“น้ำท่วมโลก”คำนี้ไม่เกินความเป็นจริง และไม่ใช่เป็นไปไม่ได้ แต่เป็นเรื่องจริงที่พลเมืองโลกกำลังประสบกันอยู่ในเวลานี้
บ้านเราเวลานี้ที่จังหวัดเชียงใหม่ กับจังหวัดเชียงราย หนักหนาสาหัส..และประจวบกับช่วงนับจากนี้ไปจะเป็น“ไฮซีซั่น”ที่นักท่องเที่ยวทั้งไทยและเทศต้องขึ้นไปเที่ยวในสองจังหวัดนี้..เป็นช่วงทำมาค้าขึ้นของผู้ประกอบการในทุกภาคส่วนที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว..เงินจะสะพัดหมุนเวียน
เชียงใหม่หนักมาตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว..จนล่าสุดเมื่อวันที่ 6 ตุลาคมวานนี้ก็ยังวิกฤต..สถานการณ์น้ำท่วมได้ขยายวงกว้างออกไปทุกทิศทุกทาง..ตั้งแต่เขตเทศบาลนครเชียงใหม่ไปจนถึงพื้นที่ท้ายน้ำหลายอำเภอ..และบางส่วนของจังหวัดลำพูนด้วย
สถานการณ์น้ำท่วมที่จังหวัดเชียงใหม่คราวนี้ ถือได้ว่า เป็นมหาอุทกภัยใหญ่ของชาวเชียงใหม่ในรอบเกือบ 100 ปี..เพราะระดับน้ำในแม่น้ำปิงมีระดับสูงสุดถึง 5.30 เมตร..เป็นสถิติสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์เท่าที่เคยมีการบันทึกไว้
ทั้งนี้ จากปริมาณน้ำที่เอ่อท่วมขยายวงกว้างอย่างต่อเนื่อง..จากที่ท่วมในตัวเมืองจังหวัดเชียงใหม่..ก็ได้แผ่บริเวณออกไปไกลกว่า 2.5 กิโลเมตร..ซึ่งโซนที่เข้าท่วม คือ ถนนเจริญเมืองตลอดทั้งสาย..ตั้งแต่สะพานนวรัฐไปจนถึงถนนซูเปอร์ไฮเวย์“เชียงใหม่-ลำปาง”..และยังอ่อท่วมถนนบางจุดของแยกหนองประทีป รถเล็กไม่สามารถสัญจรได้..รวมทั้งถนนแก้วนวรัฐ ตลอดทั้งสาย โดยขยายวงกว้างไปถึงถนนวงแหวนรอบที่ 2 และถนนวงแหวนรอบที่ 3 จุดที่ใกล้ริมแม่น้ำปิง
ทำให้ละแวกถนนช้างคลาน และตลาดไนท์บาซาร์ จมน้ำกว่า 1 เมตร และน้ำค่อนข้างไหลเชี่ยว ต้องเร่งอพยพนักท่องเที่ยวบางส่วนให้ไปอยู่ในที่ปลอดภัย..ขณะที่โรงแรมหลายแห่งในย่านนี้ก็ยังคงเปิดให้บริการ เพราะมีลูกค้าพักอาศัยอยู่..ส่วนร้านค้าและร้านอาหารส่วนใหญ่ก็ต้องปิดให้บริการเช่นกัน
บริเวณสถานีขนส่งอาเขต จังหวัดเชียงใหม่ ที่เป็นหัวใจสำคัญของการเดินทาง..มีปัญหาน้ำท่วมสูง..ทำให้นักท่องเที่ยวและผู้โดยสารที่เดินทางมาจากจังหวัดต่างๆ..รวมทั้งการเดินทางระหว่างอำเภอและระหว่างจังหวัด..ประสบปัญหาเดือดร้อนไปตามๆ กัน..จะเดินทางไปไหนมาไหนลำบาก
ส่วนพื้นที่การเดินทางถนนหลายสายในเขตเมืองถูกปิด..แม้แต่ถนนเส้นสำคัญคือถนนมหิดล..ที่เป็นเส้นทางสายหลักเข้าสู่ท่าอากาศยานเชียงใหม่ และตัวเมืองเชียงใหม่..และอีกจุดหนึ่ง บริเวณย่านชุมชนหนองหอย เขตเทศบาลนครเชียงใหม่ โดยจุดนี้ทางรถไฟก็ถูกน้ำท่วมด้วย..จนต้องปิดเส้นทางรถไฟ..เพราะกระแสน้ำไหลเชี่ยว
เรียกว่าน้ำท่วมจังหวัดเชียงใหม่คราวนี้..วิกฤตหนักกว่าน้ำท่วมใหญ่ในเดือนสิงหาคมปี 2548 สมัยรัฐบาลพรรคไทยรักไทยที่มีอดีตนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี
ย้อนภาพกลับไปดูน้ำท่วมใหญ่ที่จังหวัดเชียงใหม่ในปีนั้น..ได้ส่งผลให้บ้านเรือนและพื้นที่เศรษฐกิจในจังหวัดเชียงใหม่ต้องจมอยู่ใต้น้ำ..ภาคธุรกิจการค้า รวมทั้งการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่หยุดชะงัก..จากการประเมินความเสียหายทางเศรษฐกิจในครั้งนั้น..มีมูลค่าสูงกว่า 1 พันล้านบาท
ในครั้งนั้นช่วงเช้าของวันที่ 15 สิงหาคม 2548 ก็คล้ายกับเหตุการณ์ครั้งนี้..น้ำจากแม่น้ำปิงได้ไหลทะลักเข้าท่วมหลายพื้นที่..โดยระดับน้ำสูงกว่า 1 เมตร..อาทิ ย่านเศรษฐกิจสำคัญในตัวเมือง..ทั้งถนนช้างคลาน ที่มีไนท์บาซาร์-แหล่งท่องเที่ยวยามค่ำคืน, ถนนเชียงใหม่-ลำพูน (สายเก่า) ถนนต้นยาง และถนนซูเปอร์ไฮเวย์ “เชียงใหม่-ลำปาง”..รถยนต์สัญจรผ่านไปมาไม่ได้..อีกทั้งสถานการศึกษาหลายแห่งบริเวณถนนเจริญประเทศและถนนช้างคลาน ก็ต้องประกาศปิดการเรียนการสอนชั่วคราว
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะครั้งนั้นในอดีต..หรือในปัจจุบันนี้..ปัญหาที่เกิดขึ้นล้วนเป็นเพราะน้ำมือมนุษย์..จากการตัดไม้ทำลายป่า จนกลายเป็นเขาหัวโล้น..ซึ่งในยามที่ฝนตกหนักติดต่อกัน..ไม่มีต้นไม้ใหญ่เหลือพอที่จะป้องกันหรือช่วยชะลอน้ำได้..ทำให้ปริมาณน้ำสะสมที่มีต้นทางจากอำเภอเชียงดาวและอำเภอพร้าวไหลลงแม่น้ำปิงอย่างรวดเร็ว..โดยที่แม่น้ำปิงไม่สามารถรองรับปริมาณน้ำที่มีมากได้..สุดท้ายก็ต้องเอ่อท้นออกมา
เมื่อคราวน้ำท่วมเชียงใหม่ในปี 2548..ตัวนายกรัฐมนตรี คืออดีตนักโทษชายทักษิณ ชินวัตร ผู้เป็นบิดาของ“มาดามแพ-แพทองธาร ชินวัตร”นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน..ได้บินด่วนจากกรุงเทพฯไปจังหวัดเชียงใหม่ทันทีทันควัน..เพื่อดูสถานการณ์และเตรียมการรับมือ..เพราะนอกจากจะเป็นบ้านเกิดของตนเองแล้ว..พื้นที่นี้ก็ยังเป็นพื้นที่ยึดครองของ สส.พรรคไทยรักไทย..จะพูดว่าเป็นเมืองหลวงของพรรคไทยรักไทยและของทักษิณก็ไม่ผิดนัก
แต่ใน พ.ศ.นี้รัฐบาลพรรคเพื่อไทย ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีที่ชื่อ“แพทองธาร ชินวัตร” หรือ“คุณหนูอุ๊งอิ๊งค์”..ใช้วิธีแก้วิกฤตน้ำท่วมที่จังหวัดเชียงใหม่ด้วยการโพสต์ข้อความลง“IG-ingshin21” และเฟซบุ๊ก“Ing Shinawatra Forever” เมื่อวันที่ 5 ตุลาคมที่ผ่านมาว่า..“ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมเชียงใหม่ด้วยความเป็นห่วง..และได้รับรายงานอย่างต่อเนื่องนะคะ..เบื้องต้นได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง..เร่งเข้าช่วยเหลือพี่น้องประชาชนและสัตว์โดยด่วน”
และเกี่ยวกับปัญหาน้ำท่วมที่อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ส่งผลให้ปางช้างหลายแห่งได้รับผลกระทบ..นอกจากจะมีช้างเสียชีวิต 2 เชือกแล้ว..ยังมีอีกจำนวนหนึ่งสูญหายจากกระแสน้ำที่พัดพาไป..ซึ่งมาดามแพได้โพสต์ข้อความว่า..“13.00 น. (วันเสาร์ที่ 5 ตุลาคม) ดิฉันได้รับแจ้งว่า..ขณะนี้น้ำกลับลงลำน้ำแม่แตงแล้ว..ก่อนหน้านี้มีการลำเลียงช้างขึ้นที่สูง..แต่เมื่อระดับน้ำเริ่มลดแล้ว..ไม่มีช้างที่แช่น้ำ..จึงปรับแผนไม่ต้องเคลื่อนย้ายสัตว์ และได้จัดเตรียมยา..รวมถึงให้เจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ดูแลอย่างใกล้ชิด”
อีกหนึ่งข้อความจาก“มาดามแพ”นายกรัฐมนตรีของไทยที่นิตยสารไทม์ของสหรัฐอเมริกา..ได้จัดอันดับให้เป็น “1 ใน 100-บุคคลผู้ทรงอิทธิพลแห่งอนาคต”ปี 2567...“หลังจากนี้เจ้าหน้าที่ได้จัดกำลังเข้าไปฟื้นฟูบ้านเรือนที่ได้รับผลกระทบ เพื่อให้ทุกคนกลับมาอยู่ในภาวะปกติโดยเร็ว..และให้ทุกหน่วยงาน..เฝ้าจับตาสถานการณ์ต่อเนื่อง..โดยเฉพาะใน 24 ชั่วโมงข้างหน้านี้..สำหรับพี่น้องชาวเชียงใหม่ที่ต้องการความช่วยเหลือ ติดต่อที่นี่นะคะ : 1567”
ผู้นำแห่งอนาคตเขาบริหารประเทศกันแบบนี้ครับท่านผู้ชม..แต่ก็ยังมีข่าวดีสำหรับคนเชียงใหม่..เนื่องจากน้ำทางตอนเหนือเลยระดับสูงสุดไปแล้ว..ขณะที่ปริมาณฝนก็ลดลง..ทำให้มีแนวโน้มว่า..ระดับน้ำจะค่อยๆ ลดลงอย่างต่อเนื่อง..อันจะส่งผลให้น้ำในแม่น้ำปิงทรงตัว..และเริ่มลดลงตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม คือวันนี้เป็นต้นไป..และอย่างเร็วก็วันที่ 9 ตุลาคมนี้..ระดับน้ำจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
เชื่อว่าวันสองวันนี้เมื่อสถานการณ์คลี่คลาย..คงได้เห็น“มาดามแพ” ไปยืนน้ำตาเล็ดด้วยความสงสารพี่น้องชาวเชียงใหม่ที่ประสบภัยน้ำท่วมในครั้งนี้เป็นแน่แท้..เพราะบทบาทนี้เธอแสดงได้เก่งสมกับเป็นหลาน“อาปู-ยิ่งลักษณ์”ทีเดียวเชียว !
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี