แนวหน้า มั่นคง ตรงไป ตรงมา...nn ในการจะทำสิ่งไรก็ตาม ประการแรกจำเป็นต้องรักษาแรงผลักดันในการทำงาน ที่เคยมีอยู่นั้นไว้ให้มั่นคงเสมอ เพื่อเป็นเครื่องกระตุ้นเตือน แล้วจึงนำเอาความละเอียดรอบคอบ ความระมัดระวัง กับทั้งเหตุผลอันถูกแท้ที่เกิดมีขึ้นภายหลังมาประกอบเข้าด้วย เพื่อช่วยให้สามารถตัดสินการกระทำทั้งปวงได้อย่างถูกต้องเที่ยงตรง และว่องไว ก็จะทำให้การกระทำทุกอย่างได้ผลสมบูรณ์เต็มเปี่ยม... (ความตอนหนึ่งจากพระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย15 กรกฎาคม 2520)...
nn ปีนี้เป็นปีที่ประเทศไทยประสบปัญหาเรื่องน้ำในรูปแบบต่างๆ ทั้งน้ำแล้ง โดยประสบปัญหานี้เกือบทั้งประเทศโดยเฉพาะในช่วงต้นปีแล้วก็เกิดปัญหาน้ำท่วมหนักในหลายจังหวัด เช่น ภูเก็ต ในช่วงตั้งแต่กลางปี จนมาถึงบัดนี้เป็นเวลาเกือบหนึ่งเดือนแล้วที่หลายจังหวัดในภาคเหนือต้องประสบปัญหาน้ำท่วมหนักมาก เช่นที่ แม่สาย เชียงราย พะเยา น่าน และล่าสุดที่เชียงใหม่...
nnปัญหาน้ำท่วมใหญ่ในครั้งนี้ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์ว่าเพราะฟ้าดินลงโทษที่ประเทศไทยมีนายกรัฐมนตรีชื่อ แพทองธาร ชินวัตร แต่ ธรรมกร ไม่ได้เชื่อเช่นนั้น แต่ก็ตั้งข้อสังเกตว่าทำไมเมื่อคนตระกูลชินวัตร เช่น ยิ่งลักษณ์ และแพทองธาร ได้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และพบว่าประเทศไทยเกิดภัยพิบัติแสนสาหัส ต้องบอกว่าเรื่องนี้น่าคิด แต่ก็ไม่ได้ปักใจเชื่อว่าเพราะประเทศไทยมีผู้หญิงนามสกุลชินวัตรเป็นนายกรัฐมนตรี แม้เหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่จะเกิดขึ้นในยุคที่แพทองธาร กับยิ่งลักษณ์รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีก็ตาม...
nn ต้องยอมรับว่าเมืองไทยมีปัญหาเรื่องน้ำมาโดยตลอด เช่นปัญหาน้ำแล้ง ปัญหาน้ำท่วม สลับกันไปกันมาตลอดทุกปี เรื่องซ้ำซากจำเจเช่นนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้น หากรัฐบาลมีแผนการจัดการเรื่องน้ำที่มีประสิทธิภาพ มีเขื่อนที่เพียงพอ มีป่าเขาที่สมบูรณ์ และมีการระบายน้ำได้รวดเร็ว ขอย้ำว่าปัญหาน้ำท่วมเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ แต่ปัญหานี้จะไม่รุนแรงสาหัส หากมีแผนการการรองรับและบริหารจัดการน้ำที่มีประสิทธิภาพ แต่ก็ต้องบอกตรงๆ ว่ารัฐบาลไทยทุกชุดไม่ได้วางแผนบริหารจัดการน้ำให้ดี เพราะฉะนั้น หากฝนตกหนักๆ แบบที่กำลังสร้างปัญหาใหญ่ให้กับหลายพื้นที่ในเขตภาคเหนือ ก็จะต้องเกิดปัญหาอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลไหนก็ตาม เพราะทุกรัฐบาลไม่มีความสามารถบริหารจัดการน้ำได้อย่างดี โดยทุกรัฐบาลต่างก็แก้ปัญหาแบบตำข้าวสารกรอกหม้อด้วยกันทั้งนั้น เวลาเกิดน้ำแล้งก็เอาน้ำไปแจก เวลาเกิดน้ำท่วมก็เอาของไปแจก แต่ไม่มีแผนบริหารจัดการน้ำที่มีประสิทธิภาพออกมา แม้จะอ้างว่ามีแผน แต่ก็ต้องถามว่า แล้วทำตามแผนได้หรือไม่ รัฐบาลไทยออกแผนมากมายเกินจะจดจำได้ แต่ไม่ปรากฏว่าทำตามแผนอย่างชัดเจนจริงจัง...
nn คนเชียงใหม่จำนวนไม่น้อยบ่นว่าด่าประจานตรงกันว่า ปีนี้น้ำท่วมเชียงใหม่หนักหนาสาหัสมาก โดยเฉพาะในตัวเมืองประสบปัญหาหนักหนาสาหัสจนเกินจะบรรยาย แต่ที่เศร้าใจมากคือ ช้าง ม้า วัว ควาย หมา แมว หมู แพะ แกะ และสารพัดสัตว์ต้องประสบชะตากรรมที่แสนน่าสังเวช เราได้พบแล้วว่าน้ำท่วมเชียงใหม่ครั้งนี้ทำให้ช้างล้ม (ตาย) ไปแล้วสองเชือก ส่วนสรรพสัตว์ทั้งหลายนั้นยังไม่มีตัวเลขชัดเจนว่าล้มหายตายไปเพราะกระแสน้ำเป็นจำนวนมากมายมหาศาลเท่าไร อย่าลืมว่าเอาแค่เพียงหมาแมวจรจัดที่เกลื่อนเมือง ก็มีจำนวนที่นับไม่ถ้วนแล้ว คำถามคือน้ำท่วมหนักแบบนี้ น้ำมาเร็ว และแรงแบบที่เห็นในข่าว หมาแมวจรจัด จะรอดชีวิตได้อย่างไร หากมองอีกมุมหนึ่งก็อาจจะบอกได้ว่า มันเป็นการปรับสมดุลโดยธรรมชาติ แต่การปรับสมดุลแบบนี้มันสร้างความสะเทือนใจอย่างบอกไม่ถูก...
nn มีคนจำนวนหนึ่งบอกว่าหากฟ้าดินจะลงโทษนักการเมือง ก็ขอให้ลงโทษโดยตรงไปที่ตัวนักการเมือง อย่าลงโทษแล้วที่ทำให้คนอื่นๆ และเหล่าสรรพสัตว์ต้องเดือดร้อนแสนสาหัส ย้ำว่าฟ้าดินต้องลงโทษไปที่ตัวนักการเมืองเลวๆ โดยตรง หากฟ้าดินจะอ้างว่าก็ต้องลงโทษคนที่เลือกนักการเมืองเลว ก็ต้องถามฟ้าดินกลับว่า แล้วสรรพสัตว์จำพวกสัตว์เลี้ยงที่เป็นสัตว์เดรัจฉานเกี่ยวข้องอะไรด้วย เขาเหล่านั้นไม่ได้ไปลงคะแนนเลือกนักการเมืองเลวๆ แล้วทำไมพวกเขาต้องเดือดร้อนฟ้าดินต้องตอบเรื่องนี้ให้ชัดด้วย...
nn คนกรุงเทพ และคนที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพถามกันเสียงขรมว่า ปีนี้น้ำจะท่วมกรุงเทพเหมือนปี 2554 หรือไม่ เพราะเห็นว่าเชียงใหม่มีปัญหาน้ำท่วมหนักมากกว่าปี 2554 เรื่องนี้มีคำตอบที่ไม่ค่อยชัดเจนจากรัฐบาลว่า กรุงเทพไม่มีปัญหาน้ำท่วมหนักเหมือนปี 2554 แต่เมื่อผู้คนถามกลับไปยังรัฐบาลว่า ก็ในเมื่อน้ำท่วมเชียงใหม่หนักกว่าปี 2554 แล้วน้ำจะไปไหน น้ำปิงก็จะต้องไหลลงแม่น้ำเจ้าพระยา แล้วเจ้าพระยาก็ไหลไปลงทะเลที่ปากอ่าวไทย ซึ่งต้องผ่านกรุงเทพ ถามว่าน้ำเหนือจากเชียงใหม่ และจากน่าน จำนวนมากมายมหาศาลต้องไหลลงเจ้าพระยา แบบนี้กรุงเทพจะรอดน้ำท่วมหรือ...
nn ธรรมกร ขอบอกว่าคนจำนวนไม่น้อยในประเทศนี้ไม่เชื่อมั่นคำพูดของรัฐบาล และคนกรุงเทพก็ไม่เชื่อเช่นกัน ดังนั้น เท่าที่ ธรรมกร ทราบก็คือคนกรุงเทพจำนวนหนึ่งขนข้าวของ รถราพาหนะขึ้นที่สูงกันแล้ว บางคนบอกว่าเน้นปลอดภัยไว้ก่อน เพราะไม่เชื่อรัฐบาล แต่หากน้ำไม่ท่วมก็ถือเสียว่าได้ออกกำลังกายย้ายข้าวของแล้วจัดบ้านใหม่ แต่หากน้ำท่วมก็ไม่เสียของ เพราะข้าวของไม่พังพินาศเพราะถูกน้ำท่วม...
nn ภาพประจานคนไทย และประจานแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ก้มหน้าอ่านข้อความบนจอ computer notebook ในการประชุม ACD (Asia Cooperation Dialogue) ครั้งที่ 3 ที่กรุงโดฮา แถมยังก้มหน้าอ่านจอ computer notebook ระหว่างการหารือทวิภาคีกับประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน มัสอูดเปเซชกียาน (Masoud Pezeshkian) โดยตะบี้ตะบันอ่านโดยไม่ได้สนใจว่าคนฟังรู้เรื่องหรือไม่ แล้วก็ยังไม่คิดอีกว่าคนฟังที่เป็นคู่สนทนาเขาจะสมเพชเวทนาสักเพียงใดที่คู่เจรจาเอาแต่ก้มหน้าอ่าน notebook...
nn ต้องบอกตรงๆ ว่าการเจรจากับคู่สนทนาโดยก้มหน้าอ่าน อ่าน และอ่าน โดยไม่สบตา และไม่มีปฏิสัมพันธ์ใดๆ ในเชิง eyes contact มันคือการแสดงความไม่เคารพ ไม่จริงใจ และไม่ฉลาดให้คู่เจรจาได้เห็นอย่างชัดเจน ถามว่าทำไม มาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ที่นั่งร่วมการเจรจาไม่บอกแพทองธารว่าพฤติกรรมดังกล่าวนั้นมันเป็นเรื่องไม่เหมาะสมจนเข้าข่ายต่ำทรามในเชิงมารยาทการทูต เรื่องนี้หากจะพูดตรงๆ แล้ว แพทองธารก็ผิดที่ด้อยความสามารถในการเจรจาความเมือง แต่คนที่น่าจะผิดยิ่งกว่าแพทองธารคือมาริษ เพราะเป็นคนเก่าคนแก่ของกระทรวงการต่างประเทศ และเคยเป็นทูตมาก่อนอีกด้วย ดังนั้น มาริษจึงต้องรู้มารยาทและขนบประเพณี รวมถึงธรรมเนียมปฏิบัติด้านมารยาททางการทูต การที่มาริษปล่อยให้แพทองธารแสดงมารยาททางการทูตแบบต่ำทรามเช่นนี้ จึงถือเป็นความผิดของรัฐมนตรีต่างประเทศ มาริษต้องบอกแพทองธารว่าอะไรทำได้ หรือทำไม่ได้ในการเจรจาความเมือง ต้องบอกหลักการวางตัว การแต่งเนื้อแต่งตัว และที่สำคัญคือการเจรจา มาริษต้องรู้อยู่แล้วว่าแพทองธารมีความรู้ด้านการทูตน้อยมากจนเรียกได้ว่าไม่มีเลยก็ว่าได้ แต่ทำไมมาริษปล่อยให้แพทองธารสร้างความอับอายขายหน้าให้ประเทศไทย หรือว่ามาริษเป็นนักการทูตที่ต้องก้มหน้าดู notebook ตลอดเวลาขณะที่เจรจาความเมืองแบบทวีภาคี...
nn ธรรมกรได้คุยกับนักธุรกิจระดับประเทศสองสามราย ถามว่าเสียเงินซื้อตั๋วไปฟังแพทองธารพูดบนเวทีหนึ่ง ที่สื่อฯ ยี่ห้อหนึ่งจะจัดขึ้นในเร็วๆ นี้หรือไม่ อาเสี่ย เจ้าสัวที่คุยด้วยบอกว่า มันอึดอัดใจมากนะที่ต้องไปฟังคนไม่รู้เรื่องพูด แต่เพื่อความอยู่รอดทางเศรษฐกิจ ก็ต้องซื้อตั๋วไปฟัง แม้จะรู้ดีว่าไม่ได้ประโยชน์ใดๆ จากการฟังคนไม่รู้เรื่องพูด แต่ที่ต้องไปเพราะว่ามีเป้าหมายอื่นทางธุรกิจมากกว่า โดยเฉพาะการได้ไปพบปะกับนักธุรกิจกลุ่มอื่นๆ และไปเพื่อรักษาสัมพันธไมตรีกับสื่อฯ ที่จัดงาน เพราะยังต้องอาศัยสื่อฯ ในการโฆษณาประชาสัมพันธ์ กิจการของบริษัท ธรรมกร จึงแหย่กลับไปว่า ระหว่างที่ฟังแพทองธารพูดบนเวทีจะต้องเสียบ ear plugs หรือไม่เจ้าสัวที่คุยด้วยบอกว่า แหม! ถามตรงๆ แบบนี้ ก็ตอบตรงๆ เลยก็แล้วกัน เตรียมไว้แล้ว และเตรียมไปฝากเพื่อนๆ ที่สนิทสนมด้วย..nn
ธรรมกร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี