“ที่ผ่านมาตั้งแต่เกิดมาก็ไม่เคยมีคดีนะคะ พอมาถึงจุดนี้มีคดี ก็จะพยายามรับมือให้ได้ดีที่สุด และจริงๆ ไม่อยากมีคดี ลูกยังเล็กอยู่เลยนะคะ... สงสารนายกฯ บ้าง อย่าฟ้องอะไรเยอะเลย เป็นนายกฯ ที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์แล้วและก็ตั้งใจทำงานเต็มที่...” นี่คือคำกล่าวของนายกฯแพทองธาร ชินวัตร ในทำนองขอความเห็นใจจากบรรดานักร้อง (เรียน) ก่อนหน้านี้ แบบอมยิ้มน้อยๆ
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดวันที่ 10 ก.ย.2567 นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ร้องเรียนต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่านางสาวแพทองธาร ว่ามีพฤติการณ์ฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมฯ ข้อ 17 ข้อ 21 ประกอบข้อ 27 วรรคสอง หรือไม่ และต้องส่งศาลฎีกาพิพากษาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 235 วรรคหนึ่ง (1) หรือไม่และจะถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตลอดไปตาม มาตรา 235 วรรคสี่ หรือไม่
ทั้งนี้ สืบเนื่องจาก “กรณีนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ใส่ชุดขาว ชูนิ้วทำมินิฮาร์ททั้งสองมือขณะถ่ายรูปหมู่คณะรัฐมนตรีที่ทำเนียบรัฐบาล รวมทั้งชักชวนรัฐมนตรีในคณะทำตามด้วย ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามมาอย่างกว้างขวาง”
นายเรืองไกร ได้ยกกรณี สส.ดูฟุตบอลจากเว็บไซต์เถื่อน และ สส.ไปดูภาพยนตร์ และไปชูนิ้วมือสามนิ้ว ขึ้นมาเปรียบเทียบกับกรณีของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ชูนิ้วทำมินิฮาร์ททั้งสองมือ จึงควรมีการตรวจสอบให้เป็นไปตามมาตรฐานแบบเดียวกัน
วันเดียวกัน นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานที่ปรึกษาพรรคไทยภักดี เปิดเผยว่า “ผมจะไปร้องนายทักษิณครอบงำพรรคเพื่อไทย พรรคเพื่อไทยยินยอมการครอบงำ วันพุธที่ 11 กันยายนนี้ 10.00 น. ที่สำนักงานกกต.”
ก่อนหน้านี้นพ.วรงค์ ระบุว่า “...เรื่องฟ้องร้องถ้าคุณไม่ทำอะไรผิด จะไปกลัวอะไร กฎหมายเขามีไว้ควบคุมคน ให้ปฏิบัติตาม แต่ถ้าคุณหรือคุณปล่อยให้พ่อ หรือพ่อตั้งใจทำผิดกฎหมาย คนที่เขาเรียกร้องความถูกต้องการเคารพกฎหมาย ก็ต้องฟ้องร้องเป็นเรื่องธรรมดา...
อยากจะบอกมาดามแพ(แพทองธาร) ว่า ถ้าไม่อยากให้ใครฟ้อง คุณต้องบอกพ่อว่า บ้านเมืองมีขื่อมีแป ต้องเคารพกฎหมาย ใครที่ทำตัวเหนือกฎหมายได้ ก็จะทำตัวเหนือประชาชนได้ ไม่ต่างจากเผด็จการดังนั้นอย่าทำผิดกฎหมาย”
มีรายงานแจ้งว่า นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติรักแผ่นดิน นักร้องเรียนชื่อดัง อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลและหลักฐานสำคัญ เตรียมยื่นคำร้องเอาผิดนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในประเด็นฝ่าฝืนจริยธรรม ด้วยเช่นกัน
ด้าน ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านการตลาดและการสื่อสาร โพสต์เฟซบุ๊กถึงเรื่องนี้ว่า “นักร้องคะ อย่าร้องทุกเรื่องจนเปรอะเลยนะคะ ร้องแต่เรื่องที่น่าจะผิด ชัดๆ เข้มๆ ก็พอ”
นอกเหนือจากต้องฝ่าด่าน “นักร้อง” แล้ว มาดามแพ หรือคุณหนูอุ๊งอิ๊งค์ และคณะ ยังต้องฝ่าด่าน “นักเล็ม” ด้วย
น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน กล่าวถึงกรณีที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงโครงการเติมเงิน 10,000 บาทผ่านดิจิทัล วอลเล็ตจะถูกแบ่งจ่ายเป็นสองรอบ ว่า ตนยังคาดหวังว่าสิ่งที่นายภูมิธรรม ได้ออกมาพูดจะไม่ใช่เรื่องจริง เพราะยังรอคอยความชัดเจนจากผู้ที่มีอำนาจโดยตรง หากเฟส 2 ที่แจกอีก 30 ล้านคนแบ่งจ่าย 2 งวด อาจทำให้โครงการไม่เป็นไปตามที่เคยหาเสียงไว้
ส่วนการแบ่งจ่ายนั้น เป็นเรื่องที่ไม่น่าแปลกใจ เพราะจนงบประมาณปี’68 ผ่านทั้งสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา ไปแล้ว รัฐบาลยังไม่สามารถหาแหล่งที่มางบประมาณมาจากไหนที่จะแจกประชาชน 30 ล้านคนได้ เท่าที่มีอยู่ตอนนี้ 187,700 ล้านบาท เพียงพอแจกเพียง 19 ล้านคน ยังเป็นปัญหาที่เราจะสอบถามรัฐบาลว่าจะทำอย่างไรต่อ แต่ก็ตรงกับที่นายภูมิธรรมออกมาพูดพอดีว่า จะมีการแบ่งจ่าย 2 งวดซึ่งเป็นไปตามคาดการณ์ว่า เม็ดเงินไม่พอจึงต้องมีการแบ่งจ่าย
แต่ก็ยังมีเงื่อนไขอีกว่า ระบบการชำระเงินจะเสร็จทันหรือไม่ และปัญหาคือ 5,000 บาทแรกที่จ่ายจะเป็นเงินสด หรือกลไกอื่นที่ไม่ใช่ดิจิทัล วอลเล็ต เราจะเรียกโครงการนี้ว่าโครงการดิจิทัล วอลเล็ต ได้อีกหรือไม่ ส่วนอีก 5,000 งวดที่ 2จะแจกเมื่อไหร่ ในเมื่องบประมาณปี 2568 ไม่น่าเพียงพอ หรืออาจมีความจำเป็นที่จะต้องเลื่อนไปจ่ายในปีงบประมาณ 2569 หรืออีก 1 ปีต่อจากนี้ เรื่องเหล่านี้ยิ่งออกมาพูดยิ่งสร้างความไม่ชัดเจน ทำให้ประชาชนเกิดความสับสนและความกังวลมากขึ้น ว่าตกลงจะได้เงินหรือไม่
สิ่งที่น่ากังวลไม่แพ้กัน คือ ผลกระทบทางเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้น “จากเดิมที่จะเป็นพายุหมุนกระแทกๆ ตอนนี้พายุได้ลดกำลังลง เหลือเพียงแค่หย่อมความกดอากาศต่ำ” ซึ่งอาจไม่เกิดเท่าที่เคยโฆษณาเอาไว้ แล้วจะมีมาตรการใดเข้ามาเสริม ที่ทำให้เศรษฐกิจโตได้ตามเป้าหมาย
ผู้สื่อข่าวถามว่า ความไม่แน่นอนของโครงการจะส่งผลกระทบอย่างไรบ้าง น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า แน่นอนว่าความไม่แน่นอน ไม่ชัดเจน เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา สับขาหลอก ชักเข้าชักออกตลอดเวลา ทำให้ความเชื่อมั่นของประชาชนลดลง เราเพิ่งมีข่าวดีเรื่องหุ้นที่ถีบตัวสูงขึ้น แต่ประชาชนรากหญ้าที่รอคอยความหวังจากสัญญาที่ให้ไว้ตอนเลือกตั้ง ว่าจะมีเงินหมื่นเข้ากระเป๋าให้เร็วที่สุด อีกทั้งค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท เงินเดือนจบปริญาตรี 25,000 บาท คำสัญญาเหล่านั้นค่อยๆ จางหายไป สิ่งเหล่านี้สร้างผลกระทบต่อความเชื่อมั่นรัฐบาล เมื่อประชาชนไม่เชื่อแล้ว จะส่งผลกระทบต่อความกล้าในการจับจ่ายใช้สอย รวมถึงการลงทุน
รายละเอียดที่นายภูมิธรรมระบุ ไม่มีเขียนไว้ในคำแถลงนโยบาย มีแต่เพียงบอกว่าจะดำเนินโครงการดิจิทัลวอลเล็ต เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลให้กับประชาชน ซึ่งความต่างคือ คำว่า 10,000 บาทหายไป และคงต้องมีการพูดเรื่องนี้ในสภา รีบบอกมาว่าจะยังจ่าย 10,000 บาทอยู่ อย่าทำให้ประชาชนใจเสีย ซึ่งความชัดเจนค่อยๆ ปรากฏขึ้น เมื่อนายภูมิธรรมออกมายอมรับว่า อาจจะแบ่งจ่าย ครั้งละ 5,000 บาท แต่เราต้องมาประเมินใหม่ทั้งหมดว่า โครงการนี้จะเดินหน้ารูปแบบใด แหล่งที่มาของเงินจะหาได้ครบเมื่อไหร่ รวมไปถึงผลกระทบต่อเศรษฐกิจจะกระตุ้นได้มากน้อยแค่ไหน ต้องมาพูดคุยกันใหม่หมด
ส่วนความเสี่ยงทางด้านกฎหมาย น่าจะค่อยๆ คลายไปทีละเปลาะแล้ว ยังเหลืออยู่เพียงไม่กี่เรื่อง และไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย แต่ความเสี่ยงที่เหลืออยู่คือการที่ทำโครงการนี้ไม่สำเร็จไปตลอดรอดฝั่ง เราเองคัดค้านมาโดยตลอดว่าไม่เห็นด้วยกับรูปแบบนี้ แต่ตอนนี้มาถึงจุดที่ลงทุนลงแรง ทั้งทรัพยากรและงบประมาณต่างๆ ที่ถูกออกแบบสำหรับที่จะใช้โครงการนี้ค่อนข้างมากแล้ว เรียกได้ว่าอยู่ในจุดที่ “กลับตัวก็ไม่ได้ ให้เดินต่อไปก็คงไม่ถึง”ใจจริงยังช่วยคิดอยู่ว่ามีทางออกอะไรได้อีกสำหรับโครงการนี้ที่สามารถเดินหน้าต่อได้โดยไม่ผิดกฎหมายและไม่ผิดสัญญาประชาชนในเวลาเดียวกัน หากโครงการนี้ไปไม่ตลอดรอดฝั่งแล้ว ก็เป็นเรื่องของรัฐบาลที่จะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้นหากไม่มีโครงการนี้ก็จะต้องเรียกร้องให้รัฐบาลสร้างมาตรการอื่นออกมา เพื่อช่วยเหลือประชาชนในระยะสั้นและกระตุ้นเศรษฐกิจให้กลับมาดีกว่าเดิม
หนักหนากว่านั้น มาดามแพ หรือคุณหนูอุ๊งอิ๊งค์ นายกรัฐมนตรี อาจต้องเจอกับ “นักเลีย” ซึ่งมีอยู่รอบตัว
แต่มีท่านหนึ่งที่คนตั้งข้อสังเกตบ้าง กล่าวหาท่านบ้าง ว่า ช่วงหลังๆ นี่ “เลียเก่ง-เลียบ่อย” นะ ซึ่งผมไม่เชื่อ เพราะคนอย่าง “ทนายวันชัย สอนศิริ” ฐานะของท่านก็พอมีพอกิน เป็นคนมีเกียรติมีศักดิ์ศรี ท่านก็แค่แสดงความเห็นของท่าน อย่าถึงกับใส่ความว่าท่าน“เลียอุ๊งอิ๊งค์” เลย
ล่าสุด ท่านโพสต์เฟซบุ๊กเรื่อง “ผู้สืบสันดานของนักร้อง” ความว่า “...รัฐบาลอุ๊งอิ๊งค์เป็นรัฐบาลที่สลายขั้ว สลายสี สลายความขัดแย้งที่เป็นรูปธรรมจริงๆ เป็นการรวมกันหลายพวก หลายสาย ทั้งสายสีแดง สีเหลือง สีน้ำเงินสีเขียว และสายนกหวีด สายป่าคอมมิวนิสต์ และสายโลหิตผู้สืบสันดาน ทั้งพ่อลูกพี่น้อง ญาติโกโหติกา มีทั้งคนปฏิวัติ คนขับไล่ คนถูกไล่ มาบรรจงลงตัวอยู่ด้วยกันชนิดที่คิดไม่ถึง... น่าจะเป็นอิทธิพลหรือฤทธิ์เดชของดาวมฤตยู ดาวอาทิตย์ และดาวพฤหัสเสียแล้วกระมัง มันมหัศจรรย์พันลึกเหลือเกิน
แค่เห็นคุณเอกนัฏยกมือไหว้นายกอุ๊งอิ๊งค์คุณภูมิธรรมเป็นรมว.กลาโหม นายทหารสายตรงพลเอกประยุทธ์เป็นรมช. หรือ นายกเผลอทำมินิฮาร์ทตอนถ่ายรูปเท่านั้น พวกอารมณ์ค้าง ลิเกหลงโรง จะเป็นจะตายชักดิ้นชักงอ เหมือนไส้เดือนโดนขี้เถ้า กิ้งกือตกท่อ..ขุดเรื่องเก่าขึ้นมาด่ากันขรม ไม่ต้องการให้บ้านเมืองเดินต่อ ให้มันตกท่ออยู่อย่างนั้น ยิ่งนายกอุ๊งอิ๊งค์ไม่ต้องพูดถึง สารพัดเรื่องทั้งจริยธรรมคุณธรรมตั้งแต่ไหนแต่ไรก็ขุดกันขึ้นมาว่ากันเข้าไป
รัฐบาลชุดนี้ทำให้เกิดนักร้องมืออาชีพ นักหาเรื่องมือฉมัง และนักหิวแสงขาประจำมากมายหลายคนมีงานทำเยอะแยะ วันๆ มีแต่เรื่องกล่าวหาสารพัด รัฐบาลที่ผ่านมาทำให้คนพวกนี้ตกงานหาเรื่องหาประเด็นเล่นใครไม่ค่อยได้ มาวันนี้เฟื่องฟูมาก ยิ่งรัฐบาลอยู่นาน งานก็ดีเงินก็เดิน...ก็ขอภาวนาให้นายกอุ๊งอิ๊งค์อยู่ให้นานแสนนานอย่าให้คนพวกนี้ตกงานเลย...สงสารผู้สืบสันดานของพวกเขา”
คือ คนอาจจะมองว่า มันไม่ใช่การสลายสีสลายขั้วอะไรหรอก มันแค่นักการเมืองเท่านั้นที่สมประโยชน์กัน ประชาชนด่ากันขรม เต็มที่หากจะติงทนายวันชัย ก็บอกแค่ว่า มุมมองนี้ “ปลอมมาก” ก็พอ และที่ท่านต่อว่าพวก “นักร้อง” ทั้งหลายนั้น ไม่ใช่ว่าทนาย-นักกฎหมาย อย่างท่าน ไม่รักการตรวจสอบ หรือปกป้องมาดามแพ-คุณหนูอุ๊งอิ๊งค์ไม่ให้ถูกตรวจสอบ จนถึงกับด้อยค่าพวก “นักร้อง” ขนาดนั้นเลยนะ-ผมว่า ท่านก็แค่อยากให้ตรวจสอบเชิงคุณภาพเท่านั้น ไม่ใช่เอาแต่ร้องๆๆ เน้นปริมาณ
เห็นมั้ย ท่าน “ไม่ได้เลีย” ใครเลย!!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี