การที่ แพทองธาร ชินวัตร เข้าสู่อำนาจรัฐในฐานะนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ทำให้เกิดคำถามตามมาว่า นายกรัฐมนตรีใหม่ล่าสุด แต่ทว่าปราศจากประสบการณ์การเมือง จะสามารถบริหารประเทศในฐานะผู้นำฝ่ายบริหารได้ถึงปลายปี 2567 หรือไม่
ขณะเดียวกันก็ยังมีคำถามที่น่าสนใจมากที่สุดอีกข้อหนึ่งคือ แพทองธาร จะแก้ปัญหาความยากจนของประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศได้หรือไม่ และหากแก้ได้ จะต้องแก้อย่างไรจะแก้ด้วยสติปัญญาของตนเอง หรือต้องยืมมือคนอื่นช่วยแก้ให้ หรือจะใช้การสร้างหนี้สินจำนวนมหาศาลให้ประเทศมากขึ้นไปอีก โดยการกู้เงินเพื่อนำไปแจก ซึ่งก็คือการเน้นนโยบายประชานิยมเหมือนที่ทักษิณ ชินวัตร เคยกระทำมาเป็นประจำเพราะหวังมอมเมาประชาชนที่คิดไม่ทัน และไม่ทันคิดให้เสพติดการแบมือรอรับเงิน
รัฐบาลที่มีนายกรัฐมนตรีชื่อ แพทองธารจะบริหารประเทศโดยอยู่ใต้คำสั่งหรือคำบงการของทักษิณหรือไม่ คำถามต่อมาคือทักษิณจะปล่อยให้ แพทองธาร ทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี โดยที่ทักษิณไม่เข้าไปก้าวก่าย แทรกแซง และสั่งการได้หรือ ทักษิณต้องเข้าใจระดับสติปัญญาและความสามารถของแพทองธารได้เป็นอย่างดี เพราะทักษิณประกาศชัดว่าเขาคือผู้ครอบครองนายกรัฐมนตรี และนายกรัฐมนตรีคนนี้มี DNA ของทักษิณ ผู้เป็นพ่อ และพจมาน ผู้เป็นแม่
แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม สิ่งที่แพทองธารต้องประสบก็คือสภาพเศรษฐกิจไทยไม่ดีอย่างมาก ประชาชนจำนวนไม่น้อยมีปัญหาหนี้สินรุงรังล้นพ้นตัว นอกจากนั้น ยังต้องเจอกับสภาพการส่งออกของไทยที่ค่อนข้างย่ำแย่ ผู้คนส่วนใหญ่มีกำลังซื้อน้อยมากแถมการผลิตในประเทศไทยก็อยู่ในสภาพย่ำแย่ แล้วยังต้องมาเผชิญกับปัญหาสารพัดชนิดรุมเร้า เช่น ปัญหาสินค้าจีนล้นทะลักเมืองไทย ปัญหาน้ำท่วมหลายจังหวัดในเขตภาคเหนือ ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบถึงหลายจังหวัดในภาคกลาง รวมถึงกรุงเทพฯด้วย
เมื่อปัญหาต่างๆ รุมเร้ารัฐบาลมากมาย คำถามก็คือ แพทองธาร ในฐานะนายกรัฐมนตรีจะแก้ปัญหาใดให้ลุล่วงไปก่อน เพราะหากจะแก้ปัญหาพร้อมๆ กัน ก็คงไม่สามารถทำได้ เพราะติดขัดในแง่ความรู้ความสามารถ และขาดประสบการณ์
สิ่งหนึ่งที่ แพทองธาร ประกาศว่าจะทำก็คือการแจกเงินสด โดยไม่ผ่านระบบดิจิทัล วอลเล็ต ให้กับคนที่มีความจำเป็น หรือคนที่ถือบัตรสวัสดิการคนจนจำนวน 14.5 ล้านคน ย้ำว่าแจกเงินสดไปก่อน แต่คำถามคือ การแจกเงินสดจะทำให้นโยบายดิจิทัล วอลเล็ต ที่พรรคเพื่อไทยหาเสียงไว้เมื่อประมาณ 1 ปีเศษที่ผ่านมานั้นบรรลุเป้าหมายหรือ เพราะเพื่อไทยย้ำนักย้ำหนาว่าต้องแจกเงินดิจิทัล วอลเล็ต และต้องกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างรุนแรง เปรียบเสมือนการใช้ไฟฟ้าช็อตหัวใจคนป่วยหนัก เพื่อให้หัวใจกลับมาทำงานได้อย่างดีแต่การแจกเงินสดก็คือการไม่ทำตามคำพูดที่เพื่อไทยหาเสียงไว้ แถมยังไม่สามารถแจกคน45 ล้านคน ได้ตามที่หาเสียงไว้ด้วย
ปัญหาใหญ่อีกประการคือ การแจกเงินให้ประชาชนบ่อยๆ จะทำให้ประชาชนบางกลุ่มกลายเป็นผู้งอมืองอเท้า แล้วเฝ้ารอเงินแจกจากรัฐบาล จนไม่ตั้งอกตั้งใจทำมาหากิน หรือไม่ (อันที่จริงไม่ใช่เงินของรัฐบาล แต่คนส่วนหนึ่งเข้าใจว่าเป็นเงินของรัฐบาล)
ทุกวันนี้สังคมไทยมีหนี้เสียจำนวน 1.2 ล้านล้านบาท และยังมีหนี้ที่กำลังจะเสียอีกประมาณ 5 แสนล้านบาท นี่คือความจริงที่แพทองธารไม่สามารถปฏิเสธได้ แต่คำถามคือแล้ว แพทองธาร จะแก้ปัญหานี้อย่างไร ในขณะที่ความจริงอีกประการคือโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ ปิดตัวไปแล้วประมาณ 1,300 แห่ง ในระยะเวลาประมาณ 1 ปีที่ผ่านมา นั่นหมายความว่ามีปัญหาคนตกงานเป็นจำนวนมากส่วนปัญหาทุนจีนเข้ามายึดที่ทำกินและกิจการต่างๆ ในไทยเป็นจำนวนมาก ก็เป็นเรื่องใหญ่ที่ แพทองธาร ต้องแก้ปัญหาให้ได้ เพราะหากปล่อยไว้ ก็หมายความว่าคนไทยจำนวนมากจะไร้อาชีพ และไร้เงินสำหรับดำรงชีพ ทั้งนี้ยังไม่ได้กล่าวถึงปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ที่ขัดแย้งกันหลายแห่งบนโลกนี้ และยังมีปัญหาสิ่งแวดล้อมเสื่อมโทรม ปัญหาโลกเดือด เป็นต้น
นี่เป็นเพียงปัญหาเศรษฐกิจที่หนักหนาสาหัสที่รุมเร้าแพทองธารและคณะรัฐมนตรี แต่ยังมีปัญหาด้านจริยธรรมส่วนตัวของแพทองธารอีกมากมายที่ถูกสังคมตั้งคำถาม ทั้งหมดทั้งมวลนี้คือสิ่งที่ทำให้สังคมคาดการณ์ว่าสุดท้ายแล้วแพทองธาร อาจจะอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไม่เกินสิ้นปี 2567
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี