“ผมละเหนื่อยใจกับรัฐบาลมาดามแพ ที่ยังไม่ทันเริ่มต้นทำงาน ก็ต้องมีการร้อง คุณอย่าไปโทษคนอื่นเลย คุณต้องโทษพวกคุณเอง ที่ไม่เคารพกฏหมายและรัฐธรรมนูญ”
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี โพสต์ผ่านเซบุ๊ก“วรงค์ เดชกิจวิกรม- Warong Dechgitvigrom”เมื่อวันที่ 9 กันยายนวานนี้ เหมือนจะส่งเสียงร้อง“เฮ้อ!” เหนื่อยใจแทนนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีที่มีวันนี้“เพราะพ่อให้”
“หมอวรงค์” หรือ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม “มือปราบคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว”สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เขียนอธิบายว่าทำไมถึงเหนื่อยใจแทน“มาดามแพ”ว่า “ไม่เพียงแต่ตำแหน่งนายกฯ ดู ร.อ.ธรรมนัส กับกระทรวงเกษตรฯ ที่ไปตรวจราชการสำนักชลประธาน จังหวัดชัยนาท รัฐธรรมนูญมาตรา185 ห้าม สส.เข้าไปแทรกแซงการปฏิบัติราชการ คุณทำแบบนี้ยิ่งกว่าแทรกแซง ที่สำคัญ สิ่งที่พวกคุณทำในที่สาธารณะ มีข้าราชการมาต้อนรับ นอกจากขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 185 แล้ว คุณกำลังเป็นผู้ทำลายฝ่ายบริหาร ซึ่งเป็นหนึ่งในเสาหลักของระบอบประชาธิปไตย มันสะท้อนว่ามีคนที่ใหญ่กว่ารัฐมนตรีในกระทรวงนี้”
ขยายความระหว่างบรรทัดเพื่อต่อภาพให้เห็นว่า เมื่อวันที่ 8 กันยายนวันก่อน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ซึ่งปัจจุบันไม่ได้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ ได้เดินทางลงพื้นที่ จังหวัดชัยนาท และจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยช่วงเช้าเดินทางไปยัง สำนักงานชลประทานที่ 12 เขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท เพื่อติดตามการบริหารจัดการน้ำลุ่มน้ำเจ้าพระยา จากนั้นช่วงบ่ายไปดูประตูระบายน้ำปากคลองบางบาล อำเภอบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
การเดินทางลงพื้นที่ของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ครั้งนี้ ไปพร้อมกับนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯอีกสองคน คือนายอิทธิ ศิริลัทธยากร กับ นายอัครา พรหมเผ่า ที่คนทั่วไปทราบว่ารัฐมนตรีทั้งสามคนนี้ ร.อ.ธรรมนัส เป็นผู้เสนอชื่อเข้าไปเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาล“อุ๊งอิ๊งค์ 1”ในโควต้า“กลุ่มก๊วน”ของ ร.อ.ธรรมนัส และภาพที่ปรากฏเป็นข่าวนั้น ดูราวกับว่า ร.อ.ธรรมนัส เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯตัวจริง นั่งอยู่ตรงกลางเหมือนเป็นประธานในที่ประชุม ส่วนนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เจ้าของฉายา”บิ๊กอาย”คล้ายกับเป็นแค่ตัวประกอบ โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาต้อนรับและบรรยายสรุปสถาการณ์
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ระบุว่า “มาตรา 185 รัฐธรรมนูญ 2560 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภา ต้องไม่ใช้สถานะหรือตำแหน่งการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภากระทำการใดๆ อันมีลักษณะที่เป็นการก้าวก่าย หรือแทรกแซงเพื่อประโยชน์ของตนเอง ของผู้อื่น หรือของพรรคการเมือง ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม”
นอกจากเรื่องของ ร.อ.ธรรมนัส พรมหมเผ่า กับรัฐมนตรีทั้งสามคนในกระทรวงเกษตรฯ ที่“งานเข้า”แล้ว เรื่องของ“มาดามแพ”หรือนางสาวแพทองธาร ชินวัตร เวลานี้ก็มี“นักร้อง”ยื่นคำร้องไปแล้วทั้งหมด 9 เรื่อง ซึ่งเหนื่อยแน่ เหมือนอย่างที่“หมอวรงค์”บอกว่า“ผมละเหนื่อยใจกับรัฐบาลมาดามแพ”
และเรื่องที่“นักร้อง”ร้องกันนั้นเป็นข้อเท็จจริง มิใช่ร้องเพราะว่าเป็น“พวกอารมณ์ค้าง” หรือ “พวกลิเกหลงวิก”ที่ไม่ต้องการให้บ้านเมืองเดินหน้า ดังที่อดีต สว.ขี้เรื้อนบางคนพยายามจะบิดเบือน เหมือนพวก“ผีโม่แป้ง”ที่รับงานมาแก้ต่างให้แก่คนใน“ตระกูลชินวัตร” ตั้งแต่ครั้งที่อดีตนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร ยังเป็น“นักโทษเทวดา”ป่วยทิพย์อยู่บนชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ และก็ได้ส่งเสียงเห่าหอนต่อเนื่องมาจนถึงรัฐบาล“อุ๊งอิ๊งค์ 1”ในเวลานี้
ใน 9 เรื่องที่ร้องนั้น ร้องโดยนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ เจ้าของฉายา“นักร้อง EMS” ซึ่งพุ่งเป้าไปที่“มาดามแพ”โดยตรง 3 เรื่อง คือ เรื่องแรก-ให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบว่านางสาวแพทองธาร ชินวัตร ในฐานะรองประธานยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์ฯ ถือเป็นเจ้าพนักงานของรัฐตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูยว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2561 มาตรา 4 หรือไม่ เพราะในคำสั่งแต่งตั้งระบุให้เบิกจ่ายเบี้ยประชุมจากงบประมาณสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์
เรื่องที่สอง-ให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบว่า เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2567 “มาดามแพ”กับครอบครัวซึ่งมีอดีตนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร รวมอยู่ด้วย ไปกินข้าว-ร้องเพลง ที่“แรนโช ชาญวีร์ รีสอร์ท แอนด์ คันทรีคลับ” ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล ที่จังหวัดนครราชสีมา ใครจ่ายเงินให้ และหากมิได้จ่ายเงินเอง ถือว่าเข้าข่ายฝ่าฝืน พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2561 มาตรา 128 วรรคหนึ่ง ที่ห้ามเจ้าพนักงานของรัฐรับทรัพย์สินหรือผลประโยชน์อื่นใด อันอาจคำนวณเป็นเงินได้หรือไม่ เพราะ“มาดามแพ”เป็นรองประธานประธานยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์ฯ, รองประธานพัฒนาระบบสุขภาพฯ และประธานพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์ฯ ถือเป็นเจ้าพนักงานของรัฐตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูยว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2561 มาตรา 4
และะเรื่องที่สาม-นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ร้องให้ กกต.ตรวจสอบว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ลาออกจากกรรมการ 21 บริษัทในเครือชินวัตร ตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคม 2567 จริงหรือไม่ เพราะพบว่ามีการไปจดทะเบียนแจ้งการลาออกต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้าในวันที่ 19 สิงหาคม 2567 หลังจากได้รับโปรดเกล้าฯเป็นนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 18 สิงหาคม 2567 หากลาออกหลังจากวันที่ 18 สิงหาคม 2567 ความเป็นนายกรัฐมนตรี จะสิ้นสุดลงหรือไม่ เนื่องจากรัฐธรรมนูญ มาตรา 187 ห้ามรัฐมนตรีเป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้น หรือลูกจ้างของห้างหุ้นส่วนหรือบริษัท
ส่วนอีก 6 เรื่อง-ร้องโดย“บุคคลนิรนาม”ต่อ กกต. หนึ่ง-ให้ยุบพรรคเพื่อไทย, สอง-ให้สั่งให้กรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยพ้นจากตำแหน่งทั้งคณะ ซึ่งรวมถึงนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ในฐานะหัวหน้าพรรคด้วย ฐานยอมให้นายทักษิณ ชินวัตร ครอบงำพรรค, สาม-ให้ยื่นถอดถอนนางสาวแพทองธารต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพราะนางสาวแพทองธารเป็นหนึ่งในกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยที่ยอมให้นายเศรษฐา ทวีสิน นำชื่อนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรี อันถือว่านางสาวแพทองธารขาดจริยธรรมร้ายแรง
สี่-ให้ยุบพรรคร่วมรัฐบาลต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากไปประชุมจัดตั้งรัฐบาลที่บ้านจันทร์ส่องหล้า เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2567 เท่ากับยอมให้นายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกครอบงำ, ห้า-ให้ กกต.ยื่นถอดถอนนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ต่อศาลรัฐธรรมนูญ ฐานขาดจริยธรรมอย่างร้ายแรง จากกรณีทุจริตในการสอบเข้าเรียนที่คณะรัฐศาตสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หรือกรณี“ข้อสอบเอ็นทรานซ์รั่วเมื่อปี 2547” และหก-ให้ กกต.ยื่นถอดถอนนางสาวแพทองธาร ต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพราะขาดจริยธรรมอย่างร้ายแรงจากกรณีถือหุ้น“สนามกอล์ฟอัลไพน์”ที่มีปัญหาเรื่องที่ดินธรณีสงฆ์
ทั้งหมดที่ว่ามานั้น ไม่รู้ว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในทำเนียบรัฐบาล ที่“มาดามแพ”จะใช้“ฤกษ์ดี”ฤกษ์วันมังกร ในวันที่ 13 สิงหาคม 2567 เข้าทำเนียบรัฐบาลเพื่อสักการะ“พระพรหม-ศาลพระภูมิ-ศาลตายาย” ตลอดจนจัดฮวงจุ้ยโต๊ะทำงานใหม่ พร้อมทั้งติดผ้าม่านสีงาช้างบนตึกไทยคู่ฟ้า ก่อนจะเข้าปฏิบัติหน้าที่บนเก้าอี้นายกรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการวันแรกในวันที่ 16 กันยายน 2567 ว่าจะช่วยได้หรือไม่
เจ้าประคู้น ! ใครคิดดีทำดีก็ย่อมจะแคล้วคลาดและได้รับความคุ้มครองจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แต่ถ้าคิดชั่วทำชั่วแล้วล่ะก็-ยุคนี้ถือว่ากรรมติดจรวด ต้องมีอันเป็นไปทุกราย !
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี