อัตราดอกเบี้ยมีผลต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศอย่างไร ตอบคำถามนี้แบบง่ายๆ ว่า ดอกเบี้ยคือต้นทุนสำคัญตัวหนึ่งในการประกอบธุรกิจ เมื่อดอกเบี้ยแพง ต้นทุนการทำธุรกิจก็สูงขึ้น เรื่องแบบนี้จึงไม่มีนายทุนเจ้าของธุรกิจรายใดชอบ แต่ทว่าประเทศไม่ได้มีแค่นายทุนนักธุรกิจเท่านั้น เพราะยังมีคนอื่นๆ รวมอยู่ด้วย เพราะฉะนั้น
จะมัวแต่เอาใจนายทุนนักธุรกิจเท่านั้นจึงไม่ใช่เรื่องถูกต้อง แต่ต้องดูให้รอบไปถึงคนอื่นๆ ในสังคมด้วย
ถามต่อไปว่าทำไมรัฐบาลผสมชุดปัจจุบันที่นำโดยพรรคเพื่อไทย จึงกดดันธนาคารแห่งประเทศไทย และคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ให้ลดดอกเบี้ยนโยบายมาโดยตลอด โดยอ้างว่าการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยไม่ลดดอกเบี้ยนโยบายคือมูลเหตุสำคัญทำให้เศรษฐกิจไทยเสื่อมทรุดและเลวร้าย
เมื่อมองออกไปนอกประเทศไทยไปยังสหรัฐ ก็พบว่าล่าสุด Federal Reserve หรือธนาคารกลางสหรัฐ ประกาศลดดอกเบี้ยลง 0.5 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นการประกาศลดดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 4 ปี โดยมีเหตุผลประกอบว่าเพราะอัตราเงินเฟ้อเป้าหมายระยะยาวลดลง ซึ่งน่าจะเป็นไปตามความคาดหวังที่ธนาคารกลางสหรัฐ กำหนดไว้คือ 2 เปอร์เซ็นต์
อย่างไรก็ตาม จะพบว่าสหรัฐ ใช้อัตราดอกเบี้ยเพื่อควบคุมและแก้ปัญหาเศรษฐกิจในประเทศมาโดยตลอด โดยพบว่าช่วงที่มีปัญหาโควิด-19 ระบาดหนัก Federal Reserve ได้ลดดอกเบี้ยลงไปเกือบระดับ 0 เปอร์เซ็นต์ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ต่อมาเมื่อโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย จนเมื่อปี ค.ศ. 2020 ประกอบกับมีปัญหาสงครามยูเครน ธนาคารกลางสหรัฐ ก็ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมาโดยตลอด จนดอกเบี้ยขึ้นไปสูงถึง 5.5 เปอร์เซ็นต์ แล้วล่าสุดเมื่อเห็นว่าเงินเฟ้อลดลง เศรษฐกิจกลับมาขยายตัวต่อเนื่อง และตลาดแรงงานมีปัญหาลดลง ก็จึงทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ ลดอัตราดอกเบี้ย 0.5 เปอร์เซ็นต์
คราวนี้หันกลับมามองประเทศไทยบ้าง ถามว่าดอกเบี้ยของไทยจะลดลงหรือไม่ ทำไมพรรคเพื่อไทยจึงกระเหี้ยนกระหือรืออยากให้ลดดอกเบี้ย ดังพบว่าพรรคเพื่อไทยพยายามกดดันผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยมาโดย ตลอดตั้งแต่สมัยเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี แล้วยังพบอีกว่าบรรดาสมัครพรรคพวกของพรรคเพื่อไทยต่างก็รุมกดดันผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยตลอดเวลาเช่นกัน จนมาล่าสุดถึงยุคแพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ก็พบว่าพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เจ้าของฉายาไอเดียกระฉอก ก็เปิดศึกกับผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยอีกระลอก
แน่นอนว่า พรรคเพื่อไทยต้องการให้ดอกเบี้ยในประเทศไทยถูกลง เพราะจะเป็นผลดีต่อบรรดานักธุรกิจการเมืองเป็นอันดับแรก แต่ก็อ้างว่าการลดดอกเบี้ยจะเป็นผลดีต่อประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะคนที่เป็นหนี้เป็นสิน และคนทำมาค้าขายทั่วไป เพราะจะได้มีโอกาสกู้เงินจากธนาคารได้ง่ายขึ้น เนื่องจากดอกเบี้ยถูกลง แต่คำถามคือแม้ดอกเบี้ยถูกลงแล้วก็ตาม คนที่เป็นหนี้เป็นสินมากๆจะได้เงินกู้เพิ่มเติมจากธนาคาพาณิชย์หรือ แล้วบรรดาคนค้าคนขายที่มีสถานะเศรษฐกิจไม่น่าไว้วางใจ ไม่มั่นคงในสายตาของธนาคารพาณิชย์จะได้เงินกู้จากธนาคาร กระนั้นหรือ
เมื่อมองไปที่ประเด็นหนี้ครัวเรือนของไทย ก็พบว่ามีอัตราสูงเกิน 90 เปอร์เซ็นต์ต่อ GDP มานานแล้ว และยังไม่มีทีท่าจะลดลงในอนาคตอันใกล้ อันที่จริงในประเทศที่พัฒนาแล้วก็มีหนี้ครัวเรือนสูง แต่เป็นหนี้ที่ใช้จ่ายเพื่ออนาคตที่ดี ซึ่งต่างกับไทยที่หนี้ครัวเรือนส่วนมากเกิดจากการใช้จ่ายที่ไม่ได้สร้างให้อนาคตดีขึ้น ไม่ได้สร้างรายได้ในอนาคต แต่เป็นหนี้เพื่อการใช้กิน ใช้จ่ายในชีวิตประจำวันเสียมากกว่า แถมยังนำเงินในอนาคตมาผลาญในปัจจุบันจนหาอนาคตที่สดใสไม่ได้ เพราะฉะนั้น การอ้างว่าเมื่อลดดอกเบี้ยแล้วจะทำให้คนที่เป็นหนี้เป็นสินจะมีความเป็นอยู่ดีขึ้น จึงไม่เป็นความจริงทั้งหมด แต่ที่น่ากังวลคือจะมีการก่อหนี้เพิ่มขึ้นหรือไม่ เพราะเห็นว่าดอกเบี้ยไม่แพง
ส่วนอัตราเงินเฟ้อของไทยในขณะนี้ไม่ได้เฟ้อมากจนน่าวิตก แม้ราคาอาหารจะแพงขึ้นบ้าง แต่ราคาสินค้ากลุ่มพลังงานไม่เพิ่มขึ้น เช่น ราคาแก๊สโซฮอล์ และค่าไฟฟ้าลดลง โดยค่าไฟฟ้าลดลง เพราะรัฐบาลเข้าไปช่วยเหลือให้ราคาลดลง จึงทำให้อัตราเงินเฟ้อของไทยอยู่ในกลุ่มประเทศเงินเฟ้อต่ำ (อันที่จริงต้องดูลึกลงไปถึงเงินเฟ้อทั่วไปและเงินเฟ้อพื้นฐานด้วย แต่ขออนุญาตไม่ลงรายละเอียดในที่นี้ เพราะต้องใช้เวลาอธิบายพอสมควร)
เขียนมายืดยาวพอสมควรแล้ว ขอสรุปว่าการจะลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นเรื่องที่ต้องดูให้ถี่ถ้วนรอบคอบ และย้ำว่าไม่เห็นด้วยที่ฝ่ายการเมืองใช้อำนาจกดดันให้ธนาคารแห่งประเทศไทยต้องลดดอกเบี้ยตามความต้องการของนักการเมือง แต่ขอยืนยันว่าธนาคารแห่งประเทศไทยต้องมีอิสระในการพิจารณาอัตราดอกเบี้ยและค่าเงินบาท โดยทั้งหลายทั้งปวงนั้นต้องมาจากการใคร่ครวญไตร่ตรองสภาวการณ์ทั้งหมดทางเศรษฐกิจให้รอบคอบ ไม่ใช่ทำเพื่อการโฆษณาชวนเชื่อทางการเมือง หรือเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวของนักการเมือง หรือพรรคการเมืองใดๆ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี