สัปดาห์ที่แล้ว กองทัพอากาศไทยประกาศว่า ได้คัดเลือกเครื่องบินรบ JAS 39 Gripen E/Fให้เข้าบรรจุในฝูงบินขับไล่โจมตีฝูงใหม่
เป็นการคว้าชัยชนะเหนือคู่แข่ง คือ F-16 A/B ของสหรัฐอเมริกา
1. JAS 39 Gripen E/F แทนที่ F-16 A/B ณ ฝูงบิน 102 กองบิน 1
กองทัพอากาศได้ประกาศยืนยันว่า โครงการจัดหาเครื่องบินขับไล่โจมตีทดแทนระยะที่ 1 ในปีงบประมาณ 2568-2572 เพื่อทดแทนเครื่องบินขับไล่แบบที่ 19/ก หรือ F-16 A/B ณ ฝูงบิน 102 กองบิน 1 ซึ่งบรรจุประจำการตั้งแต่ปี พ.ศ.2531 เป็นเวลามากกว่า 36 ปีแล้วนั้น โครงการจัดหาฯ ดังกล่าวเป็นโครงการที่กองทัพอากาศให้ความสำคัญอย่างยิ่ง
โดยได้กำหนดไว้ในสมุดปกขาวกองทัพอากาศ พ.ศ.2567 (RTAF Whitepaper 2024) เนื่องจากเป็นโครงการที่ต้องใช้งบประมาณสูงจากภาษีของพี่น้องประชาชน
ดังนั้น คณะกรรมการพิจารณาเลือกแบบและกำหนดวิธีการจัดหาเครื่องบินขับไล่โจมตีทดแทนของกองทัพอากาศ ซึ่งได้รับมอบหมายจากผู้บัญชาการทหารอากาศ จึงตระหนักว่าการพิจารณาดำเนินโครงการดังกล่าว จะต้องทำด้วยความละเอียดรอบคอบ เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าในการจัดหาเครื่องบินขับไล่โจมตีในการปฏิบัติภารกิจป้องกันประเทศไปอีกอย่างน้อย 30 ปี
ทั้งนี้ เครื่องบินขับไล่โจมตีทดแทนต้องเป็นเครื่องบินที่มีขีดความสามารถดีกว่าเครื่องบินขับไล่โจมตี ที่กองทัพอากาศมีใช้งานในปัจจุบัน
มีความเหมาะสมในด้านคุณสมบัติร่วมและความต่อเนื่อง (Commonality & Continuity)
สามารถพัฒนาต่อยอดตามยุทธศาสตร์ของกองทัพอากาศและกองทัพไทยได้ในอนาคต
รวมถึงต้องมีการดำเนินการตามนโยบายชดเชยการนำเข้ายุทโธปกรณ์ (Offset Policy) เพื่อพัฒนาไปสู่การพึ่งพาตนเองอย่างยั่งยืน เสริมสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ และเพิ่มโอกาสในการแข่งขันของประเทศไทยในเวทีนานาชาติ
จากหลักการสำคัญและข้อพิจารณาข้างต้น คณะกรรมการพิจารณาเลือกแบบฯ ได้กำหนดขั้นตอนและเกณฑ์การพิจารณาที่ละเอียดรอบคอบโดยใช้ระยะเวลากว่า 10 เดือนในการดำเนินการ
จึงสามารถสรุปได้ว่าเครื่องบินขับไล่โจมตีแบบ JAS 39 Gripen E/F มีขีดความสามารถที่ตอบสนองความต้องการทางยุทธการตามหลักนิยมและยุทธศาสตร์ของกองทัพอากาศ
ทั้งยังมีอิสระในการใช้งาน และสามารถพัฒนาต่อยอดนำไปสู่การเพิ่มศักยภาพการปฏิบัติการร่วมหลายมิติ (Multi-Domain Operations) ระหว่างกองทัพอากาศร่วมกับ กองบัญชาการกองทัพไทย กองทัพบก กองทัพเรือ และหน่วยงานความมั่นคงต่างๆ ภายใต้แนวความคิดการปฏิบัติการที่ใช้เครือข่ายเป็นศูนย์กลางได้อย่างมีประสิทธิภาพในอนาคต
รวมถึงสอดคล้องกับกรอบงบประมาณที่กองทัพอากาศได้รับการจัดสรร
ตลอดจนมีข้อเสนอตามนโยบายชดเชยการนำเข้ายุทโธปกรณ์ทั้งทางตรงในการสร้างโอกาสการพัฒนาอุตสาหกรรมป้องกันประเทศนำไปสู่การพึ่งพาตนเอง เพื่อยกระดับมาตรฐานเข้าสู่ในระดับสากลและการชดเชยทางอ้อมในการให้ทุนการศึกษาแก่บุคลากรในต่างประเทศทั้งภายในกองทัพอากาศและประชาชนทั่วไปให้มีความรู้และทักษะความชำนาญขั้นสูง
รวมถึงการถ่ายทอดเทคโนโลยีในด้านสิ่งแวดล้อมและด้านเกษตรกรรม ตลอดจนการสร้างศูนย์นวัตกรรมที่นำไปสู่การเสริมสร้างผลผลิตในการสร้างรายได้ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้ประเทศไทย เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจในด้านต่างๆ ในระยะยาวต่อไป
“...กองทัพอากาศจึงขอให้ความเชื่อมั่นกับพี่น้องประชาชนว่า จะดำเนินโครงการจัดหาเครื่องบินขับไล่โจมตี JAS 39 Gripen E/F ให้เกิดความคุ้มค่าต่องบประมาณที่ได้รับจากภาษีของประชาชน มีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ และมีประสิทธิภาพ จะนำมาซึ่งการได้ยุทโธปกรณ์ที่มีสมรรถนะสูงเพื่อใช้ในการปกป้องอธิปไตยและรักษาผลประโยชน์ของชาติทางอากาศ สามารถตอบสนองต่อภัยคุกคามตามสภาวะแวดล้อมในปัจจุบันและในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตามสถานภาพด้านงบประมาณ และแนวทางการพัฒนาประเทศตามนโยบายของรัฐบาลต่อไป”
2. จุดเน้นในถ้อยแถลงของกองทัพอากาศ คือ การยืนยันว่า ยึดมั่นในสมุดปกขาวกองทัพอากาศ พ.ศ.2567 (RTAF Whitepaper 2024)
นั่นคือ ดำเนินการตามแผนงาน ที่มีการพิจารณารอบคอบรอบด้าน เหมาะสมกับประเทศไทย
อย่างไรก็ตาม การดำเนินการหลังจากนี้ ยังมีอีกหลายขั้นตอน
ดูอย่างเรือดำน้ำของกองทัพเรือ ขนาดว่าตัดสินใจแล้ว อนุมัติแล้ว ทำสัญญาแล้ว แต่ยังไม่จบไม่สิ้นเสียที
แต่จะสังเกตว่า มีปฏิกิริยาเสียงตอบรับจากหลายภาคส่วนในทางที่ดี
ยกตัวอย่าง แม้แต่ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ อดีตผู้บังคับฝูงบินขับไล่สกัดกั้นที่ 102 (F-16) กองทัพอากาศ (ทอ.)ก็แสดงท่าทีสนับสนุนเต็มที่
โพสต์ว่าด้วยเรื่อง “กริพเพน กับนโยบายชดเชย และความเป็นอิสระในระบบ Data Link” หลังมีรายงานข่าวว่า ทอ.เลือกเครื่องบินกริพเพน ของบริษัท SAAB ประเทศสวีเดน
เนื้อหาบางตอน ระบุว่า
“... ผมรู้สึกภาคภูมิใจใน ผบ.ทอ. ที่เปี่ยมไปด้วยภาวะผู้นำท่านนี้ด้วยความจริงใจ
การเลือกแบบเครื่องบินรบฝูงใหม่ โดยยึดเอาภารกิจของ ทอ.เป็นหลัก และฟันธงโดยไม่ต้องให้รัฐบาลเข้ามาแทรกแซง ถือได้ว่าท่านตระหนักถึงอำนาจ หน้าที่ ความรับผิดชอบของท่านเป็นอย่างดี
เพราะคงไม่มีใครหน้าไหนมาตัดสินใจเลือกเครื่องบินรบได้ดีกว่า ทอ.อย่างแน่นอน
โดยความกล้าหาญของท่าน ที่ไม่ยอมถูกครอบงำจากฝ่ายการเมือง จะเป็นตำนานเล่าขานกันต่อไป” - น.อ.อนุดิษฐ์ ระบุ
น.อ.อนุดิษฐ์ ยังอธิบายว่า นอกจากเครื่องบินกริพเพนจะตอบสนองความต้องการด้านยุทธการของ ทอ.แล้ว บริษัท SAAB จากสวีเดนยังมาพร้อมข้อเสนอที่ให้อิสระในการเข้าถึงซอฟต์แวร์ในส่วนสำคัญของระบบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการมีอธิปไตยในการพัฒนาต่อยอดระบบเหล่านี้ด้วยความสามารถของ ทอ.เองในอนาคต โดยไม่ต้องไปพึ่งบริษัทต่างชาติอีก รวมถึงการให้ชดเชยทางเศรษฐกิจกับประเทศไทยแบบจุใจ
ขอฝากไปถึง สส.ในสภาฯ ด้วยว่า อีกไม่กี่วัน จะมีการอภิปรายร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปี’68 ในวาระที่ 2 จึงอยากให้นำแนวทาง และบรรทัดฐานการระบุเงื่อนไข Offset (นโยบายออฟเซต (Offset Policy) คือ นโยบายที่ประเทศผู้ซื้อยุทโธปกรณ์ตั้งเงื่อนไขเพิ่มเติมจากการซื้อหรือนำเข้ายุทโธปกรณ์ตามปกติ) สำหรับการจัดซื้อจัดจ้างจากผู้ผลิตต่างประเทศ ให้กับกรรมาธิการงบประมาณ และ สส.ทุกท่าน เป็นข้อมูลสำหรับการอภิปราย และหน่วยงานราชการอื่นๆ สามารถนำไปประยุกต์กับการจัดซื้อครุภัณฑ์จากต่างประเทศได้ด้วย 8 เงื่อนไข Offset ประกอบด้วย
1.การกำหนดให้มีการจ้างผลิตจากผู้ผลิตหรือการจ้างบริการจากผู้ประกอบการในประเทศไทยตามขอบเขตเนื้องานในโครงการ โดยระบุปริมาณงานเป็นมูลค่าไม่น้อยกว่า ...% ของมูลค่าโครงการ
2.การกำหนดให้มีการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากบริษัทผู้ผลิตต่างประเทศ ให้ถึงระดับที่ 9 (Technology Readiness Levels 9) ซึ่งเป็นการถ่ายทอดเทคโนโลยีที่ครบถ้วนสมบูรณ์ เพื่อการพัฒนาบนพื้นฐานของการพึ่งพาตนเองอย่างสมบูรณ์ นำไปสู่การมีลิขสิทธิ์ของเทคโนโลยีในอนาคต ตลอดจนมีขีดความสามารถในการทดสอบ การใช้งาน การติดตามผลการใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง และการรับรองมาตรฐานที่ยอมรับในระดับสากล ทั้งนี้เพื่อให้เกิดการพัฒนาเทคโนโลยีในประเทศไทย และอุตสาหกรรมไทยสามารถดูแล พัฒนา ปรับปรุง บำรุงรักษาระบบได้ด้วยตนเองอย่างอิสระ
3.การกำหนดให้เกิดความร่วมมือกับอุตสาหกรรมในประเทศไทยจัดตั้งศูนย์ซ่อมบำรุงในประเทศไทย อย่างน้อยให้ถึงการซ่อมบำรุงระดับกลาง (Intermediate Level) หรือขั้นสูงสุดที่การซ่อมบำรุงระดับโรงงาน (Depot Level)
4.การกำหนดให้อุตสาหกรรมไทยมีส่วนร่วมในการพัฒนาซอฟต์แวร์ module ที่สำคัญของระบบ เช่น ซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการบิน (Operation Flight Program; OFP) โดยการมอบกรรมสิทธิ์ใน software source code หรือ Application Programming Interface (API) หรือ Interface Control Document (ICD) เพื่อให้ผู้ใช้งาน หรืออุตสาหกรรมไทยสามารถพัฒนาต่อยอด ปรับปรุง ดัดแปลง เพิ่มเติมขีดความสามารถให้แก่ระบบได้ด้วยตนเองอย่างมีอิสระ ไม่ต้องกลับไปพึ่งพาผู้ผลิตต่างประเทศ
5.การกำหนดให้การพัฒนาซอฟต์แวร์ระบบสำคัญและเป็นความลับของการป้องกันประเทศ เช่น ระบบควบคุมบังคับบัญชา (Command & Control) ระบบเชื่อมโยงข้อมูลทางยุทธิวิธี (Tactical Data Link) ระบบอำนวยการรบ (Combat Management System) ดำเนินการพัฒนาโดยหน่วยงานราชการไทย หรือบริษัทอุตสาหกรรมไทยเท่านั้น
6.กำหนดให้บริษัทผู้ผลิตต่างชาติมีการส่งมอบระบบ System Integration Lab (SIL), Software Test Bench, Land Base Test Site และอุปกรณ์ (Hardware) หรือ Software Development Environment ที่จำเป็นสำหรับการพัฒนาระบบต่อไปในประเทศไทย
7.กำหนดให้ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาคมอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ และหน่วยงานราชการ ทำการขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการ ผู้ผลิต ผู้พัฒนาชิ้นส่วนต่างๆ ของเครื่องบินหรือระบบป้องกันประเทศ และผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ระบบป้องกันประเทศ โดยให้มีการตรวจสอบสถานที่ เครื่องมือ เครื่องจักร ขีดความสามารถ มาตรฐานสากลที่ได้รับ มีการออกแบบและผลิตจริงไม่ใช่การซื้อของมาจากต่างประเทศเพื่อประกอบเท่านั้น เพื่อให้การรับรองเป็นบริษัทอุตสาหกรรมที่มีความน่าเชื่อถือ และถูกระบุอยู่ในรายชื่อบริษัทอุตสาหกรรมที่หน่วยงานรัฐต้องให้การสนับสนุนจัดซื้อจัดจ้างเป็นลำดับแรกก่อนเท่านั้น หากหน่วยงานรัฐไม่ปฏิบัติตามต้องมีความผิด
และ 8.การกำหนดความต้องการดังกล่าวด้านบน จะต้องโปร่งใส ชัดเจน ในรายละเอียดความต้องการ (TOR) สำหรับโครงการจัดซื้อจัดจ้างจากบริษัทผู้ผลิตต่างประเทศ ทั้งนี้ บริษัทผู้ยื่นข้อเสนอจะต้องแสดงหลักฐานการดำเนินการหรือการได้มาซึ่งใบอนุญาตส่งออก (export license) จากรัฐบาลของประเทศผู้ยื่นข้อเสนอ กรณีผู้ยื่นข้อเสนอไม่สามารถจัดการให้ได้มาซึ่งใบอนุญาตส่งออกตามระยะเวลาที่กำหนด หน่วยงานรัฐมีสิทธิที่จะยกเลิกสัญญาได้
“... ฟันธงว่า ทอ.จะระบุในสัญญาการจัดซื้อเครื่องบินกริพเพนฝูงใหม่อย่างแน่นอน และประชาชนเจ้าของภาษีจะได้อุ่นใจว่าเงินภาษีของท่านจะได้รับการใส่ใจดูแลเป็นอย่างดี ด้วยเงื่อนไขในสัญญาที่ถูกทำขึ้นอย่างรอบคอบ รัดกุม และโปร่งใส สุดท้าย ผมขอเป็นกำลังใจให้ ผบ.ทอ. ตราบใดที่ท่านมีความกล้าหาญ และยืนอยู่ข้างผลประโยชน์ของประเทศชาติ พวกเราจะยืนอยู่เคียงข้างท่าน เป็นกำลังใจให้ท่านต่อสู้ต่อไป ไม่ว่าท่านจะเผชิญกับอำนาจเร้นลับใดๆ ทั้งจากในและนอกประเทศก็ตาม คุณงามความดีเหล่านี้ ย่อมเป็นเกราะคุ้มครองท่านได้อย่างแน่นอน ตำแหน่งอาจอยู่ไม่นาน แต่ตำนานจะอยู่ตลอดไป” -น.อ.อนุดิษฐ์กล่าว
3. แน่นอนว่า ฝ่ายที่กระอักเลือด ก็คงเป็นสหรัฐอเมริกา เพราะงานนี้ เสนอเครื่องบินรบ F-16 A/B มาให้ไทย
แต่ปรากฏว่า ข้อเสนอสู้กริพเพนจากสวีเดนไม่ได้
ก็อยากบอกว่า อย่าคิดว่าไทยเป็นของตาย
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี