นักการเมืองนั้นปากอ้างประชาชน แต่การกระทำกลับไม่เห็นหัวประชาชน เห็นได้ชัดก็คือเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา เกี่ยวกับคุณสมบัติหรือลักษณะต้องห้ามของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองว่าด้วยเรื่องจริยธรรมและความซื่อสัตย์ รวมทั้งอำนาจหน้าที่ของศาลและองค์กรอิสระ ที่พรรคเพื่อไทยเป็นหัวหอกอยู่ในเวลานี้
รัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 ที่พรรคเพื่อไทยกระเหี้ยนกระหือจะแก้ไขอยู่นี้นั้น เป็นรัฐธรรมนูญที่มาจากประชาชนและเป็นของประชาชน ผ่านการออกเสียงประชามติเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2559 ด้วยคะแนน 16,820,402 เสียง ต่อ 10,598,037 เสียง หรือ 16.82 : 10.59 ล้านเสียง คิดเป็นร้อยละ 61.35 ต่อ ร้อยละ 38.65 จากผู้ออกมาใช้สิทธิ์ 29,740,677 คน หรือ 29.74 ล้านคน
ดังนั้น ก่อนที่พรรคเพื่อไทยจะทำอะไรกับรัฐธรรมนูญฉบับนี้ สมควรที่จะต้องทำด้วยความชอบธรรม อย่างน้อยควรต้องขออนุญาตหรือถามประชามติจากประชาชนที่รับรองรัฐธรรมนูญฉบับนี้เสียก่อน ไม่ใช่อ้างความเป็นผู้แทนราษฎรแล้วคิดจะทำอะไรก็ได้ตามอำเภอใจ เพื่อให้สมประโยชน์ของตน
ถ้าจะเปรียบไปก็เหมือนกับ ประชาชนที่เป็นชาวบ้านมอบความไว้วางใจให้เป็นตัวแทนเข้าไปเป็น สส.ในสภาผู้แทนราษฎร พอลุแก่อำนาจก็ไปลากตัวลูกสาวของชาวบ้านออกมาจับแก้ผ้าเพื่อจะขึงพืดข่มขืนกระทำเรา
และถ้าจะว่าไปแล้ว การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตราของพรรคเพื่อไทยครั้งนี้ ก็ไม่ต่างจากการทำลายหลักการที่วางไว้สำหรับ“ส่งเสริมให้คนดีได้ปกครองบ้านเมือง และควบคุมคนไม่ดีไม่ให้มีอำนาจ” ดังพระบรมราโชวาทของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ทรงพระราชทานในพิธีเปิดงานชุมนุมลูกเสือแห่งชาติ จังหวัดชลบุรี เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2512 ว่า
"ในบ้านเมืองนั้นมีทั้งคนดีและคนไม่ดี ไม่มีใครจะทำให้คนทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมด การทำให้บ้านเมืองมีความปกติสุขเรียบร้อย จึงมิใช่การทำให้ทุกคนเป็นคนดี หากแต่อยู่ที่การส่งเสริมคนดี ให้คนดีได้ปกครองบ้านเมือง และควบคุมคนไม่ดีไม่ให้มีอำนาจ ไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้"
ดังนั้น การกระทำพรรคของพรรคเพื่อไทยจึงเท่ากับ เพื่อเปิดประตูให้คนชั่วคนไม่ดีได้มีโอกาสขึ้นมามีอำนาจปกครองบ้านเมือง จากการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับ“ปราบโกงนักการเมือง”ฉบับนี้
ถ้าพรรคเพื่อไทยมีความบริสุทธิ์ใจว่า ไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์ของตนเอง หรือของพรรคการเมืองและของนักการเมือง ก็ควรจะต้องดำเนินการตามข้อบัญญัติของรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 หมวดที่ 15 มาตรา 256 (8) ที่กำหนดไว้ว่า การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ หรือเรื่องที่เกี่ยวกับคุณสมบัติหรือลักษณะต้องห้ามของผู้ดำรงตำแหน่งต่างๆ ตามรัฐธรรมนูญ ฯลฯ โดยจะต้องจัดให้มีการออกเสียงประชามติตามกฎหมายว่าด้วยการออกเสียงประชามติเสียก่อน ก่อนที่จะนำขึ้นทูลเกล้าฯเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย ไม่ใช่โละทิ้งข้อบัญญัตินี้ อันเป็น 1 ใน6 ประเด็นตามร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคเพื่อไทยที่ได้ยื่นต่อสภาฯไปแล้ว
หากว่าพรรคเพื่อไทยดำเนินการตามข้อบัญญัติดังกล่าวของรัฐธรรมนูญ จึงจะถือว่าเป็นการกระทำเยี่ยงผู้มีอารยะ และเป็นผู้ที่ยึดหลักการประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ไม่ใช่นักประชาธิปไตยจอมปลอมที่มีแต่น้ำลาย สำหรับใช้พ่นหลอกลวงชาวบ้านที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ให้หลงเชื่อ
อีกทั้ง ไม่เพียงแต่เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมเท่านั้น พรรคเพื่อไทยยังถือโอกาสอันชุลมุนที่บ้านเมืองกำลังประสบภัยพิบัติจากอุทกภัย รวมทั้งใช้กระแส“หมูเด้ง”ที่เป็น“ความสุข”เฉพาะหน้าของประชาชน ที่มีผลทำให้กลบข่าวอื่นๆ ในเวลานี้นั้น เตรียมจะยื่นแก้ไขพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง ในประเด็นที่เกี่ยวกับความเป็นสมาชิกพรรคการเมือง ตลอดจนเรื่องห้ามบุคคลคนภายนอกเข้าไป“ครอบงำ”พรรคการเมืองอีกด้วย
เรื่องนี้แม้พรรรคเพื่อไทยโดยนายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่เป็นมือกฎหมายของรัฐบาล“มาดามแพ” และเป็นมือกฎหมายของพรรคเพื่อไทย จะให้สัมภาษณ์ออกตัวกับสื่อว่า ไม่ได้มีจุดมุ่งหมายเพื่ออดีตนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร เป็นการเฉพาะก็ตาม แต่ก็ไม่มีใครเขาเชื่อถือคำพูดของนายชูศักดิ์
เพราะในภาพรวมทั้งหมด หากพรรคเพื่อไทยแก้ไขทั้งรัฐธรรมนูญและแก้ไขกฎหมายประกอบพรรคการเมืองดังที่กล่าวนั้นได้เป็นผลสำเร็จ ก็เหมือนกับการ“ชุบชีวิต”ให้“ทักษิณ ชินวัตร”ซึ่งคนทั่วไปรับรู้ว่าเป็นเจ้าของพรรคเพื่อไทยตัวจริง และเป็น“ผู้ชักใย”บุตรสาวที่เป็นนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลชุดนี้ ไม่ต้องมีข้อติดขัดใดๆ เกี่ยวกับคุณสมบัติที่เป็นข้อห้ามในการเข้าสู่การเมืองและอำนาจ
กล่าวคือ เมื่อได้ทลายกำแพงที่ขวางกั้นนี้แล้ว จะทำให้“ทักษิณ ชินวัตร”จากผู้ที่มีประวัติ“นักโทษคดีโกงชาติโกงแผ่นดิน”ติดตัวตลอดชาติ ก็จะได้กลับมาเป็นประชาชนพลเมืองที่บริสุทธิ์ไม่มีอดีตด่างพร้อย สามารถเข้าไปสู่อำนาจทางการเมืองได้อย่างเต็มตัว ยิ่งถ้ากฎหมายนิรโทษกรรมที่ สส.กำลังยกร่างได้ข้อสรุปในชั้นสุดท้าย ว่าให้ครอบคลุมไปถึง“คดีทุจริต”ด้วย ก็จะยิ่งทำให้ทักษิณขาวสะอาดจน“ดมกลิ่น”ได้
อย่างไรก็ดี เมื่อพรรคเพื่อไทยไม่เห็นหัวประชาชน ด้วยการกระทำที่ไม่ชอบมาพากลจากที่ได้กล่าวมาทั้งหมดนั้น ก็มีแต่ประชาชนเท่านั้นที่จะต้องลุกขึ้นมาต่อต้านและปกป้องสิทธิ์ของตนเอง
โดยเฉพาะประชาชน 16.82 ล้านเสียง ที่มีประชามติรับรองรัฐธรรมนูญฉบับ“ปราบโกงนักการเมือง”ฉบับนี้ จะต้องส่งเสียงให้นักการเมืองและพรรคการเมืองที่ทำตัวคล้าย“โจรห้าร้อย” ซึ่งกำลังจะข่มขืนรัฐธรรมนูญฉบับนี้ได้ยินกันโดยถ้วนทั่ว !
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี