กรณีความผิดปกติที่เกิดจากบริษัท THE iCON ถือได้ว่าเป็นเพียงยอดภูเขาน้ำแข็งเท่านั้นเพราะจริงๆ แล้วยังดูเสมือนว่ามีความผิดปกติแบบนี้เกิดขึ้นอีกมากมายในสังคมไทย เพียงแต่บรรดาความไม่ปกติเหล่านั้นยังไม่ปรากฏเป็นข่าวใหญ่โต เพราะยังไม่มีรายการทีวีที่พิธีกรชอบทำตัวเป็นศาลแล้วห้อยโหนโจนทะยานนำเรื่องไม่ปกติไปตีข่าวขยายข่าวเท่านั้นเอง แต่ก็ขอรับรองว่าหากคุณได้ดูโฆษณาขายของ ขายยา ขายอาหารเสริม ขายเครื่องเสริมความสวยความงามขายวิตามิน ฯลฯ ที่แพร่กระจายเต็มบ้านเต็มเมืองผ่านรายการต่างๆ ที่ถูกนำเสนอผ่าน Social Media ทุก Platform
ก่อนอื่นต้องถามว่ากรณีที่บริษัท THE iCON ได้กลายเป็นข่าวฉาวนั้น มันเกิดมาจากอะไร มันเกิดมาจากผู้เสียหายที่เข้าไปร่วมกิจกรรมกับ THE iCON หรือว่ามันเกิดมาจากการที่เจ้าของและผู้บริหาร THE iCON ถูกตบทรัพย์ ถูกกรรโชกทรัพย์โดยเทวดาจากสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) และเทวดาจาก DSI (กรมสอบสวนคดีพิเศษ) รวมถึงถูกกรรโชกทรัพย์โดยซาตานที่มาจากพรรคการเมืองบางพรรค
อันที่จริงเรื่องขายตรงกับแชร์ลูกโซ่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมานานแสนนานในสังคมไทย แต่ปัญหาคือทำไมเรื่องนี้จึงยังสามารถสร้างความเสียหายมหาศาลให้กับคนไทย (จำพวกที่หลงเชื่ออย่างง่ายดาย) ได้เสมอๆ อย่างไม่หยุดไม่ยั้ง
อย่างไรก็ตาม ต้องบอกว่าบริษัท THE iCON มีตัวตนจริง และเป็นบริษัทซึ่งหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองผู้บริโภคต้องรู้จักเป็นอย่างดี แต่คำถามคือในเมื่อหน่วยงานราชการมากมายรู้จัก THE iCON แต่ทำไมจึงปล่อยให้ THE iCON สร้างความเสียหายมากมายมหาศาลให้บังเกิดกับประชาชนจำนวนไม่น้อย ต้องย้ำว่าสังคมไทยมีสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) แต่ก็มีคำถามต่อไปว่า แล้ว สคบ. สามารถทำหน้าที่คุ้มครองผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่ ทำไมคนไทยจำนวนไม่น้อยยังได้รับความเสียหายจากบริษัทที่ทำธุรกิจโดยไม่ซื่อสัตย์สุจริต ทำไมผู้บริโภคไม่ได้รับการคุ้มครองโดยหน่วยงานของรัฐ จนมีคำถามว่าในเมื่อยังเกิดปัญหาเช่นนี้เป็นประจำ แล้วยังจำเป็นจะต้องมี สคบ. ต่อไปหรือไม่
คำถามต่อมาเรื่องของ THE iCON เกี่ยวข้องกับใครบ้าง ทำไมจึงมีดารา นักร้อง นักแสดง พิธีกร พระสงฆ์ นักการเมือง ตำรวจ พิธีกรผู้ดำเนินรายการข่าวจำพวกเล่าข่าวเม้าท์มอยใส่สีตีไข่ และเจ้าหน้าที่ DSI เเข้าไปเกี่ยวข้องในแง่มุมต่างๆ
แน่นอนว่าการที่คนเราอยากรวย มันไม่ใช่เรื่องผิด แต่ต้องถามกลับว่าคนอยากรวยเหล่านั้นเคยตั้งคำถามกับความอยากรวยแบบรวยเร็ว รวยลัดรวยง่ายๆ บ้างหรือไม่ แล้วที่สำคัญคือคนอยากรวยยังมีสติอยู่กับตัวหรือไม่ ก่อนที่คนอยากรวยจะควักเงินให้ใคร หรือซื้ออะไร เขาเหล่านั้นเคยถามตัวเองหรือไม่ว่า เขาถูกหลอกหรือไม่ เขาเคยลงไปดูไส้ในเนื้อในของกิจการที่จะเข้าไปร่วมลงทุนหรือซื้อสินค้า หรือเข้าร่วมเป็นสมาชิกหรือไม่ หรือแค่เพียงเห็นหน้าพระ หน้าดารา หน้านักร้อง ก็เกิดอาการลืมตัวแล้วรีบส่งสตางค์ให้เขา หากเป็นเช่นนี้ก็ต้องด่าตัวเองก่อนจะไปด่าคนอื่น
บ้านเรามีข่าวแชร์ลูกโซ่มานานแสนนานหลายสิบปี มีข่าวตกทองมานานแสนนานเช่นกัน แต่ทำไมคนที่ตกเป็นเหยื่อไม่จดไม่จำ แล้วที่มากกว่านั้นคือทำไมคนที่ทราบข่าวนี้จึงไม่ระมัดระวังตัวเอง ทำไมยังปล่อยให้ตัวเองตกเป็นเหยื่อ นั่นเป็นเพราะความโลภ ความไร้สติใช่หรือไม่
อย่างไรก็ตาม ต้องย้ำว่าหน่วยงานราชการที่มีหน้าที่ป้องกันและพิทักษ์คุ้มครองผู้บริโภคต้องทำหน้าที่อย่างเข้มแข็งและจริงจัง ไม่ปล่อยให้กลุ่มมิจฉาชีพฉ้อฉลผู้บริโภค ส่วนตำรวจ และ DSI ก็ต้องตอบคำถามสังคมให้ได้ว่าหน่วยงานทั้งสองได้ทำหน้าที่จับกุมและปราบปรามผู้กระทำผิดกฎหมายอย่างจริงจังหรือไม่ ในขณะเดียวกันก็มีนักการเมืองบางรายก็เข้าไปตบทรัพย์กรรโชกทรัพย์จากผู้กระทำผิดกฎหมายอีกต่อหนึ่ง เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นจริงในสังคมไทย แล้วก็ยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะว่ายังมีเหยื่อหลงเข้าไปติดกับดัก
ปัญหาเหล่านี้ป้องกันได้โดยหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องต้องทำงานอย่างจริงจัง เด็ดขาด ทันการณ์ แต่ที่สำคัญที่สุดคือผู้ที่จะหลงเข้าไปเป็นเหยื่อต้องย้ำกับตัวเองตลอดเวลาว่าอย่าโลภ ต้องมีสติ อย่าเชื่อใครง่ายๆ อย่าหลงดารานักร้อง พิธีกร และต้องไม่หลงพระ แล้วก็ต้องบอกตัวเองเสมอๆ ว่าอย่าเชื่อว่าตำรวจและนักการเมืองจะจัดการบริษัทฉ้อโกงได้ เพราะเราก็เห็นแล้วว่าตำรวจ (บางราย) กับนักการเมือง(จำนวนหนึ่ง) พัวพันพันพัวกับคนโกงมาโดยตลอด และก็ต้องระมัดระวังสื่อมวลชนบางจำพวกให้ดีด้วย เพราะว่าสื่อฯ บางรายก็ไม่ได้ขาวสะอาดนักเพราะฉะนั้น เราต้องมีสติอยู่กับตัวตลอดเวลา เพื่อไม่ตกเป็นเหยื่อของใครหน้าไหน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี