ปัญหาน้ำท่วมในภาคเหนือที่จังหวัดเชียงรายและเชียงใหม่ปีนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ..ท่วมแล้วท่วมอีก..แน่นอนว่าผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนคือประชาชน..ซึ่งแม้ว่าจะเดือดร้อนอย่างแสนสาหัสแค่ไหน..แต่สังคมไทยมีข้อดีที่ได้เห็นเป็นประจักษ์ทุกครั้ง..เมื่อเกิดภัยพิบัติหรือเหตุเภทภัยต่างๆ ..คือ“เราไม่ทิ้งกัน”
แล้วเราก็ผ่านมาได้ด้วยดีทุกครั้ง..ใครมีกำลังทรัพย์ก็ช่วยกำลังทรัพย์..ใครมีแรงก็ช่วยแรง..“น้ำเงิน-น้ำแรง-น้ำใจ”จึงท่วมท้น..และที่ต้องชื่นชมสดุดีเป็นพิเศษก็คือ กำลังพลทหาร และประชาชนผู้มีจิตอาสาทั้งหลาย..เป็นภาพประทับจำที่ไม่รู้ลืมของคนไทยทุกคน
สำคัญที่สุด ก็คือ..เรามี“สถาบันพระมหากษัตริย์”เป็นหลักสำคัญของชาติบ้านเมือง
ส่วนนักการเมือง หรือ สส.ที่ชอบอ้างว่าเป็นตัวแทนของปวงชนชาวไทย..อย่าได้หวังว่าจะเห็นหัวเมื่อชาวบ้านประสบภัยเดือดร้อน..เมื่อเลือกเข้าไปอยู่ในสภาฯได้แล้วก็เป็นอันว่าจบ..เพราะพิธีกรรมเลือกตั้ง จากการหย่อนบัตรลงคะแนนนั้น..หัวคะแนนในทุกหมู่บ้านมีส่วนสำคัญ..ดังนั้น เงินจึงเป็นปัจจัยหลักของประชาธิปไตยจอมปลอมที่นักการเมืองและพรรคการเมืองชอบอ้างกัน
น้ำท่วมที่จังหวัดภาคเหนือในปีนี้จึงแทบไม่เห็นหัว..คือไม่เห็น สส.เชียงราย และ สส.เชียงใหม่ ทั้งพรรคเพื่อไทยที่เป็นรัฐบาล และพรรคประชาชนที่เป็นฝ่ายค้าน..ไปเสนอหน้าในพื้นที่ประสบภัย..อันเป็นช่วงเวลาที่ชาวบ้านต้องการพึ่งพาจริงๆ..มิหนำซ้ำยังมี สส.บางคนใช้นิสัยเยี่ยงโจร..ฉวยโอกาสใช้ชื่อของตนเองแปะลงในของบริจาคที่ประชาชนผู้มีจิตศรัทธาบริจาคให้แก่ผู้ประสบภัย
ส่วนผู้นำรัฐบาลอย่าง“มาดามแพ”ก็ไปเพียงแค่สร้างภาพ..โดยมีรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่ร่วมคณะคอยสำนองรับ..ประเภท“ดีครับนาย-สบายครับคุณหนู”..ตัวคุณหนูนายกฯ ก็แสดงไปตามบท-“น้ำตาเล็ด”ขณะโอบกอดชาวบ้านผู้ประสบภัย..เวลาฟังการรายงานสถานการณ์ของเจ้าหน้าที่ก็ได้แต่พยักหน้าเงอะๆ งะๆ ทำทีเป็นสนใจ..ส่วนตาและใจลอยไปอีกทางหนึ่ง..จนถึงกับบางทีก็เผลอยกมือรับไหว้และโบกไม้โบกมือทักทายชาวบ้านที่อยู่ไกลออกไป..ระหว่างที่เจ้าหน้าที่กำลังรายงานอยู่ตรงหน้า
และถ้าจะว่าไปแล้ว..ประเทศไทยเวลานี้..มาตรฐานของคนที่จะขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี..ใครที่ไหนก็เป็นได้..โดยใช้เกณฑ์จาก“แพทองธาร ชินวัตร”เป็นตัวชี้วัด..คือ ไม่ต้องมีสติปัญญา, ไม่ต้องมีประสบการณ์, ไม่เคยแม้แต่ทำงานทำการอะไรมาก่อน..นอกจากมีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นและมีตำแหน่งสวมหัวโขนในบริษัทที่เป็น“กงสี”ของตระกูลชินวัตรเท่านั้น..และมีบิดาชื่อ“ทักษิณ ชินวัตร”..เพียงแค่นี้ก็เป็นนายกรัฐมนตรีได้
ขนาดว่าเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีได้เพียงแต่เดือนกว่าๆ..นิตยสาร“TIME”ซึ่งเป็นนิตยสารชื่อดังสัญชาติอเมริกัน..ที่หาความเชื่อถืออะไรไม่ได้ในยุคนี้..ยังจัดให้“มาดามแพ”นายกรัฐมนตรีที่มีวันนี้เพราะพ่อให้..เป็น “1 ใน 100-บุคคลผู้ทรงอิทธิพลแห่งอนาคต”ของโลก
จากข่าวที่มีการเผยแพร่เมื่อวันที่ 3 ตุลาคมวานนี้..รายงานว่า“นิตยสาร-TIME” ซึ่งจัดอันดับบุคคลผู้ทรงอิทธิพลแห่งอนาคตบนโลกใบนี้ทุกปี..โดยแยกเป็นหมวดหมู่ทั้งหมด 5 ประเภท...ได้จัดอันดับให้มาดามแพหรือ“คุณหนูอุ๊งอิ๊งค์”เป็น“บุคคลผู้ทรงอิทธิพลแห่งอนาคต”ในหมวดหมู่ผู้นำ..หรือที่เรียกว่า“Leaders”..ส่วนอีก 4 หมวดก็มี..ศิลปิน (Artists), ผู้สร้างปรากฏการณ์ (Phenoms), ผู้สร้างนวัตกรรม (Innovators) และผู้ให้การสนับสนุน (Advocates)
การจัดอันดับดังกล่าวของ“นิตยสาร-TIME”ที่มีชื่อของ“มาดามแพ”ติดเข้าไปด้วย..ไม่ได้ถือเป็นเรื่องน่ายินดีที่จะต้องตื่นเต้นตาม“คุณหนูอุ๊งอิ๊งค์”..หรือตื่นเต้นตาม สส.ของพรรคเพื่อไทย ที่คงจะนำเรื่องนี้ไปตีเกาะเคาะกะลาโฆษณาชวนเชื่อเพื่อยกหางชูก้น“ทูนหัวของบ่าว”กรอกหูประชาชนต่ออีกทอดหนึ่ง
เพราะก่อนหน้านี้ในปี 2562..นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ก็เคยได้รับการถูกจัดอันดับมาแล้ว..และในปี 2566 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ขนาดแค่เป็น“นายกฯว่าว”..นิตยสาร TIME ที่ถือว่าเป็นกระบอกเสียงของสหรัฐอเมริกา..ก็จัดอันดับให้เป็น“บุคคลผู้ทรงอิทธิพลแห่งอนาคต”มาแล้วเช่นกัน
หรือแม้แต่“อาปู-ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร”ของมาดามแพ..เมื่อครั้งเป็นนายกรัฐมนตรี“เอาอยู่”..ก็เคยถูกจัดอันดับเป็น“ผู้ทรงอิทธิพล”ของนิตยสารฟอร์บส์”มาแล้วสองปีซ้อน..โดยในปี 2554 นิตยสารฟอร์บส์สัญชาติอเมริกันเช่นเดียวกับ“TIME”..ได้จัดอันดับให้“ยิ่งลักษณ์” เป็น“1 ใน 100-สตรีทรงอิทธิพลของโลก” หรือ “The Most Powerful Women”..อยู่ในลำดับที่ 59 ของผู้หญิงทั้งโลก..และปี 2555 ได้เลื่อนอันดับขึ้นมาอยู่ลำดับที่ 31 ของโลก
อย่างไรก็ตาม “นิตยสาร-TIME”ให้เหตุผลประกอบการจัดอันดับให้แก่“มาดามแพ”นายกรัฐมนตรีของประเทศไทย วัย 38 ปี..ว่า-ได้สร้างประวัติศาสตร์เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2567 ก่อนวันเกิดของเธอไม่กี่วัน..ด้วยการเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ของประเทศไทย..และเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงที่อายุน้อยที่สุดที่เคยมีมาของทวีปเอเชีย
และอันที่จริงเบื้องหลังของเบื้องหลังในการจัดอันดับของ“นิตยสาร-TIME”ที่ว่ามานั้น..เป็นเพราะ“พ่อจัดให้”เหมือนกับที่จัดให้“มาดามแพ”เป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยหรือไม่-ก็สามารถคิดได้ทั้งนั้น..เพราะทุกอย่างคือการลงทุน..และทุกวันนี้ไม่ว่าสื่อต่างประเทศหรือสื่อในประเทศไทยส่วนใหญ่..ล้วนประกอบธุรกิจเพื่อมุ่งแสวงหากำไรเป็นด้านหลัก
พูดถึง“มาดามแพ”แล้ว..ถ้ายกมาเปรียบเทียบกันแบบปอนด์ต่อปอนด์..ต้องเทียบกับ “ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล” หรือ “ลิซ่า BlackPink” วัย 27 ปี, ที่เพิ่งชนะโหวตคว้ารางวัลศิลปินผู้ทรงอิทธิพลแห่งปี 2567 หรือ“Influencer of the year-2024”ของนิตยสาร “Influencer Magazine” เมื่อไม่กี่วันก่อน
“ลิซ่า”ซึ่งมียอดผู้ติดตามในอินสตาแกรม 104 ล้านบัญชี..สามารถเอาชนะ“เทย์เลอร์ สวิฟต์”ศิลปินตัวแม่ของโลก ที่มียอดผู้ติดตามในอินสตาแกรม 283 ล้านบัญชี..มาได้แบบฉิวเฉียด..ด้วยผลโหวต 38 เปอร์เซ็นต์ : 35 เปอร์เซ็นต์
เมื่อเทียบ“ลิซ่า” กับ “มาดามแพ”..ถือว่าต่างกันราวฟ้ากับเหว..เพราะ“ลิซ่า”ผู้ไม่เคยลืมความเป็นไทยของตน..เดินขึ้นสู่สุดยอดในอาชีพด้วยความ“มุ่งมั่น-ทุ่มเท-ฝึกฝน”อย่างเต็มกำลังความสามารถด้วยตัวของเธอเอง
ขณะที่“มาดามแพ” หากไม่ใช่เพราะเป็นลูกสาวของอดีตนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัต”..ก็อย่าหวังว่าจะมีวันนี้ได้ !
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี