มหาวิทยาลัยไทยจำนวนไม่น้อยถูกวิพากษ์ว่าเป็นแหล่งที่เต็มไปด้วยคนสอนหนังสือที่ไม่มีความรู้ความสามารถที่แท้จริง หลายแห่งมีแค่คนสอนหนังสือจำพวกท่องตำราได้ แต่ไม่สามารถนำสิ่งที่ท่องนั้นไปเปลี่ยนแปลงให้บังเกิดผลเป็นรูปธรรมได้จริงบางคนลอกตำราฝรั่งมาท่อง โดยปราศจากความเข้าใจแท้จริง แต่บางคนก็อาศัยคราบคนสอนหนังสือเป็นเครื่องบ่อนทำลายสังคม และทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์โดยการไขความเท็จสารพัดชนิดเพื่อล่อลวงผู้ศึกษาที่รู้ไม่เท่าทันให้หลงเชื่อ
ดังนั้น สังคมของเราจึงได้แค่มีมหาวิทยาลัย แต่ทว่าเราค่อนข้างจะหาปัญญาชนแท้ๆ ได้ยากเย็นดังนั้น บ้านเมืองของเราในยุคนี้จึงมีคนจบปริญญามากมาย เพราะปริญญาหาได้ง่าย บางแห่งมีแค่เงินเท่านั้น ไม่ต้องมีสติปัญญา ก็สามารถเข้าไปคว้าปริญญาออกมาได้ เพราะฉะนั้น เราจึงมีคนเรียนจบปริญญามากมายก่ายกอง ตั้งแต่ตรีถึงเอก แต่ทว่าคนจำนวนไม่น้อยที่ได้ชื่อว่าจบการศึกษาระดับอุดมศึกษา จึงเป็นได้แค่ผู้ถือปริญญาบัตร แต่ไม่ใช่ปัญญาชน
คำถามคือทำไมสังคมไทยจึงหาปัญญาชนได้ยากเย็น ทั้งๆ ที่ประเทศไทยมีมหาวิทยาลัยแห่งแรกมายาวนานนับร้อยปีเศษ แล้วปัจจุบันก็มีมหาวิทยาลัยเพิ่มขึ้นจนยากที่จะจดจำชื่อได้ทั้งหมด แล้วที่ต้องพูดกันตรงๆ อีกประเด็นก็คือ มหาวิทยาลัยบางแห่งไม่ (น่าจะ) มีคุณภาพทางวิชาการที่ได้มาตรฐานสากล แต่ก็ยังอุตส่าห์เปิดทำการเรียนการสอนอยู่ได้
มหาวิทยาลัยบางแห่งมีบางคณะวิชาเป็นที่ส้องสุมของเหล่าบรรดาคนสอนหนังสือที่ไร้จริยธรรม และปราศจากคุณภาพทางวิชาการโดยเฉพาะเหล่าบรรดาคนสอนหนังสือที่จงใจบิดเบือนความจริงของเรื่องราวต่างๆ ในสังคม เพราะมุ่งหวังให้ผู้ที่เข้าไปศึกษาได้รับข้อมูลเท็จ เรื่องเท็จ ความเท็จแล้วหวังให้ผู้ศึกษาที่ได้รับความเท็จออกไปก่อการที่เลวร้ายกับสังคมในอนาคต
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ต้องโทษคนสอนหนังสือคนอื่นๆ ที่อยู่ร่วมคณะ และอยู่ร่วมมหาวิทยาลัยว่าไม่ช่วยกันรักษาคุณภาพของงานวิชาการ แต่ที่สำคัญที่สุดคือต้องโทษผู้บริหารสูงสุดของมหาวิทยาลัยที่ปล่อยให้คนสอนหนังสือไร้คุณภาพ ไร้จริยธรรม ยังคงทำมาหากินอยู่ในคณะ และในมหาวิทยาลัยได้ต่อไป
คงไม่จำเป็นต้องกล่าวชื่อมหาวิทยาลัยแห่งใดแห่งหนึ่งเป็นการเฉพาะว่าเป็นสถานที่ซึ่งขาดไร้คุณภาพทางวิชาการ เพราะหากจะพูดกันตามจริงแล้วพบว่ามีหลายแห่ง โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งที่ปล่อยให้วิทยานิพนธ์ระดับปริญญาเอกที่มีความเท็จปรากฏอยู่ในเล่ม แล้วเมื่อมีผู้ชี้ชัดว่า วิทยานิพนธ์ปริญญาเอกเล่มนั้นมีความเท็จอยู่ ก็กลับปรากฏว่าผู้บริหารมหาวิทยาลัยจงใจใช้เพทุบายดึงเกม ไม่กล้าทำความจริงให้ปรากฏ แล้วปล่อยให้เรื่องเน่าเหม็นเสื่อมเสียค้างคาอยู่ในมหาวิทยาลัยมายาวนานตราบจนปัจจุบัน ซึ่งนั้นก็ทำให้สาธารณชนเข้าใจว่าผู้บริหารมหาวิทยาลัยแห่งนั้นไม่รังเกียจกับการมีเรื่องโกหกพกลม เรื่องเท็จเรื่องลวงโลกอยู่ในงานที่อ้างว่าเป็นงานวิชาการของมหาวิทยาลัย
มาล่าสุดก็มีข่าวเน่าเฟะปรากฏอีกว่า มีงานเขียนที่อ้างว่าเป็นงานวิจัยระดับดีเด่น แต่ทว่ากลับถูกหน่วยงานด้านความมั่นคงหลายหน่วยงานของประเทศระบุว่าถูกกล่าวร้ายทำให้เสื่อมเสียโดยผู้เขียนงานเขียนวิจัยชิ้นที่ตกเป็นข่าว ล่าสุดมีประเด็นว่างานเขียนและผู้เขียนงานวิจัยรายนั้นกำลังถูกตั้งคำถามและถูกสังคมวิพากษ์วิจารณ์ว่า ผู้เขียนเป็นผู้ที่ไม่รู้จริงในเรื่องที่นำเสนอ แต่นำเสนองานโดยการอนุมานเอาเอง โดยไม่เคยเข้าไปสัมภาษณ์และเก็บข้อมูลโดยตรงจากหน่วยงานที่ถูกกล่าวร้าย และยังถูกระบุอีกว่าเป็นการสรุปงานเขียน โดยไม่ได้ทำตามหลักเกณฑ์มาตรฐานสากลของการวิจัย ขณะเดียวกัน ยังถูกหน่วยงานที่อ้างว่าได้รับความเสียหายระบุว่าจะฟ้องร้องดำเนินคดี เพื่อปกป้องชื่อเสียง เกียรติภูมิ และความน่าเชื่อถือของหน่วยงาน
อันที่จริง ต้องบอกว่านี่เป็นเรื่องสำคัญที่ผู้บริหารมหาวิทยาลัยซึ่งคนสอนหนังสือที่ทำงานวิจัยต้องรับผิดชอบด้วย เพราะเมื่องานวิจัยได้กลายเป็นเรื่องที่สังคมตั้งคำถามว่า ทำวิจัยถูกต้องตามหลักวิชาการจริงหรือไม่ เก็บข้อมูลอย่างไร เก็บข้อมูลจากบุคคลที่มีความรู้จริงเข้าใจจริงในประเด็นที่ถูกนำไปทำวิจัยหรือไม่ และสรุปงานโดยไม่มีเหตุผลเพียงพอ (jump to conclusions) หรือไม่
เรื่องนี้ไม่ใช่แค่สังคมจะรับฟังคำกล่าวหาจากหน่วยงานด้านความมั่นคงเท่านั้น แต่หน่วยงานด้านความมั่นคงต้องเอาจริงเอาจังกับการทำความกระจ่างในเรื่องนี้ หากเห็นว่างานวิจัยดังกล่าวเป็นเรื่องโกหกพกลม ไม่มีความจริง และจงใจทำให้หน่วยงานเสียหาย หน่วยงานด้านความมั่นคงต้องฟ้องร้องดำเนินคดีให้จริงจัง ไม่ใช่แค่เพียงพูดบ่นแล้วปล่อยผ่านไป เพราะไม่ช่วยให้เกิดประโยชน์ใดๆ ต่อสังคม และไม่ทำให้เกิดความงอกงามด้านวิชาการและสติปัญญาของสังคมไทย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี