“เงินหมื่นฟื้นเศรษฐกิจ”คุณหนูอุ๊งอิ๊งค์หรือ“มาดามแพ”นายกรัฐมนตรีที่มีวันนี้เพราะ“พ่อให้”เจื้อยแจ้วหลังกดปุ่มคิ๊กออฟ“โครงการดิจิทัลวอลเล็ต”เฟสแรก ที่แจกให้แก่กลุ่มเปราะบางจำนวน 14.55 ล้านคน เป็นเงินสดโอนเข้าบัญชีรายละ 1หมื่นบาท เมื่อวันที่ 25 กันยายนวานนี้
“มาดามแพ”ชี้แจงจากการอ่านโพยว่า “นโยบายนี้จะช่วยกระจายโอกาสเศรษฐกิจให้กับพี่น้องประชาชน ได้เพิ่มโอกาส..สร้างความหวัง และนำคุณภาพชีวิตที่ดีมาให้พี่น้องประชาชน ทำให้พี่น้องประชาชนมีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี อย่างที่เคยได้กล่าวไว้ เงิน 1หมื่นบาทจำนวนนี้จะสามารถสร้างโอกาส สร้างชีวิตใหม่ให้กับพี่น้องประชาชนได้”
การทำพิธีคิ๊กออฟป่าวประกาศที่ทำเนียบรัฐบาล ของ“มาดามแพ-แพทองธาร ชินวัตร”ในครั้งนี้ ต้องมีรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรียืนเป็นพระอันดับประดับบารมี ซึ่งหนึ่งในนั้นที่ขาดไม่ได้ คือ นายภูมิธรรม เวชยชัย ในฐานะ“พี่เลี้ยงคุณหนู”ลูกสาว“นายใหญ่-นายหญิง”แห่งบ้านจันทร์ส่องหล้า นอกนั้นก็มี อาทิ นายพิชัย ชุณหวชิร, นายอนุทิน ชาญวีรกูล,นายสมศักดิ์ เทพสุทิน, นายประเสริฐ จันทรรวงทอง, นายวราวุธ ศิลปอาชาและสองรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง คือ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ และนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล เป็นต้น
“มาดามแพ”อ่านโพยเกริ่นเป็นการนำร่องว่า “ที่ผ่านมาประเทศไทยประสบกับปัญหาทางเศรษฐกิจมาอย่างเรื้อรังนานหลายปีแล้ว ปัจจัยที่ทำให้เกิดปัญหาเศรษฐกิจเหล่านี้ ไม่ได้มาจากแค่ปัจจัยภายในประเทศเท่านั้น ยังมีปัญหาที่เกิดขึ้นทั่วโลก ซึ่งเศรษฐกิจทั่วโลกฟื้นตัวช้าลงกว่าปกติ และมากไปกว่านั้นยังมีในเรื่องของปัญหาความขัดแย้ง เจอปัญหาอุทกภัยในปีนี้ ถือเป็นปัญหาที่รุนแรงที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ก็ว่าได้”
จากนั้นมาดามแพซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรี ที่คนไทยส่วนใหญ่เห็นว่าไร้วุฒิภาวะและไม่เคยรู้เรื่องอะไรเลยเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดิน กล่าวต่อว่า “หลายปัจจัยที่กล่าวมาข้างต้นเป็นเหตุผลหลักๆ ที่ทำให้เศรษฐกิจฝืดเคือง และไม่สามารถที่จะเพิ่มการลงทุนได้ เราจะเห็นได้ชัดเงินจากระบบของเราหายไป..ตอนนี้เงินหมุนเวียนถือว่าแทบจะเป็นสิ่งที่หายาก เงินไม่หมุน เศรษฐกิจฝืดเคือง ทำให้การลงทุนน้อยลง อุตสาหกรรมใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นในประเทศไทย การลงทุนต่างๆ ก็น้อยลงอย่างมาก”
“มาดามแพ”ยกเหตุผลเกริ่นนำจากการท่องโพยพอเป็นสังเขปแล้ว ก็เข้าเรื่องว่าทำไมต้องแจกเงิน 1หมื่นบาทให้แก่กลุ่มเปราะบาง นั่นก็เพราะกลุ่มเปราะบาง คือ ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจำนวน 12.40ล้านคน และกลุ่มคนพิการจำนวน 2.15ล้านคน เป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากปัญหาเศรษฐกิจที่กล่าวมา
อย่างไรก็ตาม “มาดามแพ”ได้กล่าวตามโพยแบบฝันลมๆ แล้งๆต่อว่า “ในอนาคต ประเทศไทยจะต้องเปลี่ยนโครงสร้างทางด้านเศรษฐกิจทั้งระบบ ทำให้เศรษฐกิจต้องมีความพร้อมต่อการลงทุน..และความพร้อมต่ออุตสาหกรรมใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นในประเทศไทย เพื่อให้คนไทยมีความมั่นคง และหารายได้อย่างยั่งยืน”
ไขความระหว่างบรรทัดที่“มาดามแพ”ท่องโพยอ่านตามถ้อยความข้างบนนั้น ก็จะพบว่า พูดไปเรื่อยเจื้อย โดยคิดว่าคนไทยส่วนใหญ่กินแกลบกินหญ้า เพราะตามข้อเท็จจริงนั้น ตั้งแต่ปีแรกที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยซึ่งมีนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรีเข้ามาบริหารประเทศ นายเศรษฐาก็พูดแบบนี้ ว่า“ประเทศไทยประสบกับปัญหาทางเศรษฐกิจมาอย่างเรื้อรังนานหลายปี” แต่รัฐบาลของนายเศรษฐาก็ไม่ได้ทำอะไร และก็ปล่อยให้เรื้อรังหนักหน่วงทวีขึ้น จนกระทั่งมาถึงวันนี้ “เงินทองฝืดเคือง-ข้าวของแพงทั้งแผ่นดิน”
และนั่นก็เป็นประเด็นตามโพยที่“มาดามแพ”ท่องบทว่า“ตอนนี้เงินหมุนเวียนถือว่าแทบจะเป็นสิ่งที่หายาก เงินไม่หมุน เศรษฐกิจฝืดเคือง” ซึ่งโดยข้อเท็จจริงที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะ อย่างที่กล่าวไว้ว่า รัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสินไม่ได้ทำอะไรเลยในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านจนถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คือสาละวนอยู่กับ“โครงการดิจิทัลวอลเล็ต”เรื่องเดียวเท่านั้น
อีกเรื่องหนึ่งนอกจาก“โครงการดิจิทัลวอลเล็ต”ที่นายเศรษฐา ทวีสินทำ นั่นก็คือ การเดินสายเวิลด์ทัวร์ต่างประเทศ ด้วยการประกาศตัวเป็นเชลล์แมนของประเทศ เพื่อไปเชิญชวนนักลงทุนต่างชาติให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทย
ปรากฏว่าจากการเดินทางไปทัวร์ต่างประเทศ 17 ครั้งใน 14 ประเทศและ 1เขตเศรษฐกิจ ระหว่างที่นั่งอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีรวมทั้งหมด 358วัน ซึ่งถลุงเงินแผ่นดินเป็นค่าเดินทางและค่าใช้จ่ายไปทั้งหมดไม่ต่ำกว่า 1พันล้านบาทนั้น ไม่ได้อะไรติดไม้ติดมือกลับมาเลย มีแต่ภาพนายเศรษฐาสวมถุงเท้าสีแดงมีผ้าขาวม้าผูกคอเร่ขายผ้าขาวม้า กับราคาคุยว่าจะมีนักลงทุนต่างชาติขนเงินมาลงทุนในประเทศไทย และจนวันนี้ก็ยังไม่เห็นนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในประเทศไทยแม้แต่รายเดียว
ดังนั้นอีกหนึ่งย่อหน้าที่“มาดามแพ”อ่านจากโพยเหมือนนกแก้วนกขุนทองท่องจำในพิธีกดปุ่มคิ๊กออฟ“โครงการดิจิทัลวอลเล็ต”เฟสแรกในครั้งนี้ ก็สามารถพูดได้ว่าเป็นเรื่องไม่จริงอีกเช่นกัน ซึ่งเธอกล่าวว่า“นโบายต่างๆ ที่รัฐบาลเน้นย้ำในการทำงานที่ผ่านมา ตั้งแต่รัฐบาลที่แล้วของนายเศรษฐาทวีสิน หนึ่งปีที่ผ่านมาจนถึงวันนี้ เราเน้นย้ำในเรื่องของนโยบายด้านเศรษฐกิจ เพราะทราบว่านั่นคือสิ่งที่จำเป็น จะทำให้ประชาชนสามารถมีชีวิตความเป็นอยู่และความสุขมีสิ่งที่ดีขึ้นมา ทำให้ชีวิตพัฒนาไปข้างหน้าได้มากขึ้น”
คุณหนูอุ๊งอิ๊งหรือ“มาดามแพ”ท่องสูตรตามขี้ปากของนายพิชัย ชุณหวชิร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังที่ว่า การแจกเงินดิจิทัล 1หมื่นบาท “จะเป็นพายุหมุนทางเศรษฐกิจ” โดยมาดามแพฝันเพ้อว่า “วันนี้ที่ประเทศไทยจะถูกกระตุ้นครั้งใหญ่ โดยเงินสดจะถึงมือคนไทย ระบบเศรษฐกิจจะถูกเติมเงินหมุนเวียนกว่า 145,552ล้านบาท เป็นการสร้างพายุหมุนทางเศรษฐกิจลูกใหญ่ลูกแรก ที่จะทำให้ประชาชนได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง และแน่นอนเงินก้อนนี้จะสามารถต่อลมหายใจให้กับพี่น้องประชาชนรายเล็กที่กำลังเดือดร้อนอยู่ในขณะนี้”
ขอจบข้อเขียนในคอลัมน์นี้โดยยืมคำพูดของ“คุณเวก”และ“ขุนเผดิม”ตัวละครในเรื่องสั้น“ไม่เชื่อ-ไม่จริง”ของ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช มาเป็นการทิ้งท้ายว่า “ไม่เชื่อโว้ย ไม่จริงโว้ย” !
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี