มันมากับผู้นำที่เป็นหญิง ดังคำพยากรณ์หรืออย่างไรก็ไม่มีใครรู้ เพราะในพลันที่นายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ของประเทศไทยเป็นผู้หญิง ท้องฟ้าด้านทิศเหนือก็มืดครึ้มและฝนก็เทลงมาอย่างหนักหน่วง ตั้งแต่ชายแดนจีน ลาว พม่า ลามมาถึงภาคเหนือตอนบนและลามลงมายังภาคเหนือตอนล่างและภาคอีสานด้วย
คนทั้งหลายได้เห็นสภาพประหนึ่งน้ำไหลหลากรวดเร็วรุนแรงจนชาวบ้านตั้งตัวแทบไม่ทัน ตื่นขึ้นมาก็น้ำท่วมถึงที่นอนแล้ว พอรุ่งขึ้นเช้าน้ำก็ท่วมถึงหลังคาแล้ว ใครหนีไม่ทันก็สูญหายตายจากกันไป ปรากฏว่ามีผู้เสียชีวิตเกือบ 200 ศพแล้ว และสูญหายไปเกือบ 50 คน ความเสียหายในทางทรัพย์สินสุดจะคณานับ
เป็นที่น่าวิปโยคยิ่ง ในท่ามกลางสถานการณ์เช่นนั้น ประชาชนได้ยินคำตอบจากฝ่ายรัฐบาลว่ายังสั่งการใดๆ ไม่ได้เพราะยังไม่ได้แถลงนโยบายครั้นแถลงนโยบายแล้วก็มีการพูดว่าขณะนี้น้ำกำลังท่วม ยังทำอะไรไม่ได้ ต้องรอให้น้ำลดก่อนจึงจะช่วยเหลือได้ ทำให้ความวิปโยคยิ่งแผ่ขยายกว้างและหนักหน่วงยิ่งขึ้น
เพราะไม่เพียงแต่วิปโยคจากภัยที่เกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด แต่ยังมีความวิปโยคในจิตใจที่ได้ยินคำแก้ตัวอย่างนั้น เป็นเหตุให้ชาวโซเชียลมีเดียทั้งหลายได้อัญเชิญคลิปสั้นที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 เคยพระราชทานกระแสพระราชดำรัสต่อข้าราชการชั้นผู้ใหญ่เมื่อครั้งเกิดเหตุน้ำท่วมใหญ่ในรัชสมัยของพระองค์ว่าต้องช่วยเดี๋ยวนี้ ต้องไปช่วยทันที ทำให้อาณาประชาราษฎรทั่วประเทศต้องหลั่งน้ำตา รำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณและน้ำพระทัยห่วงใยพสกนิกรที่ห่วงใยพสกนิกรที่ประดุจดังลูกหลานของพระองค์ท่าน
ในทางตรงกันข้าม ก็พากันรุมด่าสาปแช่งผู้มีอำนาจในบ้านเมืองกันอย่างกว้างขวาง
การระดมความช่วยเหลือไปยังพื้นที่ต่างๆ ชาวบ้านก็ได้เห็นแต่อาสาสมัครภาคประชาชน อาสาสมัครภาครัฐ โดยเฉพาะพวกโครงการจิตอาสาพระราชทานและพี่น้องข้าราชการฝ่ายทหาร ในขณะที่ข้าราชการในพื้นที่แทบจะไม่ปรากฏข่าวสารให้ได้เห็น
ภัยพิบัติครั้งนี้ต้องถือว่าร้ายแรงมาก และไม่ใช่ภัยพิบัติจากอุทกภัยอย่างเดียว แต่มีมหันตภัยที่แฝงมากับอุทกภัยครั้งนี้ด้วย และเป็นภัยชนิดใหม่ที่ก่อตัวชัดเจนขึ้นเป็นครั้งแรก นั่นคือโคลนที่มากับกระแสน้ำ
ตอนที่โคลนมากับกระแสน้ำก็สามารถซึมเข้าไปไหลรินเข้าไปยังทุกซอกทุกแห่งที่น้ำจะไหลไปได้ แต่ครั้นน้ำแห้งเหือดลง ปรากฏว่าพื้นที่ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว กลับเต็มไปด้วยโคลนเปียก ในห้องแถวของราษฎรจำนวนมากปรากฏว่ามีโคลนอยู่ถึงครึ่งห้อง รถราที่จอดอยู่นอกบ้านมีโคลนท่วมทับเกือบถึงหลังคารถ
ดังนั้นแม้น้ำจะลดลงไปแล้วในหลายพื้นที่ แต่ความวิบัติและหายนะยังไม่ได้ลดไปตามกระแสน้ำ กลับทิ้งปัญหาใหญ่หลวงไว้ยิ่งกว่าช่วงเวลาที่น้ำท่วมเสียอีก นั่นคือโคลนที่ยิ่งนานไปเท่าใดก็ยิ่งหมาดแห้งและแข็งตัวมากขึ้นเท่านั้น ถ้าหากรื้อถอนออกไปไม่ทัน จากโคลนก็จะเป็นดินแข็งที่จะต้องใช้รถแบ๊กโฮขุดดินออกไปจึงจะได้ และแม้ขุดเอามวลดินออกไปแล้ว การชำระล้างความเสียหายจากโคลนแห้งเหล่านั้นก็จะยังเป็นปัญหาใหญ่โตสืบไป
ดังนั้นภัยพิบัติครั้งนี้จึงต้องมองให้เห็นนอกไปจากน้ำท่วมและน้ำลดด้วย นั่นคือต้องมองให้เห็นโคลนอย่างถ่องแท้ในประการดังต่อไปนี้
ประการแรก ต้องมองให้เห็นว่าการที่น้ำท่วมครั้งนี้มีโคลนไหลมากับน้ำเต็มบ้านเต็มเมืองนั้นเป็นวิกฤตที่รุนแรง เพราะแสดงว่าดินในที่สูงหรือที่น้ำไหลผ่านมานั้นไม่มีสิ่งใดเกาะยึดไว้กับที่เหมือนแต่ก่อนอีกแล้ว ดังนั้นดินโคลนจึงไหลหลากตามมากับน้ำ จะทำให้พื้นที่เดิมเหลือแต่ดินปนกรวดหรือปนทรายที่เพาะปลูกอะไรไม่ขึ้นและไม่สามารถชะลอน้ำได้อีกต่อไป จะเป็นเหตุให้อุทกภัยในปีต่อๆ ไปหนักหน่วงรุนแรงมากยิ่งขึ้น
สภาพเช่นนี้เป็นเรื่องใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้น จะคิดอ่านป้องกันแก้ไขอย่างไรจะต้องรีบดำเนินการให้ลุล่วงไปภายใน 6 เดือน 9 เดือน เพราะถ้ารอถึงเทศกาลหน้าน้ำในปีหน้าความเสียหายก็จะซ้ำเติมหนักกว่าปีนี้อีกก็ได้
ประการที่สอง โคลนที่ไหลมากับน้ำ ครั้นน้ำพัดผ่านไปแล้ว โคลนนั้นก็ยังอยู่ เป็นโคลนเหลวโคลนเปียกสกปรกเลอะเทอะเปรอะเปื้อนไปหมด และเป็นอุปสรรคต่อการสัญจรไป-มาไม่ต่างกับน้ำท่วม จะขจัดปัดเป่าออกไปอย่างไรต้องรีบดำเนินการโดยเร่งด่วน เพราะยิ่งนานไปเท่าใดก็ยิ่งเสียหายหนักหนาสาหัสมากขึ้นเท่านั้น
ประการที่สาม เมื่อน้ำผ่านไปแล้วเหลือแต่โคลน เมื่อผ่านวันเวลาไปก็จะค่อยๆ แห้งหมาดและค่อยๆ แข็งตัว และยากต่อการที่จะเคลื่อนย้ายเอาออกไป ถ้าไม่มากนักก็อาจจะใช้จอบใช้เสียมขุดออกไปได้ แต่ถ้ามีปริมาณมากก็อาจต้องใช้รถแทรกเตอร์ที่มีเครื่องมือขุดลอก ซึ่งจะกระทบเกิดความเสียหายต่อสิ่งใกล้เคียง และต้องเสียหายต่อค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น
ดังนั้น ยิ่งปล่อยเวลาเนิ่นช้าไปนานเท่าใด ความเสียหายก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น เพราะจากโคลนเหลวเป็นโคลนแห้ง จากโคลนแห้งเป็นดินอ่อน จากดินอ่อนเป็นดินแข็ง ซึ่งเป็นปัญหามากขึ้นตามวันเวลาที่ผ่านไปการชะล้างโดยใช้รถฉีดน้ำโคลนออกไปจะต้องรีบดำเนินการ แม้กระนั้นก็ใช้ได้เพียงชั่วครู่ชั่วยาม เพราะถ้าเวลาผ่านไป 7 วัน 10 วันแล้ว เครื่องฉีดน้ำก็จะฉีดโคลนออกไปไม่ได้ ความเดือดร้อนเสียหายก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นและยืดเยื้อเรื้อรังมากขึ้น
สามประการนี้คือความเสียหายใหม่ที่เกิดขึ้นจากสภาพที่เรียกกันว่าน้ำท่วมในปีนี้ ซึ่งความจริงจะต้องเรียกใหม่ว่าโคลนท่วม ที่จะมีหายนะเพิ่มขึ้นกว่าอดีตหลายเท่า
แล้วจะทำกันอย่างไร?
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี