กว่าจะได้หัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรคชุดปัจจุบัน พรรคประชาธิปัตย์ พรรคเก่าแก่ต้องใช้เวลาในการประชุมใหญ่ถึง 3 ครั้ง และจบลงเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม ปีที่แล้ว ผลออกมาว่า นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ได้เป็นหัวหน้าพรรค นายเดชอิศม์ ขาวทอง สส.สงขลา เป็นเลขาธิการพรรค
ตำแหน่งอื่น คือ รองหัวหน้าพรรคประจำภาค 5 คน ผลปรากฏว่า นายสมบัติ ยะสินธุ์ สส.แม่ฮ่องสอน เป็นรองหัวหน้าพรรค ภาคเหนือ นายไชยยศ จิรเมธากร อดีตรองหัวหน้าพรรคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นรองหัวหน้าพรรค ภาคอีสาน นายประมวล พงศ์ถาวราเดช สส.ประจวบคีรีขันธ์ เป็นรองหัวหน้าพรรคภาคกลาง นายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช เป็นรองหัวหน้าพรรคภาคใต้ นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อดีตผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. เป็นรองหัวหน้าพรรคภาค กทม.
ส่วนรองหัวหน้าพรรค ตามภารกิจ 8 คน คือ 1.นายนริศ ขำนุรักษ์ อดีตรมช.มหาดไทย 2.น.ส.จิตภัสร์ กฤดากร อดีตรองเลขาธิการพรรค 3.พล.ต.ต. สุรินทร์ ปาลาเร่ สส.สงขลา 4.นายนราพัฒน์ แก้วทอง อดีตรองหัวหน้าพรรคภาคเหนือ 5.นายธารา ปิตุเตชะ อดีตสส.ระยอง 6.น.ต.สุธรรม ระหงษ์ ผอ.พรรคฯ 7.นายมนตรี ปาน้อยนนท์ อดีตสส.ประจวบฯ และ 8.นายอภิชาต ศักดิเศรษฐ์
ในส่วนรองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ประกอบด้วย 1.น.ส.สุพัชรี ธรรมเพชร สส.พัทลุง 2.นายจักพันธ์ ปิยพรไพบูลย์ สส.ประจวบฯ 3.น.ส.สุณัฐชา โล่สถาพรพิพิธ สส.ตรัง 4.นายชนินทร์ รุ่งแสง อดีตสส.กทม. 5.นายสมยศ พลายด้วง สส.สงขลา และ 6.นางกันตวรรณ ตันเถียร อดีตสส.พังงา สำหรับตำแหน่งเหรัญญิกพรรค คือนางเจิมมาศ จึงเลิศศิริ สส.กทม. นายทะเบียนพรรคคือ นายวิรัตน์ ร่มเย็น อดีตสส.ระนอง ส่วนโฆษกพรรคคือ นายราเมศรัตนะเชวง แต่ได้ลาออกไปแล้ว ทั้งนี้คณะกรรมการบริหารพรรคมีทั้งหมด 41 คน
การเลือกตั้งหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคดังกล่าว ทิ้งไว้ด้วย คราบน้ำตา ฝันร้ายบาดแผล รอยเลือด และเสียงหัวเราะให้กับคนอีกหลายคนเพราะแม้แต่อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ อดีตหัวหน้าพรรคยังประกาศลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค ตามด้วยสมาชิกอีกบางคนของฝ่ายนายอภิสิทธิ์ ก็ได้ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคไปด้วย บางคนบอกว่า “พี่ต่อยึดพรรค กลุ่มผู้เฒ่าหลุดวงจรอำนาจยกแผง”
ซึ่งอาจจะกระเทือนแต่ไม่ถึงกับทำให้พรรคประชาธิปัตย์ล่มสลาย เพราะลักษณะพิเศษดังกล่าวเคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้งในประชาธิปัตย์ แม้จะเคยถูกยื่นยุบพรรคก็ยังรอดมาได้คนเก่าไปคนใหม่มา
ขณะนั้นนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความและคลิปวีดีโอผ่านเฟซบุ๊ก พี่ต่อ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน “คำไหน-คำนั้น” ระบุว่า... “ผมมีทั้งข่าวดี และ ข่าวร้าย...
“ข่าวดี” คือ ผมขอแสดงความยินดีกับทุกท่านที่ได้เป็นกรรมการบริหารพรรค แต่ “ข่าวร้าย” คือ ทุกท่านต้องทำงานหนัก ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป...ผมกราบเรียนพี่น้องพรรคประชาธิปัตย์ตรงนี้ทั้งหมดเลยครับ ว่า...ผมให้คำมั่นว่า คณะกรรมการบริหารชุดนี้จะยึดมั่นใน “อุดมการณ์” และ “หลักการ” ของพรรคประชาธิปัตย์ พรรคประชาธิปัตย์ “จะไม่มีวันไปเป็นอะไหล่ให้พรรคไหน”
และการเริ่มต้นที่สำคัญของพรรคประชาธิปัตย์ คือ “การขับเคลื่อน” เราจะเริ่มทำทันที ผมจะทุ่มเททุกอย่าง ให้ประชาธิปัตย์เป็น “ฝ่ายค้าน” ที่ “แข็งแรง”และ “เข้มแข็ง” ที่สุดครับ
ล่าสุดพรรคประชาธิปัตย์ ยึดทฤษฎี “บรรหาร ศิลปอาชา” ที่เคยสร้างวาทะเด็ด “เป็นฝ่ายค้านมันอดอยากปากแห้ง” ลงมติร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในลักษณะ “ฝ่ายค้านคนละครึ่ง” เหมือนกับพรรคพลังประชารัฐ ท่ามกลางข้อสงสัยว่าสมัยหน้าพรรคประชาธิปัตย์จะเป็นพรรคต่ำสิบหรือไม่
สิ่งที่เกิดขึ้นกับพรรคประชาธิปัตย์ ในขณะนี้อย่าเพิ่งไปด่วนตัดสินใจว่าประชาธิปัตย์ตายแล้วไปจากเวทีการเมืองตราบใดที่ไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวรในทางการเมือง แต่ควรปล่อยให้กาลเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ เลือกตั้งหนต่อไปก็จะได้รู้กันว่าประชาธิปัตย์จะได้ สส.น้อยหรือมากกว่าเดิมจากจำนวนที่มีอยู่ในปัจจุบัน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี