นับตั้งแต่รัฐบาลอุ๊งอิ๊งค์ตั้งขึ้นแล้วก็ได้ฝ่าฟันคลื่นลมและเสียงตำหนิติเตียนแทบทุกเรื่องราว กระทั่งถูกฟ้องร้องกว่าสิบคดีไปแล้ว และกำลังจะร้องกันอีกหลายสิบคดี จนกระทบต่อความเชื่อมั่นว่ารัฐบาลนี้จะอยู่ไปได้อีกสักกี่วัน
ก็ต้องเข้าใจร่วมกันว่ารัฐบาลนี้เหมือนเป็นโชเฟอร์มือใหม่ที่ไม่เคยขับรถมาก่อน แต่เมื่อบังเอิญได้ใบขับขี่มาและต้องมาทำหน้าที่เป็นโชเฟอร์ขับรถบัสคันใหญ่ที่มีผู้โดยสารถึง 70 ล้านคน ก็ต้องมีความใส่ใจรับผิดชอบต่อความสวัสดีของผู้โดยสาร
จะต้องมีความสามารถที่จะอดทนต่อเสียงร้องเจี๊ยวจ๊าวหรือเสียงวี้ดว้ายด้วยความประหวั่นพรั่นใจต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นภายใต้น้ำมือของโชเฟอร์มือใหม่นี้ ทั้งต้องสดับตรับฟังเสียงทั้งหลายเพื่อนำมาใช้ประกอบในการขับขี่ต่อไป
เพราะไม่มีประโยชน์อันใดที่จะไปทะเลาะเบาะแว้งหรือโต้เถียงกับผู้โดยสาร เพราะนอกจากไม่ใช่หนทางแก้ปัญหาแล้ว ยังเป็นการสร้างวิวาทและความโกรธแค้นชิงชังเสียเปล่าๆ
อย่าได้เข้าใจผิดคิดว่าเป็นโชเฟอร์ขับรถบัสแล้วจะต้องเถียงให้ชนะผู้โดยสารหรือต้องเอาชนะผู้โดยสารทุกเรื่องทุกราว เพราะนั่นเป็นความคิดที่ผิด เนื่องจากหน้าที่โชเฟอร์คือการขับพารถบัสคันนี้ให้ไปถึงที่หมายด้วยความสวัสดี และถ้าสามารถขับขี่ให้ผู้โดยสารสบายอกสบายใจและเข้าใจร่วมกันได้ก็ต้องถือว่าเป็นเลิศ
อันผู้เป็นรัฏฐาธิปัตย์นั้น ภารกิจไม่ใช่การเอาชนะประชาชนหรือแก้ตัวทุกเรื่องราว แต่ภารกิจที่สำคัญก็คือการครองใจประชาชนให้มีความมั่นใจมีความวางใจในความสามารถ ในความสัตย์สุจริต และความมุ่งมั่นที่จะสร้างความปลอดภัย ความอยู่ดีมีสุขให้แก่ราษฎรทั้งหลาย
ถ้าทำได้ดังนี้ก็ย่อมได้ชื่อว่าครองใจประชาชน มีความสำคัญยิ่งกว่าการเอาชนะประชาชนซึ่งเป็นเบื้องต้นของการเป็นรัฏฐาธิปัตย์
นับแต่รัฐบาลอุ๊งอิ๊งค์ตั้งขึ้นก็มีเรื่องที่ถูกกล่าวหาว่าร้ายวิจารณ์มากมาย แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่ใช่เรื่องที่รัฐบาลอุ๊งอิ๊งค์ก่อขึ้นทำขึ้นเอง แต่เป็นเรื่องที่รับมรดกความหรือรับวิบากกรรมจากความชิงชังของประชาชนต่อระบอบทักษิณซึ่งตกค้างมากว่า 18 ปีแล้ว วิบากกรรมนี้วันนี้ตกทอดมาถึงท่านนายกฯอุ๊งอิ๊งค์ซึ่งท่านก็ต้องแบกรับต่อไป ตราบเท่าที่จะสิ้นวิบากกรรมนั้น
แต่ทว่าก็ยังมีหลายเรื่องที่ท่านสร้างกรรมขึ้นมาเอง และกรรมที่สร้างขึ้นใหม่นี้ถ้าว่ากันโดยความยุติธรรมแล้วก็จะไปว่าท่านนายกฯอุ๊งอิ๊งค์ไม่ได้ เพราะดังที่เขาว่านั่นแหละคือท่านเป็นโชเฟอร์มือใหม่หัดขับ ดังนั้นเมื่ออะไรเป็นของใหม่ก็เป็นวิสัยธรรมดาที่คนเราจะทำผิดทำพลาดกันได้ ความสำคัญอยู่ที่ว่าเมื่อรู้ว่าผิดหรือพลาดแล้วก็ต้องรู้สาเหตุและรีบดูแลแก้ไขเสียให้ทันท่วงทีอย่าผิดซ้ำผิดซ้อนขึ้นมาอีก
และบรรดาเรื่องราวทั้งหลายนับแต่ตั้งรัฐบาลอุ๊งอิ๊งค์มานั้นก็เห็นจะมีเรื่องต่างประเทศที่ถูกกล่าวหาว่าร้ายมากที่สุด ความจริงต้นเหตุที่ทำให้เกิดปัญหานั้นไม่ได้อยู่ที่นายกฯ อุ๊งอิ๊งค์ แต่อยู่ที่ผู้มีหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงหรือคณะทำงาน ไม่ว่าจะใช้ชื่อที่ปรึกษา หรือทีมงาน หรือคณะทำงานอะไรก็ตามเถิด แต่คนเหล่านี้มีหน้าที่ต้องช่วยเหลือทำให้นายกอุ๊งอิ๊งค์ปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมือง นั่นก็คือเรื่องการต่างประเทศ
เพราะเรื่องการต่างประเทศนั้นเป็นเรื่องที่มีความกว้างขวางกว้างไกล มีแบบแผนที่แน่นอน และมีความยุ่งยากซับซ้อน กระทั่งมีความแหลมคม ข้อสำคัญคือเป็นที่จับตามองของทั้งคนไทยและชาวต่างประเทศ ดังนั้นเมื่อเกิดความผิดพลาดคลาดเคลื่อนขึ้นมาแล้วจึงถูกวิพากษ์วิจารณ์ กระทั่งกระทบต่อวุฒิภาวะของนายกรัฐมนตรีอย่างรุนแรง ซึ่งเรื่องแบบนี้ก็จะมีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
จะยกตัวอย่างเพียงสองเรื่องที่พิสูจน์ให้เห็นว่าทีมงานด้านการต่างประเทศไม่เอาไหน แต่จะไม่กล่าวถึงสาเหตุของความไม่เอาไหนนั้น ว่าเกิดจากการแต่งตั้งคนเพียงเพื่อทดแทนบุญคุณพวกข้าเก่าเต่าเลี้ยงที่เคยรับใช้ให้ได้รับความสะดวกสบายมาแต่ก่อนหรือไม่
เรื่องแรก คือการไปร่วมงานวันชาติจีน ซึ่งการไปร่วมงานนี้เฉพาะเรื่องก็ต้องถือว่าเป็นเรื่องดี เพราะเป็นการจำเริญไมตรีที่สร้างความพอใจให้กับจีนมากที่สุด แต่อีกด้านหนึ่งที่ไม่คำนึงถึงกันก็คือประเทศไทยมีมิตรประเทศกว่า 150 ประเทศ เมื่อนายกรัฐมนตรีไปร่วมงานวันชาติของประเทศหนึ่งแล้วก็จะต้องไปร่วมงานวันชาติของประเทศอื่นๆ ด้วย มิฉะนั้นก็จะเกิดความน้อยเนื้อต่ำใจและเกิดความเสียหายต่อบ้านเมืองได้
ดังนั้นเขาจึงมีธรรมเนียมว่านายกรัฐมนตรีจะไม่ไปร่วมงานวันชาติใด อย่างน้อยก็มีผู้แทนไปร่วมงาน เพราะถ้าไปร่วมงานวันชาติของทุกประเทศ โดยเฉลี่ยก็สองวันต่อครั้งก็ไม่ต้องทำงานอื่น หากไม่ไปก็จะเสียหายและกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แต่เรื่องนี้ก็หามีผู้ใดทักท้วงหรือให้คำแนะนำนายกรัฐมนตรีอุ๊งอิ๊งค์ไม่
เรื่องที่สอง คือการไปประชุมที่ประเทศกาตาร์ เป็นการประชุมทวิภาคีซึ่งอิหร่านเป็นเจ้าภาพ และจะส่งไม้ต่อให้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพต่อไป แต่ไม่มีการแถลงเรื่องนี้ให้ชาวโลกทราบ คงปรากฏแต่ภาพนายกฯอุ๊งอิ๊งค์นั่งอ่านไอแพดต่อหน้าประธานาธิบดีอิหร่านซึ่งมีอาวุโสมากกว่าและมีอาการไปในทางรำคาญ จึงเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างใหญ่หลวง
แต่แทนที่จะสร้างความเข้าใจให้ถูกต้อง กลับเรียงหน้ากันมาเถียงว่าใครเป็นนายกรัฐมนตรีก็ต้องอ่านกันทั้งนั้น ซึ่งเป็นเรื่องบ้องตื้นและประกาศต่อสาธารณะอย่างไม่น่าให้อภัย
เพราะการประชุมทวิภาคีแบบ four-eyes หรือสองต่อสองโดยมีล่ามแปลนั้นปกติต้องพูดปากเปล่าเพื่อแสดงความเข้าใจเรื่องราวระหว่างประเทศ ไม่ใช่ไปนั่งก้มหน้าก้มตาอ่านและอ่านอะไรก็ไม่รู้ จึงทำให้เกิดความเสียหายมาก โดยเฉพาะยามนี้เป็นยามศึกสงครามระหว่างอิสราเอลกับพันธมิตร การที่นายกรัฐมนตรีมือใหม่ไปนั่งป๋อหลออยู่กับประธานาธิบดีอิหร่านจึงอาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดต่อคู่ศึก ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อประเทศไทยเลย
นี่คือตัวอย่างกระจุ๋มกระจิ๋ม ซึ่งเรื่องแบบนี้ก็จะมีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในระยะเวลาใกล้ๆ นี้ก็จะมีการประชุมสุดยอดอาเซียน ก็มีการจับตาดูว่านายกรัฐมนตรีจะไปปล่อยไก่อะไรอีก
เพื่อประกันให้เรื่องนี้ไม่มีปัญหาต่อไป นายกรัฐมนตรีอาจจะต้องพิจารณาปรับปรุงทีมงานด้านต่างประเทศสักหน่อยละมั้ง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี