ประเทศไทยเป็นประเทศที่ดูเผินๆ เสมือนว่ามีอิสระเสรีในการทำธุรกิจ และการค้าการขาย โดยเฉพาะในกิจการการค้าระดับประเทศ แต่ทว่าหากดูให้ลึกลงไปแล้วจะพบว่าไม่เสรีโดยแท้จริง เพราะกิจการการค้าในไทยถูกผูกขาดโดยนายทุนยักษ์ใหญ่ หรือทุนกินรวบแค่เพียง 2-3 ตระกูลเท่านั้น
หากจะถามว่าแล้วนายทุนยักษ์ใหญ่ 2-3 ตระกูลเหล่านั้นไม่แข่งขันกันทำการค้าหรือ ตอบว่าไม่ได้แข่งขันกันอย่างจริงๆ จังๆ แต่เป็นการกระทำที่ดูออกว่าฮั้วกันเสียมากกว่า เพราะนายทุนใหญ่เหล่านั้นจะหลีกทางให้กันและกันตลอดเวลา โดยทำเสมือนว่าแบ่งอาณาเขตทำมาหากินระหว่างกัน ไม่ล้ำเส้น ไม่เหยียบเท้ากัน แต่ที่น่ากลัวยิ่งกว่าคือนายทุนเหล่านั้นมีส่วนได้เสียและเกี่ยวพันกับอำนาจรัฐทั้งทางตรงและทางอ้อมตลอดเวลา จนเรียกได้ว่าทุนเลี้ยงรัฐบาล แล้วรัฐบาลก็คุ้มครองทุน
สำหรับคนที่ศึกษาและติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มทุนยักษ์ใหญ่ไทยมาอย่างใกล้ชิดเป็นเวลาหลายทศวรรษต้องพบเหมือนๆ กันว่าธุรกิจในกลุ่มค้าปลีก โทรคมนาคม อสังหาริมทรัพย์ และอาหาร ได้ถูกควบคุมโดยบริษัทเพียง 4-5 แห่งเท่านั้น และยังพบว่าทุนจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของตระกูลเหล่านั้นมีมูลค่า 1 ใน 5 ของมูลค่าทั้งหมดในตลาดหลักทรัพย์ โดยอ้างอิงมูลค่าตลาดตามดัชนีของตลาด คือพูดให้เข้าใจง่ายได้ว่า มูลค่ารวมของทุนจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของตระกูลยักษ์ใหญ่ที่ผูกขาดเศรษฐกิจไทยคิดเป็นประมาณ 110,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่มูลค่าทั้งตลาดอยู่ที่ประมาณ 550,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ(อ้างอิงจาก Breakingviews Reuters) และระบุด้วยว่า 4 กลุ่มธุรกิจยักษ์ใหญ่คือ CP, GULF, ThaiBev และ Central
ประเทศใดก็ตามที่มีปัญหาทุนผูกขาด ประเทศนั้นจะเกิดปัญหาธุรกิจกระจุกตัวอยู่ในกำมือของนายทุนเพียงไม่กี่ราย นอกจากนั้นก็พบด้วยว่าการพัฒนาคุณภาพการค้าและธุรกิจจะไม่บังเกิดขึ้น แต่ที่น่าวิตกยิ่งกว่าคือทุนผูกขาดเหล่านั้นก็จะไม่ปล่อยให้นักลงทุนรายอื่นใด ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนชาวไทยด้วยกันเอง หรือนักลงทุนจากต่างประเทศได้มีโอกาสเข้าไปแข่งขันทำธุรกิจด้วย เพราะเขาเหล่านั้นรู้ดีว่าหากปล่อยให้มีการแข่งขันกันมากๆ ขึ้น หรือปล่อยให้เกิดการแข่งขันโดยเสรี เขาก็จะหมดโอกาสผูกขาดการทำธุรกิจ และไม่สามารถกอบโกยความมั่งคั่งเข้าสู่กระเป๋าของพวกเขาได้อีกต่อไป
ถามว่าทำไมรัฐบาลไทยทุกชุุดที่ผ่านมาจึงไม่ สนับสนุนการค้าเสรีให้จริงจังและเป็นรูปธรรม ทำไมจึงปล่อยให้ทุนใหญ่ผูกขาดประเทศไทย ตอบคำถามนี้ได้ว่า เพราะรัฐบาลก็ต้องอาศัยทุนใหญ่เหล่านี้เป็นตัวสนับสนุนให้อยู่ในอำนาจรัฐได้ยาวนาน ดังนั้น รัฐบาลจึงไม่ต้องการเป็นศัตรูกับนายทุนใหญ่ แต่ในขณะเดียวกัน นายทุนใหญ่ก็ได้รับการคุ้มครองโดยอำนาจรัฐ ทำให้พวกเขาสามารถกีดกันและขัดขวางคู่แข่งรายอื่นๆ ไม่ให้เข้ามามีส่วนแบ่งในการทำธุรกิจได้ จึงเรียกได้ว่าเป็นการสมยอมกันระหว่างนายทุนใหญ่กับรัฐบาลหรือผู้มีอำนาจรัฐ โดยต่างฝ่ายต่างเอื้อประโยชน์ให้กันและกัน แต่เป็นการทำลายผลประโยชน์ของประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศอย่างน่าขยะแขยงอย่างที่สุด
อีกสิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดว่ารัฐบาลทุกชุดของไทยเอื้อนายทุนยักษ์ใหญ่ ก็คือการให้สัมปทานในกิจการสำคัญๆ ของประเทศ โดยเฉพาะกิจการด้านโทรคมนาคม ที่นับวันจะพบว่าคนไทยถูกบีบบังคับให้ต้องใช้บริการจากกลุ่มนายทุนใหญ่เพียงสองรายเท่านั้น ถามว่าทำไมจึงไม่มีบริษัทต่างชาติ หรือนายทุนไทยรายอื่นๆ เข้าไปแข่งขันในกิจการโทรคมนาคม ทั้งๆ ที่นักธุรกิจต่างชาติ มีความสามารถในการให้บริการไม่ด้อยไปกว่ากลุ่มนายทุนใหญ่ของไทย การที่ต่างชาติไม่กล้าเข้ามาลงทุนแข่ง ก็น่าจะเป็นเพราะว่ามีอุปสรรคบางอย่างกีดกันไม่ให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาได้ ถามว่าอุปสรรรคที่ว่านั้นคืออะไรซึ่งตอบได้เลยว่าไม่ใช่เงินลงทุน แต่มันน่าจะเป็นอำนาจบางชนิดที่ขัดขวางไม่ให้เกิดการแข่งขันในเชิงการค้าเสรีได้
อย่างไรก็ตาม การแก้ปัญหาทุนผูกขาดในประเทศไทยนั้น ต้องแก้ที่การคลายอำนาจรัฐที่เข้าไปเอื้อกลุ่มทุนผูกขาดให้ได้ก่อนเป็นอันดับแรก ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทำได้ยากมาก เพราะกลุ่มคนที่มีอำนาจรัฐในไทยก็เป็นคนหน้าเดิมๆ ที่ผูกขาดอยู่เพียงไม่กี่ตระกูล ต่อให้มีนักการเมืองหน้าใหม่เกิดขึ้นมา แต่ก็ยังพัวพันเกี่ยวข้องกับกลุ่มอำนาจรัฐหน้าเดิมๆ ตระกูลเดิมๆ อยู่ดี เมื่อกลุ่มอำนาจรัฐหน้าเดิมๆ ยังจับมือแบ่งปันผลประโยชน์กับนายทุนใหญ่กลุ่มเดิมๆ ก็จึงยากที่จะทำให้การสลายทุนผูกขาดในไทยเกิดขึ้น เพราะทุนกับอำนาจรัฐได้กลายเป็นสิ่งที่ผูกติดกันอย่างแน่นเหนียวไปเสียแล้ว เพราะฉะนั้น ความวิบัติจึงบังเกิดกับประชาชนไทยผู้ไร้ทางเลือก เพราะเราทุกคนล้วนตกอยู่ในกำมือของกลุ่มอำนาจทุนและผู้มีอำนาจรัฐที่ผลัดกันเกาหลังกันและกันทุกยุคทุกสมัย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี