คดีแชร์ลูกโซ่ มีมากมายหลายรูปแบบ
กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ถือเป็นหน่วยงานที่ทำคดีแชร์ลูกโซ่มากที่สุด
นั่นคือความผิดตามพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 (แชร์ลูกโซ่) และฐานฉ้อโกงประชาชน
หลายคดี ศาลมีคำพิพากษาลงโทษผู้กระทำผิด มีการยึดทรัพย์มากมาย
แต่ก็ยังมีแชร์ลูกโซ่ที่อาศัยสินค้าหรือบริการใหม่ๆ ผลประโยชน์เร้าใจ ออกมาบังหน้า เพื่อหลอกลวงเอาทรัพย์สินเงินทองของเหยื่อต่อไป
วันนี้ ขอเสนอกรณีคดีแชร์ลูกโซ่ล่าสุด ที่ดีเอสไอทำการสอบสวนดำเนินคดี และเพิ่งมีคำพิพากษาไปหมาดๆ หลายคดี ดังนี้
1. แชร์ลูกโซ่ธุรกิจปั๊มน้ำมัน
คดีพิเศษ ที่ 24/2557 กรณีบริษัท สตาร์ โบรกเกอร์ เซอร์วิส (ประเทศไทย) จำกัด มีการชักชวนประชาชนเพื่อเข้าเป็นสมาชิกและลงทุน ในธุรกิจปั๊มน้ำมัน
โดยจ่ายผลตอบแทนเป็นค่าแนะนำสมาชิก แต่ไม่จ่ายผลประโยชน์ตอบแทนตามที่ตกลงกันไว้
ทางการสืบสวนสอบสวนปรากฏข้อเท็จจริงว่าบริษัทฯ โดยกลุ่มผู้บริหารและพนักงานในขณะนั้น บางราย มีพฤติการณ์โฆษณาชักชวนประชาชนทั่วไปผ่านเว็บไซต์ https://starbrokerthaionline.blogspot.com ว่าบริษัทประกอบธุรกิจเกี่ยวกับพลังงาน หากสมัครสมาชิกจะได้รับส่วนลดในการเติมน้ำมันตามสถานีบริการน้ำมันต่างๆ ลิตรละ 4 สตางค์ โดยมีค่าสมาชิกแรกเข้า 3,000 บาท
หากแนะนำผู้อื่นมาเป็นสมาชิก จะได้รับผลตอบแทนเป็นค่าแนะนำในช่วงแรก รายละ 100 บาท
ต่อมา ภายหลังเพิ่มเป็นรายละ 500 บาท สามารถหาสมาชิกได้ไม่จำกัด และเมื่อเป็นสมาชิกแล้วจะได้บัตรสมาชิกสำหรับใช้แสดงกับสถานีบริการน้ำมันเพื่อขอลดส่วนลดดังกล่าวได้
รวมทั้งถ้าสามารถระดมผู้มาสมัครสมาชิกได้มากขึ้น ตั้งแต่ 500 รหัสขึ้นไป จะถือเป็นระดับผู้บริหาร ตั้งแต่ระดับอำเภอ จังหวัด จนถึงระดับเขต
โดยมีค่าตอบแทนเพิ่มเติมในฐานะผู้บริหารอีก ตั้งแต่ 12,000 บาท ถึง 600,000 บาท
ตลอดชีวิต
โดยระดับเขตจะมีรถเบนซ์ประจำตำแหน่งด้วย
รวมทั้งยังมีการชักชวนลงทุนในกิจการสถานีบริการน้ำมันรายย่อยขนาด 2 หัวจ่าย ลงทุน 190,000 บาท รับผลตอบแทนในฐานะผู้บริหารร้อยละ 10 ของยอดกำไรขายหลังจากหักค่าใช้จ่ายให้บริษัท ตามที่บริษัทกำหนด
อีกทั้งมีแบบลงทุนในกิจการสถานีบริการน้ำมันรายใหญ่ 700,000 บาท ด้วย
ซึ่งเป็นผลตอบแทนในอัตราที่สูงกว่าอัตราสูงสุดของการกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินตามกฎหมายว่าด้วยดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมของสถาบันการเงิน
โดยช่วงต้นมีผู้เสียหายบางส่วนได้รับผลตอบแทน แต่ภายหลังบริษัท สตาร์ โบรกเกอร์ฯ กับพวก อ้างว่าธุรกิจขาดทุนและไม่จ่ายผลตอบแทน
แท้จริง บริษัท สตาร์โบรกเกอร์ฯ ไม่ได้รับอนุญาตให้เป็นผู้ค้าน้ำมันตามกฎหมายแต่อย่างใดอีกทั้งไม่เคยได้รับใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจขายตรงตามกฎหมาย จึงไม่มีรายได้โดยชอบด้วยกฎหมายที่จะจ่ายผลตอบแทนที่สูงดังกล่าว
ทำให้มีผู้เสียหายเบื้องต้น 360 คน และภายหลังมีผู้เสียหายเพียง 20 คน เข้าร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีอาญา
เฉพาะในคดีนี้มีความเสียหาย 3 ล้านบาทเศษ
ทางคดี มีการดำเนินคดีกับบริษัท สตาร์ โบรกเกอร์ เซอร์วิส (ประเทศไทย) จำกัด ผู้บริหารและพนักงาน รวม 5 คน ในความผิดตามพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 (แชร์ลูกโซ่) และฐานฉ้อโกงประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญาซึ่งพนักงานอัยการได้ยื่นฟ้องผู้ต้องหาทั้งห้าเป็นจำเลยต่อศาลอาญาแล้ว
ล่าสุด ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษา คดีอาญาหมายเลขดำที่ อ 2722-2726/2563 คดีหมายเลขแดงที่ อ. 3271-3272/2564 ระบุว่า บริษัท สตาร์ โบรกเกอร์ เซอร์วิส (ประเทศไทย) จำกัด จำเลยที่ 1 นายภักระวี (สงวนนามสกุล) จำเลยที่ 2 และนายสุรพล (สงวนนามสกุล) จำเลยที่ 5 มีความผิดตามฟ้อง
เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรม รวม 20 กระทง
โดยปรับจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นนิติบุคคล กระทงละ 500,000 บาท จำเลยที่ 1 และ 2 ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงเหลือปรับจำเลยที่ 1 เป็นเงิน กระทงละ 250,000 บาท รวมปรับจำเลยที่ 1 จำนวน 5,000,000 บาท
ให้จำคุกจำเลยที่ 2 จากกระทงละ 5 ปี เหลือกระทงละ 2 ปี 6 เดือน รวมจำคุกจำเลยที่ 2 จำนวน 40 ปี 120 เดือน
และให้จำคุกจำเลยที่ 5 กระทงละ 5 ปี รวม 100 ปี
แต่เนื่องจากคดีความผิดดังกล่าวมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงไม่เกิน 10 ปี จึงพิพากษาให้จำคุกจำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 5 จำนวน 20 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 (2) และให้จำเลยทั้งสามร่วมกันคืนเงินให้แก่ผู้เสียหายแต่ละราย พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่จำเลยทั้งสามกู้ยืมไปจากผู้เสียหายแต่ละรายเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่ผู้เสียหายแต่ละราย
คดีถึงที่สุดในชั้นอุทธรณ์แล้ว
2. แชร์ลูกโซ่ไนซ์ เดย์ ทราเวล
คดีพิเศษ ที่ 38/2560 กรณีมีบุคคลกล่าวหาบริษัท ไนซ์ เดย์ ทราเวล จำกัด กับพวก รวม 6 คน ว่ากระทำความผิดโดยทุจริตร่วมกันหลอกลวง
โดยประกาศโฆษณาต่อประชาชนทั่วไปผ่านแอปพลิเคชั่นไลน์ ว่าบริษัทดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการขายส่งน้ำผลไม้ยี่ห้อ “ไอวี่” ธุรกิจเกี่ยวกับการจัดหาที่พักให้กับนักท่องเที่ยว และธุรกิจซื้อตุ๊กตาไปขายให้นักท่องเที่ยว
มีการชักชวนประชาชนทั่วไปให้ร่วมลงทุนในธุรกิจดังกล่าว โดยเสนอผลตอบแทนคิดเป็นอัตราสูงสุดถึงร้อยละ 240 ต่อปี ของเงินที่ลงทุน
โดยไม่มีการประกอบธุรกิจที่สามารถสร้างรายได้ดังกล่าวจริง
เป็นเหตุให้มีผู้ร้องได้รับความเสียหายและมาร้องทุกข์ จำนวน 98 คน ความเสียหาย 99 ล้านบาทเศษ
ศาลอุทธรณ์มีคำพากษา คดีหมายเลขดำที่ 1294/2563 คดีหมายเลขแดงที่ 18070/2563 ลงวันที่ 16 พฤศจิกายน 2563
พิพากษาปรับบริษัท ไนซ์ เดย์ ทราเวล จำกัด จำเลยที่ 1 จำนวน 49 ล้านบาท
และพิพากษาจำคุก จำเลยที่ 2 - 6 ที่เป็นบุคคลธรรมดา จำนวน 98 กรรม รวมจำคุก คนละ 490 ปี ความผิดฐานร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน มีอัตราโทษสูงจำคุกไม่เกินสิบปี เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วให้จำคุกจำเลยที่ 2 - 6 มีกำหนด 20 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 (2)
ให้จำเลยทั้งหกร่วมกันคืนหรือชดใช้เงินแก่ผู้เสียหายในส่วนที่ยังไม่ได้รับคืน พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าว นับแต่วันที่ได้กู้ยืมไป คดีถึงที่สุดแล้ว
นอกจากคดีดังกล่าวแล้ว กรมสอบสวนคดีพิเศษได้มีการดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดที่มีการโอน รับโอน หรือเปลี่ยนแปลงสภาพทรัพย์สินที่ได้จากการกระทำความผิดในคดีดังกล่าว ในความผิดฐาน “ฟอกเงิน” ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินฯ โดยคดีสอบสวนเสร็จสิ้นและส่งสำนวนการสอบสวนไปยังพนักงานอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ สำนักงานอัยการสูงสุด มีการยื่นฟ้องผู้ต้องหา เป็นจำเลย จำนวน 3 คน ประกอบด้วย 1. นายปริญญา (สงวนนามสกุล) 2. นางสาวจิรฐา หรือฝ้าย (สงวนนามสกุล) และ 3. นายวิชัย (สงวนนามสกุล) ซึ่งทางการสอบสวนพบว่ามีพฤติการณ์ในการฟอกเงินจากการกระทำความผิด
โดยมีการรับโอนเงิน รวมกัน 117 ครั้ง เป็นเงินจำนวน 157.8 ล้านบาทเศษ และนำไปซื้อทรัพย์สินหลายรายการ ซึ่งทรัพย์สินมีคำพิพากษาส่วนแพ่งแล้ว
ล่าสุด ศาลอาญาได้มีคำพิพากษา คดีหมายเลขดำที่ ฟ 31/2566 คดีหมายเลขแดงที่ ฟ 11/2567 เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2567 พิพากษาจำคุกจำเลยทั้งสาม คนละ 10 ปี จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกคนละ 5 ปี
คดีนี้ เรียกว่า มาครบ
บุคคลที่มีพฤติการณ์จัดตั้ง “แชร์ลูกโซ่” ต้องอัตราโทษจำคุกสูงและถูกจำคุกเรียงกระทงความผิด และยังมีการดำเนินคดีอาญาฐานฟอกเงิน กับผู้ที่ไปเกี่ยวข้องกับทรัพย์สิน รวมทั้งยึดทรัพย์ตามกฎหมายฟอกเงินด้วย
3. แชร์ลูกโซ่กองทุนพัฒนาเกษตรกรไทยสู่สากล
คดีพิเศษที่ 40/2559 กรณีมีบุคคลกล่าวหาบริษัท ไอ.ซี อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้ต้องหาที่ 1 และนายดิษฐานนท์(สงวนนามสกุล) ผู้ต้องหาที่ 2 ในฐานะส่วนตัว ว่ากระทำความผิดโดยทุจริตร่วมกันหลอกลวง โดยประกาศโฆษณาต่อประชาชนทั่วไปว่าดำเนินการจัดตั้ง “กองทุนพัฒนาเกษตรกรไทยสู่สากล (กทพส.)” เพื่อดำเนินโครงการ “เห็ดล้านก้อนไถ่ถอนชีวิตโค - กระบือ”
กรณีดังกล่าว มีพฤติการณ์โดยย่อ คือ กลุ่มผู้ต้องหาร่วมกันหลอกลวง โดยประกาศโฆษณาต่อประชาชนทั่วไปว่าดำเนินการจัดตั้ง “กองทุนพัฒนาเกษตรกรไทยสู่สากล (กทพส.)” เพื่อดำเนินโครงการ “เห็ดล้านก้อนไถ่ถอนชีวิตโค – กระบือ” ได้รับเปิดสมัครสมาชิกทั่วไปเข้าร่วมโครงการ โดยสมาชิกจะต้องไปรวมกลุ่มกันให้ได้ กลุ่มละ 20 คน
สมาชิกที่เข้าร่วมจะต้องเสียเงินค่าธรรมเนียมในการทำแฟ้ม จัดเตรียมข้อมูลฝึกอบรมและกิจกรรมอื่นๆ ที่จะเกิดขึ้น จำนวน 350 บาท และจ่ายเงินออมสัจจะอีกเดือนละ 100 บาท รวม 1,550 บาทต่อปี
เมื่อครบ 1 ปี จึงจะมีสิทธิเบิกเงินออมสัจจะคืนได้ โดยมีผลประโยชน์ที่สมาชิกจะได้รับ คือ ก้อนเชื้อเห็ดคนละ 2,000 ก้อน และโรงเรือนเพาะเห็ดคนละ 1 โรง
รวมผลประโยชน์ที่จะได้รับรวมมูลค่า 30,000 บาท คิดเป็นร้อยละ 1,935.4 ต่อปี ของจำนวนเงินที่นำมาลงทุน
รวมทั้งเมื่อมีสมาชิกมาสมัครมากขึ้น ก็มีการนำเสนอโครงการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับโครงการเห็ดล้านก้อนฯ เพื่อชักชวนผู้เสียหายร่วมลงทุน โดยเสนอผลตอบแทนสูง โดยไม่มีเจตนาดำเนินโครงการจริง
โดยมีผู้ได้รับความเสียหายจำนวน 88 คน รวมมูลค่าความเสียหายจำนวน 7,012,150 บาท
ศาลอาญา มีคำพิพากษา เป็นคดีหมายเลขแดงที่ อ 234/2567 พิพากษาว่า จำเลยทั้งสองกระทำความผิดตามฟ้อง และกระทำต่างกรรม ต่างวาระ จำนวน 88 กระทง
ให้ลงโทษปรับบริษัท ไอ.ซี อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด จำเลยที่ 1 รวมทั้งหมด 52,800,000 บาท
และให้จำคุก นายดิษฐานนท์ (สงวนนามสกุล) จำเลยที่ 2 รวมทุกกระทง 528 ปี
ทางนำสืบของจำเลยทั้งสองเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาอยู่บ้าง มีเหตุบรรเทาโทษเห็นควรลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กระทงละหนึ่งในสาม
คงปรับจำเลยที่ 1 รวมเป็นเงิน 35,200,000 บาท
และให้จำคุกนายดิษฐานนท์ (สงวนนามสกุล) จำเลยที่ 2 รวมทุกกระทง 352 ปี
ความผิดฐานร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนมีอัตราโทษสูงจำคุกไม่เกินสิบปี เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วให้จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 20 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 (2)
ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันคืนหรือชดใช้เงินแก่ผู้เสียหายพร้อมอัตราร้อยละ 5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2565) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่ผู้เสียหายแต่ละราย
4. นี่เป็นเพียงคดีบางส่วน ที่ดีเอสไอทำสำนวนคดีเอาผิดกับขบวนการแชร์ลูกโซ่
คนทำแชร์ลูกโซ่ มักหลงคิดว่าตนเองฉลาด ไม่ทิ้งร่องรอยให้จับได้ไล่ทัน
แต่ผิดถนัด...
พนักงานสอบสวน ไม่ว่าจะสอบสวนกลาง ดีเอสไอ ปปง. สามารถติดตามเส้นทางการเงิน รวบรวมพยานหลักฐาน จนศาลยุติธรรมพิพากษาเอาเข้าคุกมานักต่อนักแล้ว
จุดจบของแชร์ลูกโซ่ คือ คุก และยึดทรัพย์!
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี