นั่งรูดหน้าจอโทรศัพท์ แล้วเจอ 3 ความเห็นที่น่าสนใจ ในการมอง “การเมืองไทย” โดยเฉพาะเมื่อมองไปยังนายกรัฐมนตรี อุ๊งอิ๊งค์-แพทองธาร ชินวัตร
1) เพจ Paisal Puechmongkol โดย คุณไพศาล พืชมงคล นำเสนอเรื่อง “การเมืองสามานย์หฤโหด!!” ความว่า
“ยังไม่ทันได้ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีเลยแม้แต่สักวันเดียว นายกฯอุ๊งอิ๊งค์ก็ถูกร้องให้ดำเนินคดีไปแล้ว 3 เรื่อง โดยฝีมือของพ่อทิดเรืองไกร
ลีกิจวัฒนะ แห่งพรรคพลังประชารัฐ
คดีแรก เป็นการร้องเรียนต่อป.ป.ช.ให้ทำการตรวจสอบไต่สวน ในฐานะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตำแหน่งประธาน กรรมการ Solf Power ที่เกี่ยวข้องกับการใช้งบประมาณ 5 พันล้านบาท ซึ่งหวังผลในคดีคือการดำเนินคดีอาญาและการถอดถอนออกจากตำแหน่ง
คดีที่ 2 คือการร้องขอให้ กกต.ตรวจสอบไต่สวนว่า พรรคเพื่อไทยยินยอมให้นายทักษิณครอบงำพรรคในการแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรี ซึ่งหวังผลให้มีการยุบพรรคและตัดสิทธิ นายกฯอุ๊งอิ๊งค์ทางการเมือง
คดีที่ 3 เป็นการร้องต่อป.ป.ช.ให้ตรวจสอบไต่สวน การถือหุ้นของนายกฯอุ๊งอิ๊งค์ใน 20 บริษัท โดยสงสัยว่า จะลาออกย้อนหลังเพื่อให้มีการเข้าชื่อกันถอดถอนนายกฯอุ๊งอิ๊งค์ออกจากตำแหน่ง
ที่กำลังรอคิวอยู่อีกหลายคดี คือ
~ คดีร้องขอให้ยุบพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมดในข้อหาว่า ยอมให้นายทักษิณครอบงำพรรค ในการจัดตั้งรัฐบาลเมื่อเย็นวันที่ 14 สิงหาคม 2567
~ คดีปลุกผียายเนื่อม กล่าวหานายกฯอุ๊งอิ๊งค์โกงที่ธรณีสงฆ์ เพื่อให้ถอดถอนออกจากตำแหน่ง
~ คดีกล่าวหาว่ามีการทุจริตการสอบ เมื่อครั้งเป็นนิสิตจุฬา
~ อีกหลายคดีเกี่ยวกับการแต่งตั้งรัฐมนตรี ซึ่งเตรียมจะกล่าวหาว่าแต่งตั้งผู้ขาดจริยธรรมหรือขาดคุณสมบัติ
~ การร้องให้ถอดถอนนายกฯอุ๊งอิ๊งค์ ว่า
ไม่ปฏิบัติหรือฝ่าฝืนยุทธศาสตร์ชาติ เกี่ยวกับเรื่อง Entertainment Complex
เห็นหรือยังครับว่าการเมืองไทยมันเลวร้ายบัดซบขนาดไหน
นี่ขนาดเรือยังไม่ทันออกจากท่าก็จะจมเรือเสียแล้ว และถ้าพอเรือออกจากท่า สารพัด การถล่มทำลายก็จะประดังเข้ามา จะเข้าท่าหรือไม่เข้าท่าก็ตามทีเถิด
แต่โบราณท่านเตือนว่า อย่าประมาทคนพาลอย่ามองผ่านคนดี นั้นเป็นภาษิตที่ มองข้ามไม่ได้
ที่สำคัญคือสารพัดไอโอ กำลังโจมตีทางการเมือง และทำลายความเชื่อมั่นเชื่อถือ เพื่อสร้างความเกลียดชังอย่างหนักหน่วงรุนแรงกว้างขวางที่สุด จนหลายคนเริ่มคิดแล้วว่า ถ้านายกฯอุ๊งอิ๊งค์ตกเก้าอี้ไปใครจะมาเป็น
นายกฯคนที่ 32?
นี่แหละ ที่เขาว่า การเมืองคือสงครามที่ไม่หลั่งเลือด และเมื่อมันเป็นสงคราม บรรดายุทธศาสตร์ ยุทธวิธี กลยุทธ์ เล่ห์ร้ายอุบายต่างๆ ก็จะถูกนำมาใช้อย่างเลือดเย็นและอาจทำให้ใจคน ห่างไกลออกจากความเป็นมนุษย์มากขึ้นทุกที
“ข้าพเจ้าชูแขนขึ้นป่าวประกาศธรรม แต่หามีใครเชื่อฟังข้าพเจ้าไม่ ธรรมนำมาซึ่งความสงบสุข แต่ไฉนเล่า จึงไม่มีผู้ใดปฏิบัติธรรม”
2) เพจ The Bublisher โดย สมจิตต์ นวเครือสุนทร นำเสนอบทความสั้นเรื่อง “ส่องชะตากรรม “อุ๊งอิ๊งค์” ส่อตกม้าตายเพราะ “เจ้าหน้าที่รัฐ” ?” ความว่า
“...หนึ่งในหลายๆ เรื่องที่ เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ นักร้องตัวยง วางประเด็นร้องเรียน นายกฯอุ๊งอิ๊งค์ แพทองธาร ชินวัตร เป็นพนักงานรัฐ จากการได้รับแต่งตั้งให้เป็นรองประธานกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ, รองประธานกรรมการพัฒนาระบบสุขภาพแห่งชาติ และประธานกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ซึ่งเป็นลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98 (15) เป็นพนักงานหรือลูกจ้างขอหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ หรือเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ ซึ่ง รธน.มาตรานี้ เคยเป็นพงหนามของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่สามารถผ่านด่านไปได้
ถ้าดูเหตุผลที่ทำให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะหัวหน้า คสช.ไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐ มีอยู่ด้วยกัน 5 ประการ คือ ตำแหน่งหัวหน้า คสช.มาจากการยึดอำนาจ, บริหารประเทศโดยใช้อำนาจรัฏฐาธิปัตย์,ไม่อยู่ภายใต้กำกับของรัฐหรือหน่วยงานรัฐใด,ไม่ได้รับการแต่งตั้งโดยกฎหมาย และ ใช้อำนาจเป็นการชั่วคราว
ส่วนกรณีนายกฯอุ๊งอิ๊งค์ ดูจะมีความสุ่มเสี่ยง เพราะไม่ได้เข้าเงื่อนไขตามที่ศาลรัฐธรรมนูญเคยชี้ไว้ในกรณี หัวหน้า คสช. ดังจะเห็นได้จากคำสั่งสำนักนายกฯรัฐมนตรีที่ 268/2566 ที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯรัฐมนตรีขณะนั้น ลงนามเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2566 แต่งตั้งนางสาวแพทองธารให้เป็นประธานคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 11(6) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534 พร้อมระบุอำนาจหน้าที่เสร็จสรรพ รวมถึงกำหนดให้หน่วยงานของรัฐ ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องให้ความร่วมมือแก่ คกก.ฯ ชุดนี้
ด้วย นอกจากนี้ ยังให้เบิกจ่ายเบี้ยประชุมหรือค่าใช้จ่ายอื่นเกี่ยวกับการบริหาร ตามพระราชกฤษฎีกาเบี้ยประชุมคณะกรรมการ พ.ศ. 2547 และที่แก้ไขเพิ่มเติม หรือตามระเบียบของทางราชการโดยให้เบิกจ่ายจากงบประมาณของสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน)
จะเห็นได้ว่า ตำแหน่งที่นางสาวแพทองธารได้รับอยู่ภายใต้กำกับดูแลของนายกฯที่เป็นผู้แต่งตั้ง ตามกฎหมายระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน จึงทำให้เรืองไกร มั่นอกมั่นใจ “งานนี้มีตกม้าตาย มีแต่อภินิหารเท่านั้นที่จะ
ช่วยได้”
สิ่งที่ต้องดูต่อคือ นายกฯอุ๊งอิ๊งค์ มีการลาออกจากตำแหน่งที่สุ่มเสี่ยงต่อการถูกตีความว่า “เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ” ก่อนได้รับตำแหน่งนายกฯฯ หรือไม่ หรือจะคิดว่าคณะกรรมการฯ ทั้งหมดที่นายเศรษฐา ตั้งขึ้นขณะดำรงตำแหน่งนายกฯสิ้นสภาพไปพร้อมการพ้นตำแหน่งของนายเศรษฐาหรือเปล่า เหล่านี้เป็นทางรอดที่น่าจะมีการหยิบยกมาต่อสู้
แต่ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร เส้นทางนายกฯของลูกสาวทักษิณ ต่อจากนี้ไม่มีอะไรง่าย และบารมีพ่อก็อาจจะ “คุ้มหัว” ไม่ไหว
3) เพจ “ทนายวันชัย สอนศิริ” โพสต์ข้อความเรื่อง “ผลงานของนายกฯอุ๊งอิ๊งค์เท่านั้น ที่จะชนะศัตรูหมู่มารได้” ความว่า
ศัตรูเก่าศัตรูใหม่ของคุณทักษิณพ่อของนายกฯอุ๊งอิ๊งค์ เขาเตรียมถล่มกันทุกเม็ดทุกดอก ถาโถมเข้าใส่ทั้งคุณทักษิณและคุณอุ๊งอิ๊งค์ ยิ่งคนที่ไม่ได้เป็นรัฐบาลยิ่งจะหาเรื่องจัดหนักจัดเต็ม นายกฯอุ๊งอิ๊งค์เตรียมตั้งหลักที่จะรับสารพัดเรื่องได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เพราะดูแต่ละคนแต่ละพวกแล้ว ต้องการที่จะเล่นงานคุณทักษิณและนายกฯอุ๊งอิ๊งค์ให้คว่ำคะมำลงไปให้ได้ จะไปห้ามคนพวกนี้ก็คงจะไม่ได้ มันฝังรากลึกกันเสียแล้ว
นับแต่นี้รัฐบาลนายกฯอุ๊งอิ๊งค์อย่าไปมัวเสียเวลากับคนพวกนี้ และเลิกคิดเรื่องการโกงกินทุจริตคอร์รัปชั่น การเล่นพรรคเล่นพวก การก่อกรรมทำชั่วต่างๆ มุ่งหน้าเอาแต่งานเพื่อผลงานให้โดนใจประชาชน แก้ปัญหาเศรษฐกิจ เรื่องปากเรื่องท้อง เงินทองคล่องมือ ต้องรีบเร่งทำให้ได้ ไม่ใช่ได้แต่บอกว่า รู้ปัญหา รู้ปัญหา แต่การแก้ไขที่ได้ผลยังไม่มีเลย หมดเวลาเต้นไปเต้นมา หมดเวลาแก้ตัว ต้องรีบเดินหน้า แก้ปัญหาอย่างเดียว นายกฯอุ๊งอิ๊งค์ไม่ทำตอนนี้จะทำตอนไหน ไม่ต้องไปวิตกกับพวกร้องเรียนเหล่านั้น ชาวบ้านเขาไม่สนหรอก เขารออยู่แต่ว่าจะแก้ปัญหาให้เขาได้เมื่อไร ถ้าแก้ให้เขาได้มันก็จะเป็นเกราะป้องกันให้กับนายกฯอุ๊งอิ๊งค์ได้เป็นอย่างดี ต้องทำให้ชาวบ้านพอใจจนพวกร้องเรียนกระอักเลือดตาย
ที่คุณเศรษฐาคว่ำคะมำไปนั้น ก็เพราะมัวแต่รำมวยไม่มีผลงานที่จะให้ชาวบ้านจดจำ และเมื่อไปแล้วชาวบ้านเขาจึงรู้สึกเฉยๆ ไม่ห่วงหาอาลัย ไปเสียได้ก็ดี จึงเป็น
บทเรียนของนายกฯอุ๊งอิ๊งค์... อยู่ต้องให้ได้ใจ จากไปก็ต้องให้เขาคิดถึง...ใครจะนินทาว่ากล่าวใส่ร้ายป้ายสีกี่เรื่องกี่ประเด็นก็ช่างหัวมัน เอาผลงานเข้าสู้ เอาประชาชนเป็นประกัน แค่นี้ก็ไปตลอดรอดฝั่ง ศัตรูหมู่มารก็ย่อยยับไปเอง...ก็แตกกันหลายพรรคแล้วนิ!!
4) ในความเห็นของผม ในบรรดาเพจทั้งสามที่กล่าวมา ผมชอบ อ.วันชัย มากที่สุด ชัดเจน เป็นเหตุเป็นผล เป็นคำแนะนำที่ดี, เพจ The Publisher เป็นการตรวจสอบเชิงข้อมูล ก็ให้สติปัญญา ให้มุมมองที่นำมาประกอบการคิดและการรู้สึกได้ เพจของคุณไพศาล ดูจะขัดกับความรู้สึกของผมมากที่สุด
ผมคิดว่า การเมือง มันเกินกว่าเรื่องรักชอบ แต่หลักที่ต้องยึดให้มั่นที่สุดคือ การเมืองที่ดีต้องตรวจสอบได้การเมืองที่สุจริต ควรเป็นสิ่งที่ประชาชนพลเมืองเทิดไว้สูงสุด
แน่นอน การตรวจสอบหลายครั้งหลายหน เป็นเรื่อง “น่ารำคาญ” แต่อย่าไปมองการตรวจสอบเป็นเรื่องสามานย์ มองความไม่โปร่งใสเป็นเรื่องสามานย์จะดีกว่า
ให้อุ๊งอิ๊งค์ถูกตรวจสอบเถอะ ตรวจสอบให้สิ้นสงสัย ผิดก็ผิด ไม่ผิดก็ยิ่งดี เธอจะได้มุ่งหน้าทำงานแบบที่อาจารย์วันชัยท่านแนะนำ แล้วประเทศชาติกับประชาชนจะได้รับประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ จากการมีรัฐบาลข้ามขั้ว และมีนายกฯหญิงคนที่สอง
อย่าปกป้องอุ๊งอิ๊งค์ในฐานะ “คุณหนู” เพราะบัดนี้เธอคือ “ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เธอคือ “นายกรัฐมนตรี” ที่หนีไม่พ้นต้องถูกตรวจสอบครับ!!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี