อดีตนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร นั้น นับตั้งแต่เข้ามาอยู่ในวงจรอำนาจ เริ่มจากเข้าไปอยู่พรรคพลังธรรมของ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง โดยการชักชวนของ พล.ต.จำลอง ในปี 2537 และได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศในรัฐบาลนายชวน หลีกภัย ตามโควตาของพรรคพลังธรรม จนถึงวันนี้ 30 ปีพอดี ซึ่งใครต่อใครล้มหายตายจากและรับเวรรับกรรมติดคุกเพราะทักษิณก็เยอะ แต่ทักษิณยังอยู่และไม่เคยติดคุก
30 ปี-บนเส้นทางการเมืองที่เต็มไปด้วยอำนาจและผลประโยชน์ของ“ทักษิณ ชินวัตร” ได้สร้างบาดแผลที่เป็น“วีรเวร”ไว้มากมาย ใครที่ยอมสยบและทอดตัวรับใช้ทักษิณ มีจุดจบที่ไม่สวยงามให้เห็นเป็นตัวอย่างจำนวนไม่น้อย
เคยเขียนในคอลัมน์“คิด เขียน คุย”นี้หลายครั้งว่า เรื่องราวของอดีตนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร นั้น ยิ่งกว่าหนังชีวิตเรื่องยาวที่ไม่ธรรมดา ที่ไม่ธรรมดาเพราะทักษิณไม่ยอมทำตัวให้เป็นคนธรรมดา เป็นคนที่มีนิสัยถาวรขี้โกงและเห็นแก่ประโยชน์ของตนเป็นหลัก
“ทักษิณ ชินวัตร”เป็นจำเลยในคดีทุจริตต่อหน้าที่ขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหลายคดี และหลบหนีคดีออกไปอยู่ต่างประเทศนานกว่า 15 ปี พร้อมทั้งถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาลงโทษจำคุก พอรู้ว่ากลับมาแล้วสามารถหลีกเลี่ยงไม่ต้องไปติดคุกในเรือนจำได้ เพราะพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล และมีอำนาจอิทธิพลเหนือรัฐบาลและนายกรัฐมนตรี ถึงได้ยอมกลับมา
และเรื่องนี้นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ทนายอิสระ ได้ร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญไปแล้วว่า “ทักษิณ ชินวัตร” ได้รับพระราชทานพระมหากรุณาอภัยลดโทษ จาก 8 ปีเหลือโทษจำคุกต่อไปอีก 1 ปี แต่พบว่าทักษิณใช้พรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นผู้ถูกร้องที่ 2 เป็นเครื่องมือควบคุมการบริหารรราชการแผ่นดิน สั่งการรัฐบาลผ่านกระทรวงยุติธรรม, กรมราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจให้เอื้อประโยชน์แก่ตน โดยระหว่างต้องโทษจำคุกได้พักอาศัยอยู่ห้องพัก ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อไม่ต้องรับโทษอยู่ในเรือนจำแม้แต่วันเดียว เป็นการฝ่าฝืนไม่น้อมรับโทษจำคุกในเรือนจำตามพระบรมราชโองการ
ไม่เพียงแต่เท่านั้น ในสำนวนคำร้องของนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ยังระบุด้วยว่า การกระทำดังกล่าวของอดีตนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร เป็นการกระทำที่ไม่บังควรอย่างยิ่ง ทำให้ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาทและหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ส่งผลให้เกิดการเซาะกร่อน บ่อนทำลายพระเกียรติยศของสถาบันพระมหากษัตริย์ในที่สุด
อะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับ รัฐมนตรีและข้าราชการที่เกี่ยวข้องตามคำร้องที่นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร อ้างว่า “ทักษิณ ชินวัตร” สั่งการรัฐบาลผ่านกระทรวงยุติธรรม, กรมราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจ นั้น เวลานี้ถูกร้องและอยู่ระหว่างการสอบสวนของ ป.ป.ช. ซึ่งอาจจะต้องติดคุกรับเวรรับกรรมเพราะ“ทักษิณ”ก็มีความเป็นไปได้สูง
อาทิ นายทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม, นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์, นายนัสที ทองปลาด อดีตผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร, นพ.วัฒน์ชัย มิ่งบรรเจิดสุข ผู้อำนวยการทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์, พล.ต.ท.โสภณรัชต์ สิงหจารุ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ อดีตนายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ และพล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจคนปัจจุบัน เป็นต้น
นอกจากกรณีอดีตนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร“ติดคุกทิพย์”ที่ข้าราชการประจำจะต้องรับเวรรับกรรมเพราะทักษิณแล้ว ก็ยังมี“กรณีตากใบ”ที่มีอดีตข้าราชการทหาร ตำรวจ และพลเรือน อีก 7 คน ในยุคที่ทักษิณครองอำนาจในปี 2547 และเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้คนไทยมุสลิมถึง 78 คนต้อง“ตายทั้งเป็น” ซึ่งเวลานี้กำลังหนีอย่างหัวซุกหัวซุนเพื่อรอให้คดีความพ้นอายุ 20 ปีในวันที่ 25 ตุลาคมที่จะถึงนี้
อดีตข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ 7 คนที่อยู่ระหว่างหลบหนีหมายจับ“คดีตากใบ” แบบว่า“แก่แล้วก็ยังอยู่ไม่เป็นสุข”เพราะไปเกี่ยวข้องกับ“ทักษิณ ชินวัตร” นั่นก็คือ พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี (อายุ 74 ปี), พล.อ.เฉลิมชัย วิรุฬห์เพชร (อายุ 76 ปี), พล.ต.อ.วงกต มณีรินทร์ อดีต ผอ.ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติส่วนหน้า และอดีต สว. (อายุ 73 ปี), พล.ต.ท.มาโนช ไกรวงศ์ ยศขณะนั้นในฐานะอดีตผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 อดีต สว.(อายุ 77 ปี), พล.ต.ต.ศักดิ์สมหมาย พุทธกุล อดีตผู้กำกับสภ.อ.ตากใบในขณะนั้น (อายุ 70 ปี), นายศิวะ แสงมณี อดีตรองผอ.กองอำนวยการเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ และอดีตรองปลัดกระทรวงมหาดไทย (อายุ 78 ปี) และนายวิชม ทองสงค์ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส (อายุ 78 ปี)
อดีตข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ทั้ง 7 คนนี้ ถ้าหนีได้พ้นวันที่ 25 ตุลาคมอีกสิบวันข้างหน้าได้ ก็ถือว่า“รอด” แต่ถ้าไม่รอดหากโดนตำรวจไทยตระคุบตัวได้ก่อนก็ต้องขึ้นโรงขึ้นศาล และก็ไม่แน่ว่าอาจจะต้องติดคุกตายตอนแก่ เพราะกว่าคดีจะถึงที่สุดในชั้นศาลฎีกาคงใช้เวลาไม่น้อย
เมื่อย้อนกลับไปดูในอดีตมีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ติดคุกเพราะเข้าไปอยู่ใน“วังวน”ของอดีตนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร ก็มีให้เห็นมาแล้ว เช่น อดีต กกต. 3 คน คือ พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ อดีประธาน กกต., นายปริญญา นาคฉัตรีย์ อดีต กกต. เคยติดคุกมาแล้วคนละ 2 ปี และถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งคนละ 10 ปี ส่วนอดีต กกต.อีกคนหนึ่ง คือนายวีระชัย แนวบุญเนียร เสียชีวิตก่อนคดีจะจบในชั้นศาลฎีกา อดีต กกต.ทั้งสามคนนี้เป็นจำเลยฐานกระทำผิดจัดการเลือกตั้งโดยไม่สุจริตและไม่เที่ยงธรรม เพื่อช่วยเหลือพรรคไทยรักไทย ในการเลือกตั้ง สส.ในวันที่ 2 เมษายน 2549
ส่วนระดับรัฐมนตรีที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับ“ทักษิณ ชินวัตร”และต้องติดคุกก็มีอยู่ 2 คน ซึ่งไม่นับนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และนายภูมิ สาระผล อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ นักโทษคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าวสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แต่เป็น 2 รัฐมนตรีในรัฐบาลพรรคไทยรักไทยที่มีทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรี คือนายวัฒนา เมืองสุข และนพ.สุรพงษ์ สืบวงษ์ลี
นายวัฒนา เมืองสุข อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ปี 2546 ติดคุกคดีทุจริต“โครงการบ้านเอื้ออาทร”มีโทษจำคุก 50 ปี ซึ่งเวลานี้ก็ยังอยู่ในคุก และ นพ.สุรพงษ์ สืบวงษ์ลี อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ระหว่างปี 2545-2548 ติดคุก 1 ปี จากคดีทุจริต“แก้สัมปทานดาวเทียมเอื้อประโยชน์เครือชินคอร์ป” ที่ปัจจุบันนี้ นพ.สุรพงษ์ หรือ“หมอเลี๊ยบ”ก็ยังคงรับใช้“ตระกูลชินวัตร”เหมือนเดิม โดยมีตำแหน่งเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี-“แพทองธาร ชินวัตร”
สรุปก็คือใครที่รับใช้“ทักษิณ ชินวัตร”ตายแบบศพไม่สวยทุกราย !
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี