด่าน อายุ 43 ปี 5) นายจีรพงษ์ ฉุยฉาย อายุ 29 ปี 6) ส.ต.ต.ศราวุฒิ ชัยปัญหา อายุ 28 ปี
21 กุมภาพันธ์ 2557 เหตุการณ์ลอบยิงกลุ่มผู้ชุมนุม กปปส. ที่จังหวัดตราด 1) นางพิศตะวัน อุ่นใจ อายุ 39 ปี 2) ด.ญ.ฬิฬาวัลย์ พรหมชัย อายุ 5 ขวบ 3) ด.ญ.ณัฐยา รอสูงเนิน อายุ 5 ขวบ
23 กุมภาพันธ์ 2557 เหตุการณ์ระเบิดบริเวณหน้าห้างบิ๊กซี สาขาราชดำริ 1) น.ส.ฐิพาพรรณ สุวรรณมณี อายุ 59 ปี 2) ด.ช.กรวิชญ์ ยศอุบล อายุ 4 ขวบ 3) ด.ญ.พัชรากร ยศอุบลอายุ 6 ขวบ
1 เมษายน 2557 เหตุการณ์ลอบยิงกลุ่ม คปท. บริเวณทางด่วนแจ้งวัฒนะ ส.อ.วสันต์ คำวงศ์ อายุ 53 ปี
15 พฤษภาคม 2557 เหตุการณ์ลอบยิง-ระเบิด กลุ่มผู้ชุมนุม กปปส. บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย 1) นายนรายศ จันทร์เพ็ชร อายุ 21 ปี 2)นายสมควร นวนขนาย อายุ 51 ปี 3) นายมารุต เที่ยงลิ้ม อายุ 45 ปี
คนเหล่านี้ คือ ประชาชนคนไทยเช่นกัน
ในยุครัฐบาลสลายขั้ว ก็สมควรปฏิบัติมาตรฐานเดียวกันกับที่เคยช่วยเหลือคนเสื้อแดง
รัฐบาลอุ๊งอิ๊งค์ รัฐบาลเพื่อไทย-ประชาธิปัตย์ อย่าใจดำอย่าเลือกปฏิบัติ
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี