นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีผู้เป็นเจ้าของพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน และพรรคเพื่อไทย ตามลำดับ ได้รับการอนุมัติกลับสู่มาตุภูมิด้วยเงื่อนไขว่า จะต้องกลับมาเพื่อช่วยนำพรรคของตนในการต่อสู้กับพรรคก้าวไกล (นามเดิม พรรคอนาคตใหม่ และปัจจุบันคือพรรคประชาชน) ซึ่งเป้าในสนามการเมืองของไทยที่จะถึงวาระการเลือกตั้งทั่วไปใน 3 ปีข้างหน้านั้น พรรคเพื่อไทยจะต้องสามารถเอาชนะพรรคประชาชนของคนรุ่นใหม่ที่ต้องการเปลี่ยนแปลงสังคมไทยให้มีสิทธิเสรีภาพและความทัดเทียมเสมอภาคมากยิ่งขึ้นให้ได้
แต่ทว่าในช่วงเวลาเกือบร่วมปีที่กลับมาตั้งหลักที่ประเทศไทยนั้น นายทักษิณ ชินวัตร ได้พยายามกู้ชื่อเสียง และฟื้นฟู ปรับปรุงขยายกำลังทัพแต่ยังมิได้มีแผนยุทธศาสตร์ และมาตรการที่แน่นอนแน่ชัดว่าจะต่อกรกับพรรคประชาชนอย่างไร โดยการณ์กลับเป็นไปเพียงว่า นายทักษิณ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทยกลับได้มาเห็นความล่มสลายอ่อนเปลี้ยของกลุ่มพันธมิตรในวันนี้ ซึ่งเดิมต่างเคยเป็นคู่อริอันสำคัญของตัวนายทักษิณ ชินวัตร และพรรคการเมืองของเขาตามรายชื่อที่เปลี่ยนแปลงไปดังกล่าว
รายชื่อของบุคคลดังต่อไปนี้ เช่น นายชวน หลีกภัย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ พลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา และพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นต้น ที่ต่างได้เคยต่อต้านนายทักษิณ ชินวัตร และระบอบทักษิณทุนนิยมสามานย์อย่างแข็งขัน โดยบุคคลดังกล่าวที่มาจากฝ่ายการเมือง พลเรือน ก็เล่นบทบาทอย่างเต็มที่ในกรอบรัฐสภา จนบางคนก็ออกไปเป็นแกนนำในการเมืองภาคประชาชน ส่วนท่านแม่ทัพนายกองดังกล่าวก็ได้มีส่วนในการปฏิวัติรัฐบาลของนายทักษิณ ชินวัตร และรัฐบาลในอาณัติของนายทักษิณ ชินวัตร รวม 2 ครั้งด้วยกัน ซึ่งก็ได้ขีดเขียนกฎหมายรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ๆ อีก 2 ครั้ง แต่ก็มิสามารถขจัดระบอบทักษิณทุนนิยมสามานย์ให้ออกไปจากสนามการเมืองและสังคมไทยได้ ด้วยสาเหตุว่า“ใจไม่ถึง” หรือไม่ก็ด้อยความสามารถในการที่จะเสนอทางเลือกทางออกให้กับประเทศไทยที่ดีกว่าแนวทางระบอบทักษิณทุนนิยมสามานย์
และเมื่อวันหนึ่งได้มีสิ่งท้าทายใหม่ที่มาจากคนหนุ่มคนสาวในชื่อของ พรรคอนาคตใหม่ (บัดนี้ในชื่อของ พรรคประชาชน) ฝ่ายนายทักษิณ และฝ่ายคู่อริของเขา ก็หันมาจับมือกันเพื่อรักษาฐานันดรเดิม เพื่อต่อสู้กับพรรคประชาชนแทน
ในขณะที่การต่อสู้ของฝ่ายพันธมิตรฐานันดรเดิมยังไม่ได้เริ่มอย่างเข้มข้น แต่ทว่าดันกลับมาขัดแย้งบ่อนทำลายกันเอง อีกทั้งพรรคในกลุ่มอำนาจนิยมก็ยังมีความขัดแย้งกันภายใน ว่าด้วยความมากน้อยหรือไม่อย่างไรของการที่จะต้องเข้าไปร่วมมือกับนายทักษิณ ชินวัตร และระบอบทักษิณทุนนิยมสามานย์ของเขา เพื่อรักษาฐานเสียง และความอยู่รอด และต่อสู้กับพรรคประชาชนดังกล่าว
ปรากฏการณ์อย่างที่คอการเมืองมิได้คาดคิดคาดเดากันมาก่อนว่าจะเลวร้ายถึงเพียงนี้ ก็คือการแตกแยกของพรรคพลังประชารัฐ การแตกแยกของพรรคประชาธิปัตย์ การขัดเคืองกันในเรื่องความคิดอ่านในพรรครวมไทยสร้างชาติ ส่วนหนึ่งของพรรคต่างๆ ดังกล่าว ได้พาตัวเข้าไปสยบต่ออำนาจ อิทธิพล และบารมี ของนายทักษิณ ชินวัตร เป็นการขายพรรคเพื่อแลกกับตำแหน่งหน้าที่ในรัฐบาลของคนบางคนเท่านั้น ซึ่งนำมาซึ่งความอดสู ห่อเหี่ยว อนาถใจ ของสมาชิกพรรค กลุ่มผู้สนับสนุน และสาธารณชนโดยทั่วไปอย่างไม่น้อยทีเดียว
จึงกล่าวได้ว่า นายทักษิณ ชินวัตร ณ วันนี้ก็คือ ผู้ชนะเหนือพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคการเมืองของฝ่ายกองทัพที่เคยล้มอำนาจของตนเอง บัดนี้นายทักษิณ ชินวัตร ก็คงยิ้มย่องอย่างพึงพอใจ เสมือนหนึ่งแค้นนี้ได้ชำระไปในระดับหนึ่งแล้ว
อย่างไรก็ตามถ้ามองจากอีกมุมหนึ่งก็อาจจะมองได้ว่า ฝ่ายฐานันดรเดิมอยู่กันด้วยความจำใจ ไม่ไว้ใจกัน จึงพร้อมที่จะบ่อนทำลายกันเองได้ก็ขึ้นอยู่ว่าจะสมานไมตรีกันได้หรือไม่อย่างไร เพราะยังมีศึกสำคัญรออยู่ ก็คือการต่อสู้กับพรรคประชาชน ที่เต็มไปด้วยคนหนุ่มคนสาวที่มีเสียงอยู่แล้ว 14 ล้านเสียง ซึ่งจัดได้ว่าเป็นกองทัพที่น่าเกรงขาม และหัวหน้าฝ่ายฐานันดรเดิมอย่างนายทักษิณ ชินวัตร ก็จำเป็นที่จะต้องปรับกระบวนยุทธ์ให้พรั่งพร้อมเสียแต่วันนี้ มิฉะนั้นก็จะเผชิญกับความพ่ายแพ้ และจำต้องหนีไปพักพิงที่ต่างประเทศอีกรอบหนึ่ง
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี