นายวรชัย เหมะ อดีตสส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทยในฐานะอดีตแกนนำนปช. กล่าวถึงกรณีที่มีหลายกลุ่มเตรียมรวมตัวก่อม็อบทอดกฐินขับไล่รัฐบาล ว่า สถานการณ์ในประเทศขณะนี้ ประชาชนทุกคนต้องการรัฐบาลที่เข้มแข็ง รู้ปัญหา เพื่อทำงานแก้ปัญหาให้ประชาชน แต่มีคนกลุ่มหนึ่งที่มีอาชีพค้าความขัดแย้ง ต้องการสร้างเงื่อนไขให้ประชาชนเกลียดรัฐบาล ถือเป็นการทำลายประเทศชาติด้วยเหตุผลความแค้นส่วนตัวล้วนๆ เพราะขณะนี้รัฐบาลเพิ่งทำงานกำลังเดินหน้าไปได้ดีทั้งการเรียกความเชื่อมั่น แก้วิกฤตภัยธรรมชาติ ยังไม่มีเงื่อนไขอะไรให้ออกมาเคลื่อนไหว จึงถือเป็นความแค้นส่วนตัวล้วนๆ
โดยตนได้ข้อมูลมาว่า วันที่ 28 ก.ย. มีลุงแก่ๆคนหนึ่งใช้เครื่องบินของเจ้าสัวบินไปประเทศสิงคโปร์ กลับมาวันที่ 29 ก.ย. จากนั้นมี นาย พ ที่ใกล้ชิดลุงแก่ๆคนดังกล่าว ไปโผล่แถวพระอาทิตย์ รวมถึงไปเจอแกนนำม็อบ ทั้งที่เคยรวมตัวกันข้างทำเนียบ และที่มีฐานที่มั่นอยู่แถวถนนรามอินทรา ทำให้มีการรวมตัวเฉพาะกิจ จนเกิดการนัดหมายเขย่ารัฐบาลในช่วงนี้
สิ่งนี้จะสร้างความเสียหายแก่ประเทศชาติ เพราะนักลงทุนที่กำลังจะเดินหน้าเข้ามาลงทุนจะชะงักงันได้ ที่ผ่านมาประเทศเรามีคนได้ประโยชน์จากความขัดแย้งแค่ไม่กี่คน ตอนนี้พวกเขากำลังจะสร้างความขัดแย้งรอบใหม่ และอาจเป็นเงื่อนไขกวักมือรถถังอีกครั้ง
“ตนจึงขอให้ประชาชนทุกกลุ่มทั่วประเทศร่วมกันวิจารณ์การกระทำเช่นนี้และไม่ให้ความร่วมมือกับพวกพ่อค้าความขัดแย้งเหล่านี้ ” นายวรชัย กล่าว
1) ผมเห็นด้วยกับนายวรชัย ในประเด็นที่บอกว่า “ประชาชนทุกคนต้องการรัฐบาลที่เข้มแข็ง รู้ปัญหา เพื่อทำงานแก้ปัญหาให้ประชาชน” โดยหลักการแล้ว โคตรใช่ แต่ในความเป็นจริงนั้น ต้องพูดกันแบบ “ไม่เลียนาย”ว่าจริงไหม
2) รัฐบาลปัจจุบัน ภายใต้การนำของ นางสาวแพทองธารชินวัตร หรือ “อุ๊งอิ๊งค์” เป็น “รัฐบาลที่เข้มแข็ง” ไหม “รู้ปัญหา” ไหม เริ่มดูที่ “สติปัญญาของผู้นำ” กันก่อนเลยครับ พอดี “อุ๊งอิ๊งค์” ไม่ใช่นายผม และผมไม่ได้หวังประโยชน์อะไรจากอุ๊งอิ๊งค์ ผมจึงไม่ต้องสอพลอ ไม่ต้องเลียจึงพูดได้ตรงๆ ว่า อุ๊งอิ๊งค์ขาดทั้งสติปัญญา สันดาน และประสบการณ์ ที่จะเป็น “ผู้นำที่เข้มแข็ง” ที่จะสร้างรัฐบาลที่เข้มแข็ง เป็นได้แค่ “นักแสดงท่านหนึ่ง” ที่เล่นไปพี่เลี้ยงต้องคอยถลาถลันเข้าบอกบท หรือไม่ก็ต้องพูดแทน เขียนบทให้ก็ไม่ท่อง ไม่ทำความเข้าใจ ขี้คร้านสันหลังยาว ต้องถือบทไปอ่านอยู่บ่อยๆ แม้กระทั่งลงพื้นที่ตรวจน้ำท่วมยังต้องอ่านบทขณะให้สัมภาษณ์ ตอนหลังจึงใช้วิธีเลี่ยงการตอบคำถามผู้สื่อข่าว และยก “มินิฮาร์ท” ให้แทน ยังไม่นับอาการที่ “เล่นเป็นเด็ก” อยู่บ่อยๆ ไม่รู้จักกาลเทศะ ไม่สำนึกสำเหนียกในบทบาทของการเป็นนายกรัฐมนตรีคนรอบตัว ผู้อาวุโสต่างพรรค ต่างก้มหัวให้เพราะตำแหน่งนายกฯ และ “ดีล” ที่คุยกันเบื้องหลังใช่ไหม ไม่ใช่เพราะ “ภาวะผู้นำ” หรือเพราะ “สติปัญญาของผู้นำ” จาก“อุ๊งอิ๊งค์” หรอก
3) รัฐบาลขณะนี้เป็นการรวมกันเฉพาะกิจเพราะ “สมประโยชน์” พรรคเพื่อไทยได้ประโยชน์ที่ได้กลับมามีอำนาจ ควบคุมองคาพยพแห่งอำนาจและงบประมาณแผ่นดิน เอื้อต่อการใช้ทรัพยากรของชาติสร้างคะแนนนิยมให้ตน หลังหลุดไปจากพื้นที่แห่งอำนาจและทรัพยากรมานาน ไม่นับรวมประโยชน์ตอบแทนต่างๆ ทั้งทางตรงและทางอ้อม ทางลับและทางเปิดเผยที่ นายทักษิณชินวัตร ที่สังคมเชื่อกันว่าคือ “เจ้าของพรรค” ได้รับดังนั้น แม้ต้องข้ามขั้ว ข้ามอุดมการณ์ ข้ามท่าทีเดิมๆ มาจัดตั้งรัฐบาลที่มีพรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคภูมิใจไทย(ที่ก่อนหน้าที่มียุทธการไล่หนู ตีงูเห่า อย่างเอิกเกริก) และพรรคประชาธิปัตย์ ร่วมด้วย ก็ไม่เห็นเป็นอะไร เพราะพรรคเพื่อไทยและครอบครัวชินวัตร “คุ้ม”
4) จึงขอบอกกับนายวรชัยว่า ถ้าไม่ได้มีเจตนาจะพูดเพื่อเลียคุณหนูอุ๊งอิ๊งค์หาคะแนนนิยม หาความเป็นคนโปรด เราก็มาพูดเรื่องจริงกันเถอะว่า คุณหนูอุ๊งอิ๊งค์ของเธอ
“ยังต้องพัฒนา” อีกมาก กว่าจะเป็นผู้นำที่เข้มแข็ง กว่าจะสร้าง “รัฐบาลที่แข็งแรง” เป็นหลักให้แก่ประเทศชาติและประชาชนได้
5) ดูจากสถานการณ์อุทกภัยในภาคเหนือก็ได้สิ่งที่ช่วยให้ประชาชน “รอดพ้นภัย” มาได้ และทุเลาความเดือดร้อนได้ คือ สถาบัน กองทัพ และภาคประชาชนด้วยกัน จริงมั้ย นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลอยู่ในสภาพ“ห่วยแตก” ไม่เป็นที่พึ่งที่หวังใดๆ ได้ ทั้งการเตือนภัย การเข้าช่วยในสถานการณ์เฉพาะหน้า เก่งแค่ “เอาเงินแก้ปัญหา” คือ มาตรการเยียวยาตามกฎหมายหลังน้ำท่วม ซึ่งเอาวัวเอาควายที่ไหนมาเป็นนายกฯ ก็สั่งได้ เรื่องนี้ มันมีกฎหมายเป็นบรรทัดฐานอยู่แล้ว
6) เหมือนแก้ปัญหาเศรษฐกิจด้วยการแจกเงิน 10,000 บาท ก็เป็นแค่มายากลทางเศรษฐกิจ ที่ไม่นำไปสู่การผลิต หรือผลิตผลใหม่ๆ ไม่ยกระดับทักษะการทำมาหากินของประชาชน เป็นแค่เปิดท่อให้เงินไหลเข้าไปในตลาด ผ่านการยืมมือกลุ่มเปราะบางเป็นคนเอาเงินไปใช้ให้หน่อยเท่านั้นเอง ถามว่า มีประโยชน์ไหม ก็มี อย่างน้อยก็ช่วย “บรรเทาทุกข์” ให้ประชาชนกลุ่มดังกล่าว และมีเงินไหลเข้าไปในระบบเศรษฐกิจ เป็น “ฝนตกตอนหน้าแล้ง” ในตลาดนั่นเอง แต่มันไม่ได้ใช้ “สติปัญญา” และการ “รู้ปัญหา”อย่างที่วรชัยว่าเลยนี่ครับ นี่ก็รอดู “พายุหมุนทางเศรษฐกิจ” อยู่ แต่ตอนนี้ ไม่ได้สัมผัสแม้กระทั่ง “ลมตด”
7) ขณะที่คำหวานอีกท่อนหนึ่งของนายวรชัย คือ “เพื่อทำงานแก้ปัญหาให้ประชาชน” ก็เห็นจ้องแต่จะแก้กฎหมาย แก้รัฐธรรมนูญ หรือออกกฎหมายนิรโทษกรรมกันนี่ครับ รัฐธรรมนูญเอย จริยธรรมเอย นิรโทษกรรมเอย คือ ปัญหาของประชาชนตรงไหนก่อน?
8) เรื่องกาสิโน เรื่องเอนเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ก็เหมือนกัน คือ การออกกฎหมายเอื้อให้นายทุน ซึ่งก็ปนๆ อยู่ในพรรคหรือเกี่ยวข้องกับพรรคอยู่ใช่ไหม ที่อยากได้กฎหมายนี้ เพื่อเอาเงินเทาเงินเถื่อนมาลงทุน ฟอกเงินให้สะอาด ปัดเศษเงินให้รัฐในรูป “ภาษี” และเขี่ยเศษของเศษเงินมาเป็น “การจ้างงาน” ประชาชนคนไทย แต่เวลาจะเอากฎหมายนี้ เพื่อเปิดกิจการนี้ เอาประชาชนขึ้นก่อนว่า จะได้เพิ่มการจ้างงาน เอาเศรษฐกิจขึ้นอ้างว่า รัฐจะได้มีรายได้เพิ่ม นำมาแก้ไขปัญหาให้ประชาชน นำมาพัฒนาประเทศ ถามว่า มีประเทศไหนที่มีกาสิโนหรือเอนเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์แล้ว ชีวิตประชาชนดีวันดีคืนขึ้นมาบ้าง มีเศษเงินเท่าไหร่ ที่ไหลมาถึงประชาชน เปลี่ยนชีวิตประชาชนไปในทางที่ดีขึ้น ยกระดับคุณภาพชีวิตและคุณภาพสังคมให้ดีขึ้น
9) นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผย มีข่าวว่า อาจมี“กลุ่มทุนยักษ์ไทยดูไบ” สนใจเรื่องกาสิโน และเรื่องกองทุนวายุภักษ์
กรณีกาสิโน :- นายธีระชัยนำข่าวจากสื่อมวลชนมาถ่ายทอด เกี่ยวกับบริษัท VGI ซึ่งราคาหุ้นพุ่งขึ้นหวือหวาโดยนสพ. “ข่าวหุ้น” ระบุสาเหตุเนื่องจาก มีข่าวว่าเป็นรายหนึ่งที่จะยื่นขอใบอนุญาตกาสิโน
สื่อรายงานว่า บริษัท VGI เดิมมีนายคีรี กาญจนพาสน์ ถือหุ้นอยู่ 60% บัดนี้ยอมลดลงเหลือ 30% เพราะขายหุ้น 45% ให้แก่นักลงทุนใหม่ 4 ราย รายหนึ่งชื่อกองทุน Opus Chartered Issuance ซึ่งนสพ.“ข่าวหุ้น”เรียกเป็น “กลุ่มทุนยักษ์ไทยดูไบ” ทั้งนี้ ข้อมูลจากกูเกิลพบว่า Opus Chartered Issuance เป็นบริษัทโบรกเกอร์จดทะเบียนจัดตั้งในประเทศลักเซมเบิร์กในยุโรป ให้บริการเป็นหน้าฉากเพื่อปิดบังชื่อของผู้ถือหุ้นแท้จริง มีที่อยู่ติดต่อได้ในเมือง Umm Al Quwain ซึ่งอยู่ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ใกล้กับดูไบ ประชาชนจึงควรติดตามว่า โครงสร้างการถือหุ้นแบบนี้ ตั้งสมญานามเป็น ไอ้โม่งดูไบ ได้หรือไม่?และเข้ามาลงทุนเพื่อวัตถุประสงค์ใด?
สื่อรายงานอีกว่า ส่วนนักลงทุนใหม่ในบริษัทVGI อีก 2 รายคือ CAI Optimum Fund VCC และASEAN Bounty นั้น นสพ. “ข่าวหุ้น” พบว่ามีความเชื่อมโยงไปที่ บล.ฟินันซ่า ซึ่งเป็นที่ปรึกษาให้แก่กองทุนวายุภักษ์ด้วย
กรณีกองทุนวายุภักษ์ :- นายธีระชัยนำข่าวจากสื่อมวลชนมาถ่ายทอดเหตุการณ์เมื่อวันที่ 24 ก.ย. 2567 กองทุน Opus เข้ามาซื้อหุ้นใน บลจ. MFC 24.96% ซึ่งทำให้เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่สุด (ธนาคารออมสิน 24.94% และกระทรวงการคลัง 15.92%) ทั้งนี้ เนื่องจาก บลจ. MFC เป็นหนึ่งในสองผู้บริหารกองทุนวายุภักษ์ ประชาชนจึงควรติดตามว่า อาจมีไอ้โม่งเบื้องหลัง ที่ต้องการควบคุมการบริหารกองทุน ใช่หรือไม่?
นายธีระชัยอธิบายว่ากองทุนวายุภักษ์เป็นเป้าหมายที่ล่อใจ เพราะเงินที่เพิ่งระดมจากเอกชน 1.5 แสนล้านบาทนั้น กระทรวงการคลังได้ขยายขอบเขตให้ลงทุนได้แบบ
ซูเปอร์เสี่ยง ได้ทั้งในและนอกประเทศไทย ทั้งหุ้นและตราสารหนี้ ทั้งในและนอกตลาดหลักทรัพย์
“ผมตั้งคำถาม ทำไมรัฐมนตรีคลังอนุมัติให้เสนอขายกองทุนวายุภักษ์อย่างไม่โปร่งใส ผิดวิสัยกองทุนขายประชาชนทั่วไป เพราะไม่ระบุเป้าหมายประเภทธุรกิจที่จะลงทุน แบบนี้ผู้จองซื้อจะไม่สามารถวิเคราะห์อนาคตได้เลยเพียงแค่จูงใจด้วยการประกันผลตอบแทนขั้นตํ่า และคุ้มครองเงินต้น ..ผมจึงขอเตือนรัฐมนตรีคลัง ท่านมีหน้าที่ต้องป้องกันมิให้โครงการซึ่งเป็นของรัฐบาลไทยตกไปเป็นเครื่องมือในการสมคบกันหาประโยชน์ส่วนตนให้แก่กลุ่มพรรคพวก” นายธีระชัยยํ้า
พร้อมทั้งเปิดเผยด้วยว่า ตนเองได้ร้องเรียนขอให้ป.ป.ช. ตรวจสอบว่า อาจมีการปฏิบัติไม่สอดคล้องกฎหมายอาญา มาตรา 147, มาตรา 152, มาตรา 157 และมาตรา 358 หรือไม่ เพราะการเอาเงินแผ่นดิน 3.5 แสนล้านบาท ไปประกันผลตอบแทนและคุ้มครองเงินต้นให้แก่ผู้ลงทุนเอกชนนั้น อาจเป็นการมิชอบ
10) นายวีรชัยบอกว่า “วันที่ 28 ก.ย. มีลุงแก่ๆ คนหนึ่งใช้เครื่องบินของเจ้าสัวบินไปประเทศสิงคโปร์ กลับมาวันที่ 29 ก.ย. จากนั้นมี นาย พ ที่ใกล้ชิดลุงแก่ๆ คนดังกล่าว ไปโผล่แถวพระอาทิตย์ รวมถึงไปเจอแกนนำม็อบ ทั้งที่เคยรวมตัวกันข้างทำเนียบ และที่มีฐานที่มั่นอยู่แถวถนนรามอินทรา ทำให้มีการรวมตัวเฉพาะกิจ จนเกิดการนัดหมายเขย่ารัฐบาลในช่วงนี้” ก็เป็นแค่เทคนิค“ย้ายเป้า” หรือย้ายความสนใจของสื่อไปที่เรื่องนี้แทน เหมือนโยนอาหารชิ้นใหม่ให้หมางับ มันจะได้ทิ้งเรื่องเก่า
11) งั้นผมขอโยนบ้างก็แล้วกัน คือ ฝากคุณวรชัยตรวจสอบให้หน่อยว่า มีข่าวว่าพรรคเพื่อไทยหรือใครก็ไม่รู้ล่ะส่งอดีตสื่อมวลชนที่มาทำงานกับพรรคเพื่อไทยนานแล้ว ชื่อ วิม รุ่งวัฒนะจินดา ไปเจรจากับสื่อ นัดกินข้าวกินปลากันแถวๆ บางนาและถนนพระอาทิตย์จริงหรือไม่ ผมได้แต่ฟังมาแล้วก็ไม่เชื่อ เพราะในอดีตก็เคยทำงานอยู่หนังสือพิมพ์ฉบับเดียวกันกับคุณวิมแก ก็รู้นิสัยใจคอ รู้พฤติกรรมกันอยู่ และไม่เชื่อหรอกว่า พรรคเพื่อไทยจะส่งเขามาเกี้ยเซี้ยกับสื่อ หรือแทรกแซงแทรกซื้อสื่อ เพราะคุณทักษิณ ชินวัตร แกไม่เคยทำอะไรแบบนี้ แล้วรุ่นลูกสาวแกเป็นนายกฯ แกจะทำได้เหรอ ไม่มั้ง!!
12) นายวรชัยดูจะกังวลกับม็อบ ถึงกับ “ตีปลาหน้าไซ”ว่า “สิ่งนี้จะสร้างความเสียหายแก่ประเทศชาติ เพราะนักลงทุนที่กำลังจะเดินหน้าเข้ามาลงทุนจะชะงักงันได้”อันนี้คนไทยก็ต้องเชื่อวรชัยเขานะ เขาเคย “ทำลายการประชุมสุดยอดผู้นำมาอาเซียน” ที่พัทยามาก่อน ผู้นำหลายประเทศต้องหนีหัวซุกหัวซุน ประเทศไทยขายหน้า เสียชื่อเสียง พูดง่ายๆ ว่า เคยสร้างความฉิบหายมาแล้ว โดยเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2562 ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์และศาลชั้นต้น สั่งจำคุก นายวรชัย เหมะ จำเลยที่ 13 เป็นเวลา 4 ปี ปรับ 200 บาท
13) อยากจะบอกกับนายวรชัยว่า ถ้ารัฐบาลดี ซื่อสัตย์สุจริต เป็นที่พึ่งที่หวังของประชาชนได้ ใครจะโค่นยังไงก็ไม่ล้ม ปลุกม็อบยังไงคนก็ไม่มา ตอนนี้ให้ระวังแต่เพียงว่า
• อุ๊งอิ๊งค์แถลงนโยบายโดยไม่ระบุแหล่งที่มาของเงินซึ่งเป็นการกระทำผิดรัฐธรรมนูญ อันนี้จะเป็นเหตุให้รัฐบาลล่มไหม
• อุ๊งอิ๊งค์กับการถือหุ้นสนามกอล์ฟอัลไพน์ ซึ่งเป็นที่ธรณีสงฆ์ อันนี้จะรอดไหม
• การคิดแต่จะแก้รัฐธรรมนูญ แก้เรื่องจริยธรรม และเรื่องนิรโทษกรรม พรรคร่วมรัฐบาลเขาจะเอาด้วยไหม
• อุ๊งอิ๊งค์ซึ่งพูดผิดๆ ถูกๆ จะแย่งตำแหน่ง “อีโง่” ในกูเกิล จากคุณอา ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไหม
• ทักษิณ จะกบดานเงียบ ไม่ออกมาทำให้ลูกสาวดูโง่ดูกระจอก ได้อีกนานแค่ไหน และจะถูกพิสูจน์ว่าครอบงำ แทรกแซงพรรคเพื่อไทยจนต้องยุบพรรคเลยหรือเปล่า
ก่อนอื่น ไปตามตัว สส.ระบบบัญชีรายชื่อ ที่ชื่อ พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี มาขึ้นศาลคดีตากใบให้ทันหมดอายุความก่อน
ความรับผิดชอบต่อเรื่องเหล่านี้ต่างหาก ที่จะช่วยให้รัฐบาลเข้มแข็ง โปร่งใส
ชนิดที่ใครก็ล้มไม่ลง!!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี