ผู้นำมีความแตกต่างกันโดยสาเหตุพื้นฐานประการสำคัญที่สุดประการหนึ่งคือ ค่านิยมในการแสวงหาผู้คนโดยเฉพาะผู้ที่มาเป็นคู่คิดในการกอบกู้หรือสร้างบ้านสร้างเมือง ซึ่งในแผ่นดินจีนนั้นเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่ที่สุดที่มีหลักค่านิยมตายตัว
นั่นคือค่านิยมในการแสวงหากุนซือ หรือที่ปรึกษาที่มีมาตั้งแต่โบราณกาล มีแบบอย่างให้เห็นมากมาย และเป็นค่านิยมที่สำคัญที่สุดที่ตกทอดมาถึงผู้นำจีนในยุคนี้ถึงขนาดถือกันว่าใครแสวงหากุนซือได้ถูกต้องเก่งกว่ากันผู้นั้นก็จะมีความเป็นผู้นำที่ประเสริฐและมีความยิ่งใหญ่ที่แท้จริง
เท่าที่มีหลักฐานปรากฏในประวัติศาสตร์ อย่างน้อยก็ตั้งแต่ยุคชุนชิว หรือที่เรียกกันว่ายุคเลียดก๊ก ในยุคนั้นมีพระมหากษัตริย์ที่ประเสริฐพระองค์หนึ่งคือพระเจ้าจิวบุ๊นอ๋อง ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นฮ่องเต้ที่สามารถสร้างบ้านเมืองให้มั่นคงร่มเย็นเป็นสุข และบังเกิดประโยชน์แก่ราษฎรมากที่สุด และใช้อ้างอิงกันตลอดมาว่าพระเจ้าจิวบุ๊นอ๋อง พระมหากษัตริย์ผู้ประเสริฐนี้ได้ถ่อมพระองค์ลงไปเชิญที่ปรึกษาคนหนึ่งมาช่วยคิดอ่านทำนุบำรุงบ้านเมืองจนแผ่นดินของพระองค์มั่นคงที่สุด ร่มเย็นเป็นสุขมากที่สุด และเป็นที่แซ่ซ้องสรรเสริญของอาณาประชาราษฎรมากที่สุด
ถัดมาก็มาถึงยุคของปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์ฮั่นคือพระเจ้าเล่าปัง ซึ่งในอดีตก็เป็นแค่ผู้ใหญ่บ้านคนหนึ่งที่ถูกอุปโลกน์ให้เป็นผู้นำเพื่อแย่งชิงอำนาจกับเจ้าแคว้นอื่นมากมาย จนในที่สุดพระเจ้าเล่าปังก็สามารถได้รับชัยชนะเป็นหนึ่งแต่เพียงผู้เดียวในแผ่นดินจีน สถาปนาราชวงศ์ฮั่นในแผ่นดินจีนที่มั่นคงยั่งยืนถึง 400 กว่าปี
พระเจ้าเล่าปังโปรดให้วาดภาพของกุนซือของพระองค์สามคนไว้ในสุสานหรือสุสานเทพบิดร ซึ่งเมื่อครั้งที่ขงเบ้งขอเปิดสุสานพระเจ้าเล่าปี่เพื่อถวายบังคมลานำกองทัพไปตีวุยก๊กครั้งสุดท้ายนั้นก็ยังได้เห็นรูปวาดของกุนซือของพระเจ้าเล่าปังทั้งสามคน
พระเจ้าเล่าปังได้เชิญกุนซือที่สำคัญสามคนมาเป็นกำลังในการกอบกู้บ้านเมือง คนหนึ่งชื่อเตียวเหลียงซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านยุทธศาสตร์ คนหนึ่งชื่อฮั่นสิน เป็นผู้บัญชาการทหารที่ปรีชาสามารถมากที่สุดแห่งยุค อีกคนหนึ่งชื่อเซียวเหอ เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการระดมคนและเสบียงอาหาร
ในวันปราบดาภิเษกขึ้นเป็นปฐมกษัตริย์แห่งพระราชวงศ์ฮั่น พระเจ้าเล่าปังหรือพระเจ้าฮั่นโกโจได้มีพระราชโองการปราศรัยแก่ราษฎรทั้งแผ่นดิน ชื่นชมกุนซือของพระองค์ว่า
ในเรื่องยุทธศาสตร์ ข้าสู้เตียวเหลียงไม่ได้ เตียวเหลียงวางแผนการยุทธศาสตร์ครั้งใดก็จะได้ชัยชนะทุกหนทุกแห่ง
ในเรื่องบัญชาการทหารรับมือข้าศึกเข้าตีหรือรุกโหมโจมตีข้าศึก ข้าสู้ฮั่นสินไม่ได้ เพราะฮั่นสินนำทัพออกรบเมื่อใดก็รบชนะทุกครั้งไป
ในเรื่องการระดมพลและเสบียงอาหาร ข้าสู้เซียวเหอไม่ได้ เพราะเซียวเหอรับหน้าที่พลาธิการเมื่อใด กำลังพลหนุนช่วยกองทัพก็จะมีไม่ขาดสายดุจดังกระแสน้ำ ข้าวปลาอาหารเสบียงกรังก็อุดมสมบูรณ์
ในขณะเดียวกัน ก็ทรงอวดพระองค์เองว่า แต่พวกเจ้าสามคนสู้ข้าไม่ได้อยู่ตรงที่ข้ามีความสามารถที่จะทำให้พวกเจ้าทั้งสามคนสามารถแสดงความสามารถสูงสุดที่พวกเจ้ามีได้
เมื่อครั้งที่เล่าปี่ออกไปเชิญขงเบ้ง ซึ่งเป็นเหตุการณ์สำคัญที่สุดเหตุการณ์หนึ่งในยุคสามก๊ก เพราะเล่าปี่นั้นเป็นเชื้อพระวงศ์พเนจร รบสู้ใครเขาก็ไม่ได้ กำลังพลก็น้อยแต่มีปณิธานยิ่งใหญที่จะกอบกู้แผ่นดินให้เป็นสุข เมื่อได้พบกับสุมาเต๊กโชซึ่งให้คำแนะนำว่าปัญหาของเล่าปี่อยู่ตรงที่ไม่มีกุนซือ และได้แนะนำชื่อของคนสองคนคือฮกหลงและฮองซู ว่าถ้าได้คนใดคนหนึ่งมาช่วยก็จะทำการได้สำเร็จ ดังนั้นเล่าปี่จึงเพียรพยายามแสวงหากุนซือและพยายามออกไปเชิญขงเบ้งจากเขาโงลังกั๋งมาเป็นกุนซือของตน
กวนอูและเตียวหุยซึ่งทะนงตนในวิชาฝีมือที่หาผู้ต่อสู้ไม่ได้ เห็นเล่าปี่กระวนกระวายแต่เรื่องแสวงหากุนซือก็คัดค้านและไม่เต็มใจที่จะร่วมกับเล่าปี่ไปหากุนซือเล่าปี่ถึงกับต้องต่อว่ากวนอูและเตียวหุยว่าพวกเจ้าเป็นน้องของข้า ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมานาน ไฉนจึงไม่รู้ใจกัน วันนี้กำลังของเราก็น้อย ฐานะก็ไม่มีอันใดเทียบไม่ได้กับพระเจ้าจิวบุ๊นอ๋องพระมหากษัตริย์อันประเสริฐก็ยังถ่อมพระองค์ออกไปเชิญกุนซือ จึงทำให้ทั้งกวนอูและเตียวหุยต้องคล้อยตาม
หลังจากเล่าปี่ไปเชิญขงเบ้งพญามังกรหลับให้เลื้อยลงจากเขาโงลังกั๋งได้ 27 ปี ก็แปรสถานะของเล่าปี่จากเชื้อพระวงศ์พเนจรขึ้นเป็นฮ่องเต้ครอบครองแผ่นดินจีนได้ถึง 1 ใน 3
ดังนั้นค่านิยมในการออกไปเชื้อเชิญปราชญ์หรือคนดีมีฝีมือมาเป็นกุนซือจึงแสดงออกถึงความปรีชาสามารถและความยิ่งใหญ่ของความเป็นผู้นำ
ในบ้านเมืองของเราก็มีปรากฏครั้งหนึ่ง คือจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ซึ่งเป็นจอมเผด็จการใหญ่ของประเทศไทย แต่มาถึงวันนี้ผู้คนทั้งหลายยังนึกสรรเสริญจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ว่าสามารถทำให้บ้านเมืองร่มเย็นเป็นสุข นั่นเกิดจากเหตุที่จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ได้ละความแค้นส่วนตัวเลิกความเป็นศัตรูกับปราชญ์สำคัญของไทยสามคน คือนายป๋วย อึ๊งภากรณ์ พระยาอรรถการีย์นิพนธ์ และหลวงวิจิตรวาทการ
จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ สู้บากหน้าไปหานายป๋วย อึ๊งภากรณ์ ถึงบ้าน ด้วยความนอบน้อมถ่อมตนและกล่าวว่าผมกับคุณป๋วย เป็นศัตรูกันมานาน ถึงคิดอ่านจะทำร้ายกันก็หลายครั้ง แต่ผมมาครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว เป็นเรื่องของบ้านเมือง ผมจะมาเชิญคุณป๋วยไปดูแลรับผิดชอบเศรษฐกิจของประเทศ ขอให้เห็นแก่แผ่นดินเป็นใหญ่ละเสียซึ่งความเป็นปรปักษ์กันแต่ก่อน นายป๋วยก็เต็มใจออกไปช่วยดูแลเศรษฐกิจของประเทศจนเจริญรุ่งเรือง
จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ได้ไปเชิญพระยาอรรถการีย์นิพนธ์ให้มาเป็นหลักในการปกครองบ้านเมืองและปฏิรูปประเทศ ได้ไปเชิญหลวงวิจิตรวาทการให้มาสร้างความสามัคคีในหมู่ประชาชน ซึ่งขณะนั้นกำลังมีความแตกแยกในบ้านเมืองอย่างรุนแรง ทั้งสองท่านนี้ก็เต็มใจยินดีออกมาช่วยราชการ จึงทำให้การแผ่นดินในยุคสมัยของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เป็นยุคสมัยของความเจริญรุ่งเรืองมากที่สุดยุคหนึ่งของประเทศไทย จนยังคงเป็นที่กล่าวขวัญกันถึงทุกวันนี้
แต่มาในยุคหลังนี้เกิดความวิปริตผันแปรไป แทนที่จะตั้งค่านิยมเชิญคนดีมีฝีมือหรือนักปราชญ์มาช่วยตามค่านิยมที่ยิ่งใหญ่แต่ก่อนมา กลับถือว่าการที่ผู้คนวิ่งเข้าหากระทั่งมาขอซื้อตำแหน่งเพื่อเป็นกุนซือหรือที่ปรึกษาหรือตำแหน่งอื่นใดเป็นความยิ่งใหญ่ของผู้นำ ดังนั้นจึงมีข่าวคราวอยู่ไม่ขาดว่าที่ปรึกษาหรือที่ปรึกเสียเหล่านี้ได้แสวงหาประโยชน์ฉ้อฉลปล้นชาติจนเกิดความเสียหายแก่แผ่นดินและแก่ผู้นำเองให้ปรากฏอยู่เนืองๆ และในเวลาบัดนี้ก็ดูเหมือนว่าเหตุการณ์แบบนี้กำลังผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด
แต่ผู้นำกลับไม่สำเหนียก ไม่คำนึงถึงแบบแผนแต่โบราณมา กระทั่งไม่สำเหนียกว่าแม้พระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ทรงเห็นภัยของเรื่องนี้ และทรงเตือนผู้นำไว้นานหนักหนาแล้วว่าเกี่ยวกับคนแวดล้อมใกล้ตัวนั้นอย่าว่าแต่คนมีอำนาจเลย ต่อให้เป็นพระอาทิตย์และพระจันทร์อันมีฤทธิ์ก็ยังเสื่อมเศร้าหมองไปได้ด้วยเมฆและหมอกที่แวดล้อมฉะนั้น
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี