These are our hypersonic systems, catch them if you can สื่ออิหร่านนำท่อนฮุกเพลงในภาพยนตร์เรื่อง Catch me if you can“จับให้ได้ ถ้านายแน่จริง” ของ สตีเวนสปีลเบิร์ก มาเยาะเย้ยท้าทายอิสราเอล หลังจากขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิกอิหร่านถล่มฐานทัพอากาศอิสราเอลได้ 5 แห่ง
ในขณะที่อิสราเอลปิดบังความเสียหาย และ คุยโม้ว่า ไอรอนโดม (Iron Dom) สามารถขัดขวางทำลายขีปนาวุธอิหร่านส่วนใหญ่ได้แต่สื่อหลักรัสเซีย รวบรวมภาพหลายๆ มุมผลจากที่อิหร่าน โจมตีด้วยขีปนาวุธ Hypersonic รุ่น Fattah, ขีปนาวุธร่อน, ครั้งใหญ่ราว200 ชุด ต่อเป้าหมายฐานทัพอากาศ 3 แห่ง และโครงสร้างทางทหาร 2 แห่งในอิสราเอล โดยมีเครื่องบินรบ F-35 และ F-15 ถูกทำลายพังไปกว่า 20 ลำ
สื่ออิหร่านรายงานว่า การโจมตีของอิหร่านด้วยฝูงโดรนขนาดใหญ่ใกล้กรุง Tel Aviv ระบบป้องกันภัยทางอากาศไม่สามารถสกัดกั้นได้ อิหร่านสามารถโจมตีตำแหน่งในอิสราเอลจุดไหนก็ได้ หากอิหร่านมีเจตนาใช้อาวุธนิวเคลียร์ อิหร่านสามารถโจมตีได้อย่างง่ายดาย แต่เตหะรานผู้มีวุฒิภาวะประกาศว่า การแก้แค้นของอิหร่านจบแล้ว และเตือนอิสราเอลว่าอย่าคิดตอบโต้เพราะจะพบกับผลลัพธ์ที่เลวร้ายอย่างคาดไม่ถึง “พวกคุณถล่มทำลายเป้าหมายพลเรือน เราถล่มทำลายฐานทัพที่มีระบบป้องกันที่ดีที่สุดได้”
ในเวลาเดียวกันสื่อเลบานอนรายงานว่าวันที่ 2 ตุลาคม ฮิซบอลเลาะห์ ซุ่มโจมตีผู้รุกรานทางใต้เลบานอนทำให้ทหารอิสราเอลตายอย่างน้อย 19 นาย และได้รับบาดเจ็บกว่า 60 คนสื่อเลบานอนเผยแพร่คลิปวีดีโอที่เฮลิคอปเตอร์อิสราเอลรับคนบาดเจ็บออกจากสมรภูมิรบที่พวกเขารุกรานเที่ยวแล้วเที่ยวเล่า
นักวิเคราะห์สงคราม ระบุว่า อิหร่านใช้ขีปนาวุธรุ่นใหม่ฟัตตาห์-1 (Fattah-1) ในการโจมตี ซึ่งเป็นขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง หรือ “ไฮเปอร์โซนิก” โดยมีความเร็วกว่าเสียง 5 เท่า หรือ ประมาณ 6,100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ขีปนาวุธวิถีโค้งเกือบทั้งหมดมีความเร็วเหนือเสียงระหว่างการบิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขณะที่กำลังตกลงสู่เป้าหมาย คำว่า “ไฮเปอร์โซนิก” มักใช้กับอาวุธที่เรียกว่า hypersonic glide vehicles และ hypersonic cruise missiles ซึ่งเป็นอาวุธขั้นสูงที่สามารถเคลื่อนที่ด้วยความเร็วไฮเปอร์โซนิกภายในชั้นบรรยากาศของโลก ทำให้อาวุธเหล่านี้ยากต่อการยิงสกัด
คิม อีเวอเซน นักสังเกตการณ์สงครามในตะวันออกกลาง กล่าวว่า “น่าเกลียดมากที่คิดว่าอิสราเอลซึ่งมีประชากรเก้าล้านคน และ มีขนาดเท่ากับรัฐนิวเจอร์ซีย์ สามารถต่อกรกับอิหร่านที่มีประชากร 90 ล้านคนและพัฒนาอาวุธไม่เคยหยุดหย่อน อิสราเอลรู้ว่า พวกเขาสู้อิสราเอลไม่ได้ อิสราเอลต้องการให้อเมริกันทำสงครามกับอิหร่านแทนพวกเขา และรู้ว่าทำได้เพราะอิสราเอลแทรกซึมเข้าไปในทุกภาคส่วนของรัฐบาลวอชิงตัน และ เครื่องมือโฆษณาชวนเชื่อของรัฐบาลอเมริกัน อีเวอเซน กล่าวด้วยว่า เมื่อตระหนักถึงศักยภาพทำสงครามของอิหร่าน ทำให้อเมริกันคิดหนัก ซึ่งตรงกับความคิดเห็นนักข่าวสงครามในเทลอาวีฟ ที่กล่าวกับแนวหน้าว่า “อเมริกันช่วยอิสราเอลได้ดีที่สุดคือการขจัดเนทันยาฮูผู้ทำลายประเทศชาติและปิดบังความเสียหายจากการขยายวงสงคราม”
ด้าน นิโคลัส ฟูเอนเตส นักข่าวชาวอเมริกันกล่าวว่า นี่ไม่ใช่ “การโจมตีของอิหร่าน” แต่นี่คือการตอบโต้ของชาวอิหร่านต่อการโจมตีทางไซเบอร์ของอิสราเอล และ การลอบสังหารผู้นำฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน ซีเรีย และอิหร่านซึ่งไม่มีการตอบสนองมานานหลายเดือน “อิสราเอลคือผู้รุกรานชัดเจน และอิหร่านก็มีสิทธิที่จะปกป้องตัว..”
นักข่าวอเมริกัน กล่าวด้วยว่า จากความก้าวร้าว ดื้อรั้นของ เนทันยาฮู ผู้มั่นใจในความช่วยเหลือจากอเมริกัน อิสราเอลจึงรุกรานสังหารมุสลิมในกาซา เลบานอน และซีเรีย เมื่อถูกอิหร่านตอบโต้รุนแรงจนสถานการณ์บานปลายที่กำลังกลายเป็นสงครามครั้งใหญ่ ประเทศซาอุดีอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ บาห์เรน และประเทศคูเวตจึงประกาศเป็นกลางระหว่างสงครามอิสราเอล-อิหร่าน “นั่นหมายความว่าสหรัฐฯไม่สามารถใช้สนามบินในประเทศเหล่านั้นทำสงครามกับอิหร่านได้”เขากล่าว
ที่เลวร้ายกว่านั้นรัสเซีย ประกาศเคียงบ่าเคียงไหล่อิหร่านในการทำสงครามกับอิสราเอล เพียงหนึ่งวัน หลังจากเครื่องบินรบอิสราเอลยิงจรวดทิ้งระเบิดถล่มฐานทัพอากาศรัสเซียในกรุงดามัสกัส สื่อหลักของรัสเซียรายงานว่า มอสโกส่งเครื่องบินไปรับชาวรัสเซียออกจากประเทศซีเรีย 134 คน เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม และในเวลาเดียวกัน ประธานาธิบดี วลาดีมีร์ ปูติน ออกคำสั่งให้ชาวรัสเซีย 1.5 ล้านคน ออกจากอิสราเอลทันทีที่ยังมีเวลา
สื่อในกรุงดามัสกัสรายงานว่าเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม เครื่องบินรบรัสเซียได้มาประจำการในประเทศซีเรียแล้ว และเชื่อว่าเครื่องบินรบรัสเซียฝูงต่อไปอาจไปประจำการในกรุงเตหะรานและแบกแดด สื่อในประเทศซีเรียรายงานด้วยว่า สัญญาณพร้อมทำสงครามอีกอย่าง คือ เวลานี้รัสเซียได้ติดตั้งระบบป้องกันภัยและตอบโต้ทางอากาศ S400ให้อิหร่าน เพื่อดัดแปลงกรุงเตหะรานให้เป็นปราการป้องกันภัยทางอากาศ นอกจากนั้น Iran Observer รายงานว่า จีน รัสเซีย ปากีสถาน และบังกลาเทศ ประกาศสนับสนุนอิหร่านเต็มที่ในกรณีเกิดสงครามเต็มรูปแบบกับอิสราเอล
อิสราเอล ผู้อหังการ์ ที่มีอิทธิพลบารมีเหนือสหรัฐอเมริกาและสหประชาชาติที่บังอาจสั่งให้นายอันโตนิโอ กูเตอร์เรซ เลขายูเอ็นคนปัจจุบัน ประณามอิหร่านที่โจมอิสราเอลได้จึงประหลาดใจที่อิสราเอลคุยโวว่า ระบบรักษาความปลอดภัยที่ชื่อ Iron Dom สามารถตอบโต้ทำลายขีปนาวุธของอิหร่านได้หมด ในเมื่อขีปนาวุธอิหร่านไม่ระคายเคืองหนังกำพร้าแล้วอิสราเอลโวยวายเรียกร้องให้ประชาคมโลกประณามอิหร่านทำไม
หรือเป็นเพราะอิทธิฤทธิ์ของ hypersonic cruise missiles ทำให้อังกฤษกับฝรั่งเศสแจ้งวอชิงตันว่าไม่ต้องการร่วมปกป้องอิสราเอลจากขีปนาวุธอิหร่าน นอกจากนั้นประธานาธิบดีโจ ไบเดน ยังละล้าละลังว่าจะร่วมมือกับอิสราเอลทำลายโรงกลั่นน้ำมันและโครงสร้างพื้นฐานพลังงานของอิหร่านหรือไม่ ประธานาธิบดี ไบเดนเพียงแต่ตอบสื่อว่า “กำลังพิจารณา” เมื่อนักข่าวถามว่า จะทำลายโครงสร้างพลังงานของอิหร่านหรือไม่ ประธานาธิบดี ไบเดน คงตระหนักดีว่า จีน รัสเซีย และปากีสถานตลอดถึงประเทศต่างๆในเอเชียใต้ต่างก็พึ่งพาพลังงานจากอิหร่านเป็นสำคัญ และ ประเทศเหล่านั้นต่างมีอาวุธนิวเคลียร์พร้อมกดปุ่มใช้งานได้ในกรณีที่พวกเขาพิจารณาว่าจำเป็น
: ปล. นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตรได้พบปะทวิภาคีกับประธานาธิบดีอิหร่านระหว่างการประชุมเอซีดีที่กรุงโดอาในเวลาที่อิหร่านกับอิสราเอลจ่อระเบิดสงครามใหญ่ถึงขั้นขู่ใช้นิวเคลียร์ทั้งสองฝ่าย อิสราเอลโวยวายให้ยูเอ็นและประชาคมโลกประณามอิหร่าน การพบกันของผู้นำทางการเมืองไทย-อิหร่านเป็นการแสดงออกในเชิงสัญลักษณ์ว่ากรุงเทพฯแนบแน่นกับเตหะราน อิสราเอลกับอเมริกันคงไม่กดดันไทยให้ประณามอิหร่านหรือเรียกให้ไทยเข้ากับอิสราเอล
สุทิน วรรณบวร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี