เป็นเรื่องที่สมควรน่ายินดีกับสมองปราดเปรื่องชาญฉลาดของ “มาดามแพ, อุ๊งอิ๊งค์ /- แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีสืบสันดาน” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และหัวหน้าครม.สืบสันดาน ที่ต้องการให้คนไทยมีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี จึงกำหนดนโยบายนานัปการ หากซื่อสัตย์สุจริต ไม่เลือกปฏิบัติเป็นที่ตั้ง ก็น่าจะประสบความสำเร็จ
นโยบายของรัฐบาลมีสาระสำคัญระบุถึงเจตนารมณ์, ยุทธศาสตร์และความมุ่งมั่นจะสร้างความปรองดองเพื่อนำไปสู่ความร่วมมือในการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคมและการเมืองของประเทศให้ก้าวหน้า เพื่อประโยชน์ของประชาชน โดยมี 13 หน้ากับ 10 นโยบายเร่งด่วน และ 9 ความท้าทายที่รัฐบาลจะนำพาสังคมไทยก้าวผ่านเพื่อให้มีพื้นฐานศักยภาพที่แข็งแกร่ง
ในนโยบายเร่งด่วนนโยบายที่สามนั้นรัฐบาลสืบสันดานระบุว่า จะเร่งออกมาตรการเพื่อลดราคาค่าพลังงานและสาธารณูปโภค ปรับโครงสร้างราคาพลังงานควบคู่กับการเร่งจัดทำ ปรับปรุงกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง อาทิ ข้อกำหนดเกี่ยวกับการทำสัญญาซื้อขายพลังงานโดยตรง รวมทั้งการพัฒนาระบบสำรองน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อความมั่นคงทางยุทธศาสตร์ของประเทศ
นโยบายเร่งด่วนที่สามนี้ มีผลประโยชน์ของประเทศชาติบ้านเมืองมาเกี่ยวข้อง เพราะหากจะตั้งสติและย้อนไปยังการประวัติศาสตร์การเมืองไทยเมื่อทศวรรษที่แล้ว รัฐบาลในขณะนั้นภายใต้การนำของ “ทักษิณ ชินวัตร” โดย “สุรเกียรติ์ เสถียรไทย” รมว.ต่างประเทศได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงดังกล่าวนี้กับ “นายซก อัน รัฐมนตรีอาวุโส และประธานการปิโตรเลียมแห่งชาติกัมพูชา”
บันทึกข้อตกลง หรือ MOU 44 กลับกำหนดกรอบในการเจรจาให้ปรับเส้นเขตไหล่ทวีปให้เป็นไปตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศเฉพาะในส่วนพื้นที่ทับซ้อนส่วนบนเท่านั้น แต่พื้นที่ทับซ้อนส่วนล่างไม่ต้องมีการเจรจาปรับเส้นเขตไหล่ทวีปแต่อย่างใด โดยให้ใช้เป็นพื้นที่พัฒนาร่วม และยังกำหนดให้การดำเนินการสำหรับพื้นที่ทับซ้อนทั้งสองส่วนมีลักษณะที่ไม่แบ่งแยกออกจากกัน
แต่ตามข้อเท็จจริงพื้นที่ทับซ้อนส่วนบนนั้น กัมพูชากำหนดเส้นเขตไหล่ทวีปตามใจชอบ ในขณะที่ไทยมีการกำหนดที่มีความสอดคล้องตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศมากกว่ากัมพูชาอย่างมีนัยสำคัญในบริเวณพื้นที่ทับซ้อนทั้งส่วนบนและล่าง ดังนั้นหากกำหนดให้ถูกตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศแล้ว กัมพูชาแทบจะไม่ได้พื้นที่อะไรเลยในบริเวณพื้นที่ทับซ้อนส่วนบน และพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนที่แท้จริงในบริเวณพื้นที่ทับซ้อนส่วนล่างจะเหลือน้อยลงจากเดิมอย่างมากในทางที่เป็นคุณต่อไทย
สายสัมพันธ์ที่แนบแน่นระหว่าง “พ่อจุ้นจ้าน /-ทักษิณ ชินวัตร” กับ “ฮุนเซน” อดีตนายกรัฐมนตรี และ ประธานองคมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา อย่างน้อยในฐานะที่ปรึกษาส่วนตัวและที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลกัมพูชา กับสายสัมพันธ์ในเจเนอเรชั่น 5 จีระหว่าง “พลเอกฮุน มาเนต /- สมเด็จมหาบวรธิบดี ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชาคนปัจจุบัน บุตรชายของฮุนเซน” กับ “มาดามแพ /- อุ๊งอิ๊งค์ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีสืบสันดานพ่อจุ้นจ้าน/ – ทักษิณ ชินวัตร” จะมีลักษณะอย่างไรคงไม่ต้องพรรณนา และหากจะคาดเดาว่านโยบายเร่งด่วนข้อที่สามครม.สืบสันดานน่าจะนำเอ็มโอยู 44 มาเป็นพิมพ์เขียวในการเจรจาพื้นที่ทับซ้อนที่มีแหล่งพลังงานอยู่จำนวนมหาศาล
ถ้าฝ่ายไทยเสียเปรียบเฉกเช่นอดีตที่ผ่านมาจนครม. “มาร์คทาสแมว/-อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” มีมติเห็นชอบให้ยกเลิกเอ็มโอยู 44 เมื่อวันที่ 10 พ.ย.2552
หลักการของ “ชวน หลีกภัย” ที่ว่า “ซื่อสัตย์สุจริต ไม่เลือกปฏิบัติ”คงใช้ไม่ได้กับครม.สืบสันดาน
คงไม่ใช่เรื่องน่าตกใจหากจะมีนายกรัฐมนตรีมีนักการเมืองหนีคดี, หนีคำพิพากษาจำคุก เพราะหย่อนยานขาดมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง ไม่มีความซื่อสัตย์เป็นที่ประจักษ์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี