สำนักข่าว CBS ของอเมริกา รายงานว่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงของอิสราเอล ปฏิเสธตอบคำถามที่ว่า “อเมริกันได้รับแจ้งล่วงหน้าเพียง 20 นาที ก่อนเปิดปฏิบัติการครั้งใหญ่ในเลบานอน” ปฏิบัติการรุกรบฮิซบอลเลาะห์ครั้งใหญ่ เริ่มด้วยเกิดเหตุเพจเจอร์และวิทยุสื่อสารวอล์กกี้ ทอล์กกี้ ของฮิซบอลเลาะห์หลายพันเครื่องเกิดระเบิดขึ้นต่อเนื่องในช่วงวันอังคารที่ 17 และวันพุธที่ 18 กันยายนที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตหลายสิบคนและบาดเจ็บกว่าสองพันคน
ขณะที่ ฮิซบอลเลาะห์และรัฐบาลเลบานอนวุ่นอยู่กับคนเจ็บคนตาย และสืบหาที่มาของปฏิบัติการร้ายใช้เครื่องมือสื่อสารสังหารเหยื่อ วันที่ 20 กันยายน เครื่องบินรบอิสราเอล 10 ลำถล่มกรุงเบรุต ด้วยจรวดและระเบิดนับร้อยลูก ยิงเข้าใส่อาคารแปดชั้น พังถล่มทลายมีคนตาย 45 ศพ Firas Abiad เจ้าหน้าที่สาธารณสุขเลบานอน ระบุว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 68 คน และ ยังสูญหาย 30 คน ซึ่งคาดว่า มีคนตายเพิ่มอีกหลายราย
กองทัพอิสราเอล แถลงว่า การโจมตีเมื่อวันศุกร์สามารถสังหาร อิบราฮิม อากิล ผู้บัญชาการหน่วยรบพิเศษ “รัดวาน”ของ กลุ่มฮิซบอลเลาะห์อากิล ถูกสังหารจากการโจมตีครั้งนี้ พร้อมกับ ผู้นำระดับบัญชาการฮิสบอลเลาะห์14 คน เป็นที่น่าสังเกตว่า อเมริกาแสดงอาการลิงโลดออกนอกหน้าที่อากิลถูกฆ่าตาย เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาความมั่นคงทำเนียบขาว กล่าวว่า“เยี่ยมมาก...ที่ฆ่าอากิลได้ มือเขาเปื้อนเลือดคนอเมริกัน การโจมตีสถานทูตสหรัฐปี 2526 หลายคนดูเหมือนว่านานมาแล้ว แต่สำหรับครอบครัวอเมริกันจำนวนมากยังฝังใจอยู่จนวันนี้”
สหรัฐตั้งรางวัล 7 ล้านดอลลาร์ เป็นค่าหัวอากิล โดยระบุว่า เขาเป็นสมาชิกหลักขององค์กร ที่อ้างว่าเป็นผู้ก่อเหตุระเบิดสถานทูตสหรัฐปี 2526 ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 63 ศพ
แหล่งข่าวในฮิซบอลเลาะห์ กล่าวว่า อิบราฮิม อากิล กำลังประชุมผู้บัญชาการรบต่างๆ ในนาทีที่อิสราเอลยิงถล่มทำให้ผู้บัญชาการรบตาย 14 ศพจึงมีคำถามว่า ที่อิสราเอลสามารถทำลายเป้าหมายสำคัญได้เป็น เพราะ “Mossad” ป้อนข้อมูลให้ หรือเกลือเป็นหนอนในประเทศเลบานอนและอิหร่าน มอสซาดหน่วยจารกรรมที่มีประสิทธิภาพก็จริง แต่หากไม่มีสายลับฝังตัวอยู่ในองค์กรของศัตรู กองทัพอิสราเอล จะรู้ได้อย่างไรว่าผู้นำระดับสูงของฮิซบอลเลาะห์กำลังประชุมอยู่อาคารไหน เวลาใด โดยเฉพาะกรณี อิบราฮิม อากิล หลายฝ่ายเชื่อว่า ซีไอเอต้องมีส่วนไม่ทางใดก็ทางหนึ่งอิสราเอลจึงทำลายเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ
หรือกรณี อิสมาเอล ฮานิเยห์ ผู้นำฮามาสที่ถูกลอบสังหารในอาคารที่พักในกรุงเตหะรานเมื่อปลายเดือนกรกฎาคม หากไม่มีสปายฝังตัวในองค์กรของศัตรู อิสราเอลจะรู้ได้อย่างไรว่า เหยื่อพำนักอยู่ห้องไหนถึงระเบิดทำลายได้อย่างแม่นยำ จะเห็นได้ว่า ในห้วงเวลาสามเดือนที่ผ่านมาอิสราเอลสามารถทำลายผู้นำระดับสูงของฮามาสในเลบานอน ซีเรียและอิหร่านได้กว่า 30 ราย เพราะมอสซาด ชี้เป้าให้แต่ยังมีข้อผู้สงสัยว่า ใครอยู่เบื้องหลังป้อนข้อมูลมอสซาด
และที่สร้างความกังวลปนสงสัยในกรณีที่ใช้เครื่องมือสื่อสารเป็นระเบิดสังหารคนโดยไม่เลือกเป้าหมาย สถานที่เวลาและสถานการณ์ ฤาเป้าหมายที่ทุกชีวิตมีสิทธิ์ตายหากอยู่ในรัศมีระเบิดทำลายของเพจเจอร์และวิทยุสื่อสารที่เชื่อว่าอิสราเอลแอบฝังระเบิดไว้ เพื่อทำลายเครือข่ายการสื่อสารและสังหารฮิซบอลเลาะห์ในเวลาเดียวกัน แต่การทำลายโดยไม่จำกัดเป้าหมายถือเป็นอันตรายใหญ่หลวงต่อมนุษยชาติ
จากประวัติความร้ายกาจชนิดกัดไม่ปล่อยของหน่วย Mossad พบว่าการฝังระเบิดในโทรศัพท์ทำลายเป้าหมายอิสราเอลเคยทำมาตั้งแต่เมื่อสี่ห้าสิบปีก่อน ด้วยความแค้นที่นักกีฬาอิสราเอล 11 คนถูกกลุ่มกันยายนทมิฬฆ่าตายในโอลิมปิก มิวนิค 1972 หลายปี หลังจากนั้น หน่วยมอสซาด ได้มุ่งเป้าติดตามผู้ต้องสงสัยที่เกี่ยวกับเหตุโจมตี ซึ่งรวมถึงนายมาห์มูด ฮัมชารี ผู้ที่ต่อมาถูกสังหารด้วยระเบิดที่ฝังอยู่ในโทรศัพท์ ซึ่งติดตั้งภายในอพาร์ตเมนต์ของเขาเองที่กรุงปารีส โดยแรงระเบิดทำให้เขาเสียขาข้างหนึ่งและเสียชีวิตจากอาการบาดเจ็บสาหัสในที่สุด และปฏิบัติการที่คล้ายกันในปี 2539 ยาห์ยา อัยยาช มือทำระเบิดคนสำคัญของกลุ่มฮามาส ถูกลอบสังหารด้วยการซุกวัตถุระเบิดราว 50 กรัม เข้าไปในโทรศัพท์มือถือรุ่นโมโตโรลาอัลฟาของเขา อัยยาชซึ่งเป็นขุนพลคนสำคัญในกองกำลังของกลุ่มฮามาส เป็นที่รู้จักกันดี
ว่ามีความเชี่ยวชาญในการประดิษฐ์และประกอบระเบิด รวมทั้งเป็นผู้บงการวางแผนอันซับซ้อน เพื่อโจมตีเป้าหมายที่เป็นฝ่ายอิสราเอลหลายครั้ง ทำให้เขาตกเป็นบุคคลที่ถูกหมายหัวและต้องการตัวมากที่สุดจากหน่วยงานด้านความมั่นคงของอิสราเอล
ปลายปี 2562 ทางการอิสราเอลยกเลิกคำสั่งห้ามเปิดเผยรายละเอียดบางส่วนของการลอบสังหารในครั้งนั้น ทำให้สถานีโทรทัศน์ช่อง 13 ของอิสราเอล นำเสียงสนทนาทางโทรศัพท์ที่ยาห์ยาชพูดคุยกับพ่อของเขาเป็นครั้งสุดท้ายมาออกอากาศ ซึ่งการลอบสังหาร ฮัมชารีและอัยยาช ถือเป็นหนึ่งในจุดเริ่มต้นของความเป็นมาอันยาวนาน ในการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงสังหารเป้าหมายอย่างเฉพาะเจาะจง
สำหรับการระเบิดเพจเจอร์และวิทยุสื่อสารในเลบานอนเมื่อวันที่ 17 และ 18 ก.ย.ที่ผ่านมายังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้ตามกฎหมายความมั่นคงของอิสราเอล ซึ่งต้องรออีกหลายสิบปี ดังนั้นวันนี้และอีกหลายสิบปีข้างหน้าประชาคมโลกต้องตกอยู่ในความวิตกกังวลต่อไป เพราะโทรศัพท์มือกลายเป็นปัจจัยที่ห้าของประชาคมโลกไปแล้วโดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทยคนอายุหกปีขึ้นไปประมาณ 64.5 ล้านคน มีโทรศัพท์ 97 ล้านเครื่อง โดยที่ผู้ครอบครองโทรศัพท์ไม่อาจรู้ได้ว่ามีเครื่องไหน มีระเบิดฝังอยู่ภายในที่อาจหลุดลอดจากก่อการร้ายมาบ้าง
จากประวัติที่เมื่อสี่ห้าสิบปีก่อนมอสซาดฝังระเบิดไว้ในเครื่องโทรศัพท์ตั้งโต๊ะซึ่งจำกัดพื้นที่และเป้าหมาย และ 26 ปี ต่อมามอสซาดใช้โทรศัพท์แบบดิจิทัลสังหาร อัยยาช คนสำคัญฮามาส แต่ทั้งสองกรณีในอดีตมอสซาดสังหารแบบจำกัดเป้าหมาย ส่วนเหตุการณ์ 17 และ 18 กันยายนที่ผ่านมา ที่หลายฝ่ายสงสัยว่ามอสซาดได้รับความร่วมมือหรือรู้เห็นเป็นใจจากซีไอเอหรือไม่? ในการใช้เครื่องสื่อสารสังหารศัตรูโดยไม่จำกัดเป้าหมายในเลบานอน ที่เป็นเหตุให้ผู้หญิง เด็กเล็กและพลเรือนทั่วไปตายถึง 29 ศพ ในขณะที่ฮิซบอลเลาะห์ ที่มอสซาดต้องการสังหารตายเพียง 8 ศพเท่านั้น นอกจากนั้น ผู้ได้รับบาดเจ็บเกือบ 3,000 คน ส่วนใหญ่เป็นพลเรือนและชาวบ้านทั่วไปจึงนับว่าเป็นอันตรายอย่างใหญ่ต่อมนุษยชาติ หากสิ่งที่มีหลายฝ่ายสงสัยว่า อิสราเอลกับอเมริกาสมคบกันในการใช้เครื่องมือสื่อสารสังหารศัตรูเป็นจริงตามข้อสงสัย
อย่างไรก็ตาม ข้อกล่าวหาว่า อิสราเอลใช้เครื่องมือสื่อสารสังหารมาจากเลบานอนและฮิซบอลเลาะห์เท่านั้น ซึ่งอเมริกาออกมาปฏิเสธแล้วว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ส่วนอิสราเอลปิดปากเงียบ ไม่พูดเรื่องนี้ ด้านไต้หวันและญี่ปุ่นผู้ผลิตเพจเจอร์และวอล์กกี้ ทอล์กกี้ก็ปฏิเสธพัลวันเช่นกันว่า ไม่ได้เป็นผู้ผลิตเครื่องสื่อสารที่สงสัยว่า ยัดระเบิดไว้ข้างใน
ฮิซบอลเลาะห์ ในประเทศเลบานอน ระบุว่า ได้สั่งซื้อเพจเจอร์และวอล์กกี้ ทอล์กกี้สองหมื่นเครื่องจากเครือข่ายที่ไม่เปิดเผยชื่อบริษัท โดยมีกำหนดส่งมอบสินค้าตั้งแต่ต้นปี 2567 เรื่อยมาบริษัทโกลด์ อพอลโลเจ้าของแบรนด์เพจเจอร์ บอกว่า ได้ให้สิทธิ์บริษัทในอังการีผลิตเพจเจอร์รุ่นที่มีปัญหา แต่ฮังการีปฏิเสธว่าไม่มีโรงงานผลิตเพจเจอร์ในประเทศฮังการี ด้านญี่ปุ่น เจ้าของแบรนด์ ICON ผู้ผลิตวอล์กกี้ ทอล์กกี้ รุ่นที่ปัญหาระบุว่า ได้เลิกผลิตมาสิบกว่าปีแล้ว
จึงสรุปว่าผู้ใช้สมาร์ทโฟนและเครื่องมือสื่อสารเทคโนโลยียุคใหม่ ต้องอยู่กับความหวาดระแวงต่อไปเพราะไม่อาจรู้ได้ว่าเครื่องมือสื่อสารที่ใช้อยู่นั้นสัมพันธ์กับคู่สงครามค่ายไหน ส่วนที่มีผู้ตั้งข้อสงสัยบริษัท โกลด์ อพอลโล อาจเป็นเพราะว่าไต้หวัน มีความสัมพันธ์แนบแน่นกับอเมริกา แล้วนำมาเชื่อมโยงต่อไปว่าอิสราเอลกับอเมริกาเหมือนพี่น้องร่วมท้องมารดา คลานตามหลังกันออกมา ดังนั้นจึงอดสงสัยไม่ได้ว่า มอสซาดของอิสราเอลทำอะไรต้องได้รับความร่วมมือจากซีไอเอของอเมริกาหรือไม่?
สุทิน วรรณบวร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี