“มาดามแพ-แพทองธาร ชินวัตร” ถ้าหากเป็นลูกสาวชาวบ้านทั่วไป ต้องถือว่าเป็นเด็กน่าสงสาร ที่น่าสงสารก็เพราะยังไม่ประสีประสาอะไรก็ถูกคนเป็นพ่อจับมาใช้งานเสียแล้ว
คนเป็นพ่อก็อำมหิตผิดมนุษย์ เมื่อหมดหนทางที่จะหาใครมาใช้งาน ก็หันไปคว้าลูกสาวในไส้ของตนที่ยังไม่พร้อมด้วยประการทั้งปวงมาแทน ส่วนลูกสาวก็นึกว่าพ่อของตนรักใคร่เอ็นดู อยากให้ได้ดิบได้ดี จะทำงานได้หรือไม่ได้ หาใช่เป็นเรื่องสำคัญ เพราะอย่างไรก็ยังมีพ่ออยู่ข้างหลัง และมีข้าทาสบริวารของพ่อคอยสนองงานรับใช้
“มาดามาแพ”ในทุกวันนี้จึงเปรียบเหมือน“มะม่วงบ่มแก๊ส” ไม่ได้สุกงอมตามธรรมชาติ ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศนี้ได้ก็เพราะ“พ่อจัดให้” ผ่านโลกมาน้อย, ขาดความรู้ความสามารถ, อ่อนด้อยประสบการณ์ และคิดอะไรเองหรือทำอะไรเองไม่เป็น ซึ่งไม่ต่างจากคุณหนูลูกสาวของคนมีเงิน ประเภทคาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด ขนาดว่าแม้แต่ชื่อยังต้อง“แพทองธาร”เพื่อประกาศให้โลกรู้ว่าอยู่ในมหาสุวรรณสมุทร
ในความเป็นคุณหนูลูกคนรวยประเภท“มะม่วงบ่มแก๊ส”นั้น มักจะมีนิสัยที่เอาแต่ใจตนเอง ไม่ยอมใคร ไม่ฟังเสียงใคร ใครว่าอะไรไม่ได้ ต้องย้อนกลับ หรือไม่ก็เถียงคอเป็นเอ็น คนประเภทนี้สังคมไทยให้คำนิยามว่าเป็นพวก“แม่ค้าปากตลาด” ถ้าใช้“จินตนาการ”เหมือนที่นายภูมิธรรม เวชยชัย ชอบเบรกนักข่าวและโต้คนที่เห็นต่างว่า“อย่าใช้จินตนาการ” ก็จะเห็นภาพแม่ค้ายืนเท้าเอวอยู่กลางตลาด ชนิดที่ไม่ยอมใครหน้าไหนทั้งสิ้น
สำหรับ“มาดามแพ”เวลานี้เธอยังแยกไม่ออกระหว่างความเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ของประเทศไทย กับความเป็นลูกสาวของอดีตนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร และคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ หรือความเป็นภรรยาของสามีและเป็นมารดาของบุตรสาวบุตรชายสองคนที่อยู่ในโลกของครอบครัว“ตระกูลชินวัตร”
“คุณหนูอุ๊งอิ๊งค์” หรือ“มาดามแพ”คงลืมไปว่า ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้น นอกจากจะเป็นผู้นำสูงสุดในฝ่ายบริหารของประเทศนี้แล้ว ก็ยังเป็นบุคคลสาธารณะ หรือภาษาอังกฤษเรียกว่า“Public Figures”
ในนิยามของ“บุคคลสาธารณะ” ซึ่งประกอบไปด้วย อาทิ นักการเมือง, ศิลปิน, ดารา, นักร้อง, นักแสดง หรือนักกีฬา ซึ่งเป็นบุคคลผู้มีชื่อเสียง และอยู่ในความสนใจหรืออยู่ในสายตาของสาธารณชนทั่วไป นั้น จัดว่าเป็นกลุ่มบุคคลที่ยืนอยู่กลางแจ้งหรือยืนอยู่บนเวทีที่มีไฟสปอตไลท์ฉายส่อง
ดังนั้นแน่นอนว่า ทุกความเคลื่อนไหวย่อมต้องอยู่ในสายตาของประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะอยู่ในสายตาของสื่อที่เป็นตัวกลางในการเสนอข่าว จะเรียกว่าเป็นกระจกคอยสะท้อนภาพก็ได้เช่นกัน
เมื่อเป็นเช่นนั้น คนที่เป็นบุคคลสาธารณะจะต้องระมัดระวัง ไม่ว่าจะพูด-จะทำ หรือแม้แต่การแต่งเนื้อแต่งตัว-เสื้อผ้าหน้าผมก็ไม่คลาดสายตาของคนที่จับจ้องมองดูอยู่ ว่าเหมาะสม-ถูกกาลเทศะหรือไม่
“มาดามแพ”ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศนี้ได้ หรือแม้แต่เป็นหัวพรรคเพื่อไทย คนไทยทั่วไปรู้อยู่เต็มอกว่า ถ้าหากเธอไม่ใช่ลูกสาวของ“ทักษิณ ชินวัตร” เพียงแค่ความรู้ความสามารถและประสบการณ์ที่เธอมีชีวิตมาจนถึงวัย 38 ปี ไม่มีทางที่จะก้าวขึ้นมาถึงจุดสูงสุดนี้ได้ โดยเฉพาะการเป็นนายกรัฐมนตรี
ถ้า“คุณหนูอุ๊งอิ๊งค์”ไม่ใช่ลูกสาวของอดีตนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร ที่เป็นทั้งเจ้าของพรรคเพื่อไทยตัวจริง และเป็นผู้ทรงอำนาจเหนือรัฐธรรมนูญเหนือกฎหมายของบ้านเมืองในระบบการเมืองที่พิกลพิการอยู่ในเวลานี้ ต่อให้ตายแล้วกลับมาเกิดใหม่ ไม่ว่าจะกี่ชาติต่อกี่ชาติก็เป็นนายกรัฐมนตรีไม่ได้
การที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการใช้ไอแพด กับบทบาทความเป็นนายกรัฐมนตรีในเวทีโลก จากการประชุมสุดยอดผู้นำ ACD ที่กรุงโดฮา รัฐกาตาร์ เมื่อวันที่ 3 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยในที่ประชุมใหญ่ที่เธอเปิดไอแพดอ่านนั้น ไม่มีใครเขาติดใจอะไร ซึ่งก็เป็นไปตามที่เธอชี้แจงใน“Ing Shinawatra Forever”เมื่อวันเสาร์ที่ 5 ตุลาคม 2567 หลังกลับจากรับกาตาร์ ว่า
“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำค่ะ รบกวน ดูข่าว+ข้อมูลเยอะๆ นะคะ เวลาประชุมแบบนี้ ทั่วโลกเค้าอ่านกันค่ะ มันเป็น commitment เป็นสิ่งที่ต้องบันทึกค่า อ่านกันทุกคน ตั้งแต่ sheikh ถึง minister เลยค่ะ ลองหาข้อมูลเพิ่มดูเนาะ ถ้าเป็น bilateral ส่วนใหญ่จะจดหัวข้อไป แล้วก็พูดคุยกันแบบไม่ต้องอ่าน จะเกิดการสร้าง connection ที่ดีค่ะ เปิดใจกว้างๆ ลองให้โอกาสตัวเอง ลดอคติลง จะมีความสุขขึ้นค่ะ”
แต่ที่คนไทยและในสังคมออนไลน์เขาติดใจและวิพากษ์วิจารณ์กันนั้น เป็นเพราะเห็นภาพข่าวที่“มาดามแพ”ประชุมหารือแบบทวิภาคี หรือ“bilateral” กับ นายมัสอูด เปเซชกียาน (Masoud Pezeshkian) ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน ซึ่งเธอก้มหน้าก้มตาอ่านไอแพด โดยไม่เงยหน้าขึ้นมามองคู่สนทนาแม้แต่วินาทีเดียว ถึงขนาดประธานาธิบดีอิหร่านยังต้องใช้นิ้วจิ้มไปที่ขมับของตนระหว่างฟัง“มาดามแพ”ท่องบทตามโพย เป็นภาพขัดแย้งกับที่“มาดามแพ”ออกตัวว่า “ถ้าเป็น bilateral ส่วนใหญ่จะจดหัวข้อไป แล้วก็พูดคุยกันแบบไม่ต้องอ่าน จะเกิดการสร้าง connection ที่ดีค่ะ”
และเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมวานนี้ “มาดามแพ”ก็ได้ชี้แจงเรื่องนี้กับสื่ออีกครั้ง ซึ่งก็ยังใช้ท่าทีเดิม จะว่าเถียงคอเป็นเอ็นแบบไม่ยอมลดลราวาศอก เหมือนหางเสียงด้อยค่าคนที่เขียนโพสต์ลงใน IG และเฟซบุ๊กก็ไม่ผิดนัก ซึ่งเธอเองนั่นแหละจะต้องจำคำของตนให้ขึ้นใจว่า...“เปิดใจกว้างๆ ลองให้โอกาสตัวเอง ลดอคติลง จะมีความสุขขึ้น”
ตราบใดที่“คุณหนูอุ๊งอิ๊ง”ซึ่งเป็นบุคคลสาธารณะ ยังไม่ยอมเปิดใจให้กว้าง หรือลดอคติของตนลง มันก็จะมีแต่กระแสลบพอกพูนขึ้นเป็นทวี และยิ่งจะต้องชอกช้ำเสียใจหนักยิ่งขึ้นไปอีก-เพราะเป็นนายกรัฐมนตรีคุณหนูที่ไม่ผ่านโปร!
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี