มีคำถามว่า แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้มีฐานะเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย พรรคการเมืองที่พิศาล วัฒนวงษ์คีรี สส. แบบบัญชีรายชื่อสังกัดอยู่ แสดงความรับผิดชอบอย่างไรบ้างกับการที่ สส. ในพรรคเพื่อไทย คือพิศาลจงใจหนีคดีตากใบ จนถูกศาลออกหมายจับ ตอบได้ว่า ยังไม่เห็นความรับผิดชอบใดๆ จากแพทองธารแม้แต่น้อย
ถามต่อไปว่า ในฐานะหัวหน้าพรรคการเมืองที่ สส. ของพรรคถูกออกหมายจับ แล้ว สส. คนดังกล่าวจงใจหนีคดี โดยอ้างว่าลาประชุมสภา แต่เป็นการลาที่คนรู้ทันจับได้ไล่ทันว่าจงใจหนีคดี เมื่อเป็นแบบนี้แล้ว หัวหน้าพรรคไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลยหรือ
ย้ำอีกทีว่าคดีตากใบจะหมดอายุความในวันที่25 ตุลาคม 2567 ในขณะที่พิศาลหนีคดีไปอยู่ที่อังกฤษ โดยอ้างว่าป่วยเป็นโรคมะเร็ง แล้วก็ต้องย้ำอีกทีว่าคดีตากใบเกิดในยุคทักษิณ ชินวัตร มีตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อปี 2547 ในขณะที่พิศาลมีตำแหน่งเป็นแม่ทัพภาค 4
อย่างไรก็ตาม มีแรงกดดันอย่างมากจากทั้งพรรคการเมืองฝ่ายค้าน แต่ทว่ากลับไม่มีแรงกดดันใดๆ จากพรรคร่วมรัฐบาล นอกจากนั้นยังมีแรงกดดันจากสังคมให้พรรคเพื่อไทยต้องแสดงความรับผิดชอบในกรณีที่พิศาล ซึ่งเป็น สส. ของพรรคเพื่อไทย จงใจหนีคดีตากใบ ซึ่งกว่าจะบังเกิดผลว่าพิศาลยอมยื่นหนังสือลาออกจากการเป็น สส. ของพรรคเพื่อไทยก็ทำให้สังคมได้ประจักษ์ชัดว่าทั้งหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค และแกนนำพรรคเพื่อไทยไม่ได้ให้ความสนใจกับการติดตามตัวพิศาลแต่ประการใดโดยเฉพาะภูมิธรรม เวชยชัย แกนนำคนสำคัญของพรรคเพื่อไทยอ้างเพียงว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัวของพิศาล ไม่ใช่เรื่องของพรรคเพื่อไทย
ในวันที่นักข่าวประจำทำเนียบรัฐบาลทราบเรื่องพิศาลยื่นหนังสือลาออก นักข่าวถามเรื่องนี้กับแพทองธาร แล้วได้รับคำตอบว่า เพิ่งทราบเรื่องนี้ ย้ำว่าแพทองธารตอบนักข่าวว่าเพิ่งทราบเรื่อง นี่คือคำตอบของหัวหน้าพรรคเพื่อไทยในฐานะนายกรัฐมนตรี เป็นคำตอบที่แสดงให้เห็นชัดว่าหัวหน้าพรรคเพื่อไทยไม่มีความรับผิดชอบกับพฤติกรรมของลูกพรรคที่จงใจหนีคดี
เมื่อดูหนังสือลาประชุมสภาที่พิศาลยื่นขอลาพบว่าลาประชุมตั้งแต่ 26 สิงหาคมถึง 30 ตุลาคม 2567 ซึ่งแสดงออกอย่างชัดเจนว่าลาเพื่อหนีคดี และลาเพื่อให้คดีขาดอายุความ เพราะคดีจะขาดอายุความวันที่ 25 ตุลาคม 2567 ส่วนเรื่องที่อ้างว่าลาไปรักษาโรคมะเร็งที่อังกฤษ ถามว่าทำไมต้องไปรักษาตัวที่อังกฤษ ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลอะไร แล้วถามต่อไปว่าพิศาลป่วยเป็นมะเร็งอะไร แพทย์ไทยไม่สามารถรักษาได้หรือ ถ้าหากพิศาลป่วยจริง พิศาลก็น่าจะรักษาตัวในไทย เพราะขนาดทักษิณที่อ้างว่าป่วยหนักเจียนจะตาย ยังหายป่วยเป็นปลิดทิ้งโดยอ้างว่ารักษาตัวในโรงพยาบาลตำรวจเป็นเวลานานกว่า 6 เดือน
มีผู้ตั้งคำถามว่าการที่แพทองธาร และแกนนำพรรคเพื่อไทยแสดงอาการเพิกเฉยกับการติดตามตัวพิศาลไปขึ้นศาล เรื่องนี้จะทำให้มีความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามมาตรา 157 หรือไม่ แต่เมื่อพิศาลยื่นหนังสือลาออกจากความเป็น สส. ของพรรคเพื่อไทยแล้ว ก็ดูเสมือนว่าเป็นการตัดปัญหาความรับผิดชอบของพรรคเพื่อไทยได้ แต่ก็ยังคงมีคำถามค้างคาอยู่ต่อไปว่าเหตุใดหัวหน้าพรรค
เพื่อไทยจึงไม่แสดงความรับผิดชอบใดๆ ในกรณีที่ สส. ของพรรคหนีคดี หนีหมายจับ
ความจริงที่หลายคนอาจไม่รู้ก็คือผู้ลงนามอนุญาตให้พิศาลลาประชุม สส. ได้คือ พิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร และต้องย้ำว่าพิเชษฐ์คือ สส. ของพรรคเพื่อไทย ถามว่าเรื่องนี้พรรคเพื่อไทยต้องรับผิดชอบหรือไม่ หรือยังจะคงอ้างต่อไปว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของพิศาล หากพรรคการเมืองอ้างว่าการที่ สส. ของพรรคหนีคดี หนีศาลเป็นเรื่องส่วนตัวของ สส. ก็ต้องถามกลับว่าแล้วพรรคการเมืองที่ สส. สังกัดอยู่นั้นมีหน้าที่อะไรบ้าง หรือจะอ้างว่าพรรคไม่ต้องรับผิดชอบใดๆ เพราะทุกเรื่องเป็นเรื่องส่วนตัวของ สส.
มีคำถามทิ้งท้ายว่า หากคดีตากใบไม่ได้เกิดในยุคทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรี และพิศาลไม่ได้เป็นแม่ทัพภาค 4 แล้วไม่มีคนตายหลายสิบคนจากเหตุการณ์ครั้งนั้น ทักษิณจะรับพิศาลไปเป็นสมาชิกพรรค แล้ววางชื่อพิศาลอยู่ในตำแหน่งบัญชีรายชื่อช่วง safe zone หรือไม่ เรื่องนี้เป็นสัญญาต่างตอบแทนระหว่างเจ้าของพรรคเพื่อไทยกับพิศาลหรือไม่ ส่วนเรื่องที่ว่าแพทองธารจะผิดมาตรา 157 หรือไม่ ก็ต้องดูแง่มุมของกฎหมายกันต่อไป
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี