ในการหาเสียงของพรรคเพื่อไทยครั้งล่าสุด บรรดาพลพรรคเพื่อไทยทั้งหลาย โดยเฉพาะหัวหน้าพรรคได้ประกาศสัญญาประชาคมต่อประชาชนอย่างชัดเจนหลายครั้งหลายหนจนผู้คนจดจำกันได้ทั้งประเทศว่าจะปิดฉาก 3 ป. คือ ป.ประยุทธ์ ป.ป๊อก และ ป.ป้อม ด้วยความหวังว่าการหาเสียงแบบนี้จะทำให้ได้รับคะแนนเสียงชนะเลือกตั้ง
และผลก็เกือบจะสมดังที่ตั้งใจไว้คือเป็นผลให้พรรคเพื่อไทยได้รับคะแนนเสียงเลือกตั้งเป็นลำดับที่สองรองจากพรรคก้าวไกล ดังนั้นเมื่อพรรคก้าวไกลถูกกำจัดพ้นออกจากอำนาจ บทบาทในการจัดตั้งรัฐบาลจึงมาอยู่ที่พรรคเพื่อไทย
และเพื่อให้การบริหารอำนาจรัฐมีพลังที่สุด พรรคเพื่อไทยจึงเชื้อเชิญพรรคต่างๆ เข้ามาร่วมรัฐบาลรวมทั้งพรรคการเมืองของ 2 ป.ด้วย
เกือบหนึ่งปีผ่านไป ความร่วมมือระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคการเมืองของ ป.ประยุทธ์ ดูเหมือนจะราบรื่นเรียบร้อย จะมีขลุกขลักให้เป็นข่าวกระเส็นกระสายบ้างก็เรื่องการแก้ไขปัญหาราคาไฟฟ้าและราคาน้ำมัน ที่เจ้ากระทรวงต้องการจะทำให้ราคาลดลง แต่อาจจะไม่ถูกใจนายทุนใหญ่ของผู้มีอำนาจในรัฐบาล แต่แผลยังไม่ใหญ่และกว้างพอที่จะเป็นความขัดแย้งออกสู่ภายนอก ดังนั้นความร่วมมือในลักษณะคุมเชิงจึงเกิดขึ้นและดำเนินไปอย่างเงียบๆ
ส่วนความร่วมมือระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคการเมืองของ ป.ป้อมนั้นมีมือประสานที่สำคัญคือ ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า จึงพอไปกันได้ คงเหลือแต่ว่าผลงานในบางกระทรวงเป็นอย่างไรที่ประทับใจเข้าตาพรรคแกนหลักหรือไม่เท่านั้น
แต่ทว่าในพรรคของ ป.ป้อมนั้นภายในพรรคไม่เป็นน้ำเนื้อเดียวกัน ยังแบ่งออกเป็นสองขบวนใหญ่ คือขบวนของ ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า ซึ่งมี สส. ราว 22 คน กับขบวนของหัวหน้าพรรคซึ่งมี สส. ราว 18 คน
ปรากฏว่าในรอบเกือบหนึ่งปีที่ผ่านมานั้นกลับมีปัญหาความขัดแย้งกันภายในระหว่างกระทรวงที่พรรคพลังประชารัฐดูแลอยู่ทั้งคู่ คือระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า เป็นรัฐมนตรีว่าการ กับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่มี พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ เป็นรัฐมนตรีว่าการ
เกิดกรณีที่ข้าราชการในกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ออกมาโจมตีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่มีรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐดูแลว่าโกงที่อุทยานไปให้กับนายทุนบ้าง ความขัดแย้งขยายตัวออกสู่สาธารณะอย่างกว้างขวางเป็นเรื่องราวมันปากอย่างต่อเนื่อง
นั่นเป็นเพียงปรากฏการณ์บนผิวน้ำ แต่ใต้น้ำนั้นอาจจะเกิดจากความขัดแย้งของผู้ใหญ่ในพรรคด้วยกันเอง จึงทำให้ความไม่เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันยิ่งขยายวงกว้างออกไป
จนกระทั่งวันหนึ่งในขณะที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ไปจัดงานวันเกิดที่บ้านเกิด ก็มีการนำโผรัฐมนตรีใหม่ของพรรคพลังประชารัฐไปส่งให้กับผู้ประสานงานของพรรคเพื่อไทย แล้วเปิดข่าวว่าเป็นโผเสนอรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐตามโควตา แต่ไม่มีร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า เป็นรัฐมนตรีเพราะทางพรรคได้ตัดเชือกทิ้งไปแล้ว
เท่ากับเป็นการประกาศตัด ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ออกจากพรรคพลังประชารัฐทั้งที่เป็นเลขาธิการพรรค เป็นเหตุให้กลุ่มของ ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า ส่งโผเฉพาะกลุ่มของตนไปยังผู้ประสานงานของพรรคเพื่อไทยด้วย และพรรคเพื่อไทยก็เล่นเป็น จึงออกข่าวว่าเรื่องภายในของพรรคพลังประชารัฐต้องไปตกลงกันเอง มิฉะนั้นก็จะต้องเป็นฝ่ายค้านทั้งพรรค
เป็นเหตุให้พรรคพลังประชารัฐออกแถลงการณ์ว่าจะเสนอแต่งตั้งรัฐมนตรีจากคนเดิมทุกประการ จากนั้นก็มีการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค ยืนยันการเสนอชื่อ 4 รัฐมนตรีตามเดิม แต่ในขณะเดียวกัน นายเรืองไกรลีกิจวัฒนะ คนสำคัญของพรรคพลังประชารัฐก็ไปยื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช. ให้ตรวจสอบไต่สวนนายกฯอุ๊งอิ๊งค์ในฐานะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐในตำแหน่งประธานโครงการ Soft Power ซึ่งมีวงเงินใช้จ่ายถึง 5,000 ล้านบาทเพื่อให้มีการดำเนินคดีอาญาและถอดถอนออกจากตำแหน่ง
เมื่อเป็นเช่นนี้จึงทำให้เส้นเชือกอันบอบบางที่เชื่อมต่อระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคพลังประชารัฐขาดสะบั้นลง เพราะเมื่อทำกันถึงปานนี้แล้วก็ไม่มีทางที่จะอยู่ร่วมกันได้ และพรรคเพื่อไทยก็เชื่อว่ากรณีดังกล่าวเกี่ยวข้องกับหัวหน้าพรรค ดังนั้นจึงตัดสินใจรับแต่รายชื่อของกลุ่มร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า เข้าร่วมรัฐบาล และไม่รับเอารายชื่อกลุ่มของหัวหน้าพรรค โดยเฉพาะ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ เป็นรัฐบาล
ทำให้พรรคพลังประชารัฐเดือดปุดๆ แกนนำของพรรคถึงกับออกแถลงการณ์หรือให้ข่าวในทำนองขู่ว่าจะให้ข่าวหรือดำเนินการกับนายกฯอุ๊งอิ๊งค์หลายกรณี รวมทั้งจะลงมติขับร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า กับพวกออกจากพรรคพลังประชารัฐ ฐานผิดและละเมิดจริยธรรม และระบุว่าจะร้องต่อ กกต. ให้ยุบพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมดฐานยอมให้นายทักษิณ ชินวัตร ในการจัดตั้งรัฐบาล โดยอ้างว่ามีภาพและคลิปเสียงของการพูดจาในการจัดตั้งรัฐบาลนั้นอย่างครบถ้วนแล้ว
สภาพเช่นนี้จึงทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคพลังประชารัฐยิ่งขาดสะบั้นและไม่มีทางต่อกันติดอีกต่อไปแล้ว เมื่อเป็นเช่นนี้จึงเป็นโอกาสอันดีให้แก่พรรคประชาธิปัตย์ที่ได้รับคำเชิญให้เข้าร่วมรัฐบาลแทนพรรคพลังประชารัฐกลุ่มของหัวหน้าพรรค ซึ่งกำลังส่งผลทางการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ให้เกิดความขัดแย้งอย่างรุนแรงที่สุดทั้งภายในพรรคและกับประชาชนผู้สนับสนุนพรรคด้วย
จะต้องตั้งคำถามว่าใครกันแน่ที่ช่วยปิดฉาก 3 ป. โดยจะมองข้ามคณะนักร้องในพรรคพลังประชารัฐไม่ได้โดยเด็ดขาด ในฐานะที่มีบทบาทเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้สายใยเส้นสุดท้ายระหว่างสองพรรคขาดสะบั้นลงอย่างสิ้นเชิงแล้ว
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี