นักการเมืองไทยเข้าสู่วงการการเมืองเพื่อผลประโยชน์ของตนเองหรือของสาธารณชน นี่คือคำถามที่สาธารณชนถามมาโดยตลอด สาเหตุที่ถามเรื่องนี้เพราะสาธารณชนประจักษ์ชัดเป็นประจำว่านักการเมืองไทยจำนวนไม่น้อยไม่ได้เข้ามาเพื่อทำประโยชน์ให้สาธารณะ
วันนี้คนไทยจำนวนไม่น้อยกำลังจับตามองการกระทำของนักการเมืองไทยกลุ่มที่มีพฤติกรรมใช้อำนาจการเมืองเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง และเฝ้าจับตามองดูด้วยว่านักการเมืองที่มีอำนาจรัฐในขณะนี้จะใช้อำนาจรัฐในกำมือแก้กฎหมายเพื่อเอื้อผลประโยชน์ให้ตนเองและพวกพ้องของตนเอง(แต่คนที่รู้ทันนักการเมืองชุดปัจจุบันวิพากษ์ว่า พยายามจะใช้อำนาจรัฐเพื่อแก้ความผิด ล้างมลทิน ล้างความสกปรกให้กับนักการเมืองรายหนึ่งที่จงใจทำผิดกฎหมายอาญาของบ้านเมือง)
หลายคนกำลังจับตามองความพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐบาล โดยเฝ้าสังเกตอย่างใกล้ชิดว่าพรรคเพื่อไทยในฐานะแกนนำรัฐบาลจะใช้เล่ห์เพทุบายใดๆ
แก้กฎหมายเพื่อเอื้อประโยชน์ให้ทักษิณ ชินวัตร อดีตนักโทษคดีอาญา เพื่อหวังให้ทักษิณกลับเข้าไปโลดแล่นบนเวทีการเมืองได้อีกครั้ง
เมื่อฟังความเห็นและคำพูดจากภูมิธรรม เวชยชัยแกนนำพรรคเพื่อไทย ผู้ที่คอการเมืองบอกตรงกันว่าเขาคือร่างทรงของทักษิณ คำพูดที่คอการเมืองจับได้จากปากของภูมิธรรมคือมีความพยายามแก้รัฐธรรมนูญเพื่อผลประโยชน์ของคนบางคนในพรรคเพื่อไทย
ส่วนเมื่อฟังคำพูดของชูศักดิ์ ศิรินิล ผู้ที่เป็นมือกฎหมายของพรรคเพื่อไทยก็มีทิศทางและท่าทีไม่ต่างไปจากคำพูดของภูมิธรรม โดยเฉพาะเรื่องที่บ่งบอกว่าจะล้างมลทินให้นักการเมืองที่มีความผิดและถูกลงโทษตามกระบวนการกฎหมายไปแล้ว
ขออ้างที่พรรคเพื่อไทยใช้ตบตาประชาชนที่คิดไม่ทันและหลงกลคือการแก้รัฐธรรมนูญต้องหารือกับคนทุกคนและกับทุกพรรค แล้วอ้างต่อไปว่าเพื่อผลประโยชน์ของส่วนรวม แล้วยังอ้างว่าหากเรื่องใดเห็นพ้องต้องกัน ก็จะแก้ไขในสิ่งที่เห็นพ้องกันแล้ว ถามต่อไปว่า คำว่าเห็นพ้องต้องกันระหว่างนักการเมืองนั้น หมายความว่าอะไร หมายความว่าเห็นพ้องเพื่อผลประโยชน์ของนักการเมืองใช่หรือไม่
นักการเมืองที่ใช้อำนาจรัฐเพื่อผลประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง จะอ้างตลอดเวลาว่าต้องแก้กฎหมาย แก้รัฐธรรมนูญเพื่อผลประโยชน์สาธารณะ แต่เมื่อพิจารณาลึกๆ แล้วจะพบว่าเป็นข้ออ้างของนักการเมืองเท่านั้น อย่างเช่นความพยายามหนึ่งที่คอการเมืองจับได้ตั้งแต่คนของเพื่อไทยอ้าปากว่าต้องแก้รัฐธรรมนูญเรื่องจริยธรรมของนักการเมือง แต่เรื่องนี้สาธารณชนจับได้ตั้งแต่แรกว่าเป็นความจงใจแก้รัฐธรรมนูญเพื่อล้างความสกปรกให้กับนักการเมืองที่ทำผิดกฎหมาย เพื่อให้นักการเมืองทำผิดกฎหมายกลับไปมีอำนาจรัฐได้อีกครั้ง โดยไม่ต้องใช้อำนาจรัฐแบบอีแอบที่ส่งลูกไปทำหน้าที่เป็นนายกรัฐมนตรี แต่ทว่าคนที่มีอำนาจบริหารสั่งการโดยแท้จริงคืออดีตนักโทษคดีอาญา และทุกคนก็จับได้ว่านักโทษหนีคดีอาญาต้องการจะกลับมามีอำนาจรัฐโดยตรงอีกครั้ง เพียงแต่ขณะนี้ยังติดขัดในข้อบังคับของกฎหมาย จึงไม่สามารถใช้อำนาจโดยตรงได้ จึงต้องใช้ร่างทรงคือลูกสาวคนเล็ก แต่ถึงกระนั้นคอการเมืองไทยก็ยังจับได้ไล่ทันตลอดเวลาว่าลูกสาวคนเล็กเป็นเพียงนายกรัฐมนตรีหุ่นกระบอกเท่านั้น
ถามว่าหุ่นกระบอกมีสมองหรือไม่ หุ่นกระบอกเคลื่อนไหวเองได้หรือไม่ หุ่นกระบอกคิดเองได้หรือไม่ ตอบว่าไม่ได้ เพราะหุ่นกระบอกไม่มีสมอง ไม่มีความคิด แต่หุ่นกระบอกเคลื่อนไหวแสดงอาการใดๆ ได้ก็เพราะมีผู้ชักเชิดให้หุ่นกระบอกเคลื่อนไหวไปมาได้
ประเทศไทยมีนายกรัฐมนตรีหุ่นกระบอกมาแล้วอย่างน้อยๆ 2-3 คน แล้วคนไทยที่รู้ทันก็รู้อีกว่าใครคือคนชักใยหุ่นกระบอกที่เล่นบทนายกรัฐมนตรี และเราก็พบแล้วว่านายกหุ่นกระบอกรายหนึ่งทำความวิบัติบรรลัยให้ประเทศอย่างแสนสาหัส อาทิ เรื่องนิรโทษกรรมสุดซอย เรื่องจำนำข้าวทุกเมล็ด และเรื่องน้ำท่วมดอนเมืองจนน้ำเกือบแตะท้องเครื่องบินที่จอดอยู่บนลานจอด ฯลฯ
ย้ำว่าเรื่องที่คนไทยทุกคนกำลังจับตามองการกระทำพิสดารของรัฐบาลที่นำโดยเพื่อไทยคือการแก้รัฐธรรมนูญคนรู้ทันนักการเมืองตระกูลทักษิณ ชินวัตร เฝ้าจับตามองว่าพรรคเพื่อไทยจะเล่นกลการเมืองเพื่อผลประโยชน์ของเจ้าของพรรคเพื่อไทยด้วยกลอุบาย และเล่ห์เพทุบายใด
ขอย้ำว่าประเด็นจริยธรรมนักการเมืองเป็นเรื่องสำคัญ และมีความละเอียดอ่อนเป็นที่สุด แล้วก็ต้องย้ำว่าคนไทยทุกคนที่หวังดีต่อบ้านเมืองต้องการให้นักการเมืองทุกคนมีจริยธรรม และต้องยืดมั่นในจริยธรรมอย่างเคร่งครัด เพราะที่ผ่านมานั้นคนไทยที่สนใจการเมืองอย่างใกล้ชิดตระหนักและประจักษ์ดีว่านักการเมืองไทยบกพร่องด้านจริยธรรมอย่างร้ายแรงมาโดยตลอด และยังพบด้วยว่านักการเมืองไทยจำนวนไม่น้อยมีฉากหลังเป็นเจ้าพ่อ เจ้าแม่ มาเฟีย เจ้าของบ่อนซ่อง เจ้าของซุ้มมือปืนแต่เมื่อคนเลวทรามเหล่านั้นใช้การเลือกตั้งเป็นเครื่องฟอกขาวจนผ่านเข้าเป็น สส. ได้ ก็กลับกลายเป็นว่ามาเฟียจำนวนไม่น้อยได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีในกระทรวงต่างๆ แต่ในระยะหลังคนไทยได้พบว่าแม้คนเป็นนายกรัฐมนตรีของไทยยังไม่มีพฤติกรรมมาเฟียแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็พบว่านายกรัฐมนตรีบางคนคือหุ่นกระบอกที่ถูกมาเฟียชักใย หรือมิฉะนั้นก็ถูกคนโกง คนทำผิดกฎหมาย คนหนีกฎหมายชักใยให้แสดงบทแล้วโลดแล่นในฐานะนายกรัฐมนตรี
มีคำถามว่าจริยธรรมของนักการเมืองมีความสำคัญมากน้อยแค่ไหนกับการปล่อยให้คนบางคนเข้าไปเป็น สส. แล้ว สส. ก็เข้าไปเป็นรัฐมนตรี หรือนายกรัฐมนตรี ตอบคำถามนี้ได้โดยพลันว่า จริยธรรมของนักการเมืองมีความสำคัญมากเป็นลำดับต้นๆ ของการที่จะอนุญาตให้ใครคนใดคนหนึ่งเข้าไปเป็นรัฐมนตรี หรือข้าราชการการเมือง
เพราะหากเราปล่อยให้นักการเมือง และรัฐมนตรี รวมถึงข้าราชการการเมืองเข้าไปรับตำแหน่งได้ทั้งๆ ที่พวกเขายังมีรอยด่างดำ มีมลทิน มีความสกปรกในเรื่องจริยธรรม ก็หมายความว่าเราปล่อยให้โจร ให้มาเฟียเข้าไปโกงบ้านกินเมืองอย่างสะดวกและง่ายดาย นั่นหมายความว่าเรามอบอำนาจให้โจรเข้าไปบ่อนทำลายบ้านเมืองประเทศชาติของเรา
เพราะฉะนั้น เราทุกคนต้องร่วมกัน และช่วยกันจับตามองเฝ้าระวังการแก้รัฐธรรมนูญเป็นรายมาตราที่นักการเมืองกำลังเดินเกมแก้เพื่อเอื้อผลประโยชน์ให้ตนเอง หรือแก้เพื่อล้างผิดฟอกขาวให้นักโทษคดีอาญาที่ต้องการกลับมามีอำนาจรัฐโดยตรง และหากพูดให้ตรงคือ เราทุกคนต้องจับตามองความพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยพรรคเพื่อไทย รวมถึงพรรคประชาชน และพรรคร่วมรัฐบาลบางพรรค เพราะมีผู้ตั้งข้อสังเกตว่าพรรคการเมืองบางพรรคจะใช้อำนาจพลังการยกมือของ สส. ในสภาเพื่อนำไปสู่การแก้รัฐธรรมนูญล้างผิดให้กับเจ้าของพรรคบางพรรค โดยเฉพาะพรรคที่เจ้าของพรรคมีสถานภาพเป็นนักโทษหนีคดีอาญา แล้ววันหนึ่งก็เล่นกลเล่นเกมโดยยอมกลับเข้าประเทศไทย โดยยอมรับสารภาพว่าทำผิดจริง แต่ทว่านักโทษรายนั้นไม่ต้องรับโทษทัณฑ์ใดๆ แม้แต่น้อย แต่เมื่อนักโทษคนนั้นได้รับสถานภาพของผู้พ้นโทษ สาธารณชนก็เห็นชัดว่าเขาคนนั้นคือแสดงบทเป็น play maker ทางการเมืองตัวกลั่นตัวยง เราได้พบแล้วว่านักโทษแสดงพฤติกรรมการเมืองชัดเจนราวกับว่าเขาคือนายกรัฐมนตรีตัวจริง
เราได้พบว่าเขาแสดงตัวเป็นผู้เจรจาความเมืองกับผู้นำการเมืองของบางประเทศ เราได้พบอีกว่าเขาประกาศตัวเป็นผู้ครอบครองนายกรัฐมนตรี และเราก็ได้ทราบ
ทั่วกันว่าเขาคนนั้นคือผู้มีอำนาจสั่งการว่าคนในพรรคการเมืองของเขาคนไหนต้องไปนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีตัวใด
ทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมานั้นคือเครื่องแสดงอย่างชัดเจนว่านักโทษคดีอาญากำลังแสดงบทบาทผู้สั่งการทางการเมืองอย่างโจ่งแจ้ง ถามว่าเขาคนนั้นไม่รู้บ้างหรือว่าคนไทยรู้ทันเขา ตอบว่าเขารู้ดี แต่เขากร่างและชะล่าใจว่าเขามีอำนาจรัฐในกำมือ เขาจึงทำอะไรได้ทุกอย่างตามที่เขาต้องการ
วันนี้เขายังคงแสดงความกร่าง ความเหิมเกริมทางการเมืองต่อไป โดยไม่ใส่ใจว่าประชาชนจับตามองการกระทำของเขา และรู้เท่าทันพฤติกรรมสามานย์ของเขา แต่เขาก็ยังคงกระทำต่อไป เพราะเขาเข้าใจว่าเขาฉลาดและลึกล้ำมากกว่าประชาชน แต่ต้องบอกว่าเขาคิดผิดอย่างมาก และต้องเตือนว่า เขากำลังปรามาสความลึกล้ำของประชาชน เขากำลังเดินอยู่บนเส้นทางที่จะทำเขาไปสู่นรกภูมิอีกครั้งแม้ปัจจุบันเขาอาจนึกว่าเขานั้นอยู่บนสรวงสวรรค์ แต่ย้ำว่าเขากำลังปรามาสประชาชนที่รู้ทัน
เพราะฉะนั้น ประชาชนที่รู้เท่าทันความเลวทรามของนักการเมืองสามานย์จึงบอกกันเองในกลุ่มผู้รู้ทันว่า หากนักการเมืองสามานย์ใช้เล่ห์กลแก้รัฐธรรมนูญเพื่อล้างผิด ล้างชั่ว ล้างมลทินให้กับนักการเมืองที่ต้องคดีอาญาให้กลับมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้อีกแล้วละก็รับรองว่าประชาชนผู้รู้ทันความเลวของนักการเมืองจะไม่มีวันยินยอมเป็นอันขาด
หากนักการเมืองสามานย์ยังคงชะล่าใจและปรามาสประชาชนผู้รู้ทันต่อไปเรื่อยๆ ก็ต้องบอกว่านักการเมืองสามานย์ก็ต้องกลับไปใช้ชีวิตแบบสัมภเวสีเหมือนเดิมอีก แล้วนายกรัฐนตรีหุ่นกระบอกในครอบครัวนักการเมืองสามานย์ก็ต้องพลัดที่นาคาที่อยู่เหมือนนายกรัฐมนตรีหุ่นกระบอกตัวที่กำลังร่อนเร่เป็นสัมภเวสีอย่างไม่ต้องสงสัย
ขอย้ำว่าอย่างดูถูกประชาชน อย่าปรามาสประชาชน และอย่างดูแคลนประชาชน จงจำไว้ว่าประชาชนให้บทเรียนที่แสนสาหัสกับนักการเมืองกเฬวรากมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี