คดี THE iCON GROUP นับเป็นคดีอาชญากรรมทางเศรษฐกิจที่ครึกโครม อื้อฉาว และได้รับความสนใจมากที่สุดในรอบหลายปี
เนื่องจากผู้ต้องหาแห่งคดี ประกอบด้วยคนดัง ดารา บรรดาบอสที่อวดสถานะร่ำรวย ชีวิตหรูหรา ฟู่ฟ่า ออกสื่อทั้งออนไลน์ ออนไซต์ ต่อเนื่องมาหลายปี
อีกทั้งมีผู้เสียหายจำนวนมาก และมูลค่าความเสียหายมหาศาล
1. ผู้เสียหายคดี THE iCON GROUP
จนถึงขณะนี้ (ช่วง 10-19 ต.ค.2567) มีผู้เสียหายที่เข้ามาแสดงตนต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจทั่วประเทศ 4,583 ราย
ความเสียหาย 1,357 ล้านบาทเศษ
ส่วนใหญ่มีบทบาทเป็นลูกข่าย หรือผู้ที่เปิดบิลซื้อสินค้า THE iCON GROUP ไปแล้ว ขายสินค้าไม่ได้
มีระดับแม่ข่ายอยู่บ้าง คือ ผู้ที่เชิญชวนลูกข่ายมาเปิดบิลแต่ก็รีบแสดงตนเป็นผู้เสียหาย เข้าแจ้งความ ให้ข้อมูลกับทางเจ้าหน้าที่
แน่นอนว่า หลังจากนี้ คงจะมีการออกหมายจับ และแจ้งข้อหาผู้ต้องหาเพิ่มเติมอีก ซึ่งคงจะเป็นระดับแม่ข่ายรายใหญ่ๆ ที่ไม่ยอมให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่
2. ผู้ต้องหา 18 ราย บอสพอลและพวก
ผู้ต้องหาที่ถูกศาลออกมาหมายจับข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และ พ.ร.บ.คอมพ์ ลอตแรก 18 ราย
ประกอบด้วย บอสพอล บอสใหญ่ผู้บริหาร
บอสดารา คือ คนดัง ดารา ที่เข้ามาเป็นบอส ทำหน้าที่สร้างความน่าเชื่อถือให้กับสินค้าขององค์กร อ้างว่าไม่จำเป็นต้องมาทำ แต่เลือกเข้ามาทำตรงนี้ เพราะเชื่อมั่นศรัทธาในบริษัท คนเหล่านี้มีรายได้แปรผันตามยอดขาย มีส่วนได้ส่วนเสียนั่นเอง
และบอสนักขายที่มียอดขายมหาศาล คือ ผู้ทำหน้าที่หาแม่ข่าย หาลูกข่าย หาคนเข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ๆ ด้วยการอวดความร่ำรวย ความสำเร็จ สร้างสตอรี่ชีวิตที่ผ่านความยากลำบากแต่สร้างชีวิตร่ำรวย บ้าน รถ เครื่องประดับ กิน เที่ยวต่างประเทศฯลฯ สอนวิธีขายผ่านออนไลน์ หว่านล้อมให้เปิดบิล และยิงแอดเพื่อหาสมาชิกใหม่ๆ เข้ามา แลกกับผลประโยชน์ที่จะได้จากการมีเครือข่ายรายใหม่ๆ
ส่วนแม่ข่าย ในเครือของบอสนักขายทั้งหลาย ซึ่งแต่ละคนจะมีแม่ข่ายในเครือจำนวนมาก นับร้อยนับพันคน
โดยแม่ข่ายเหล่านั้น ก็จะมีลูกข่ายในเครืออีกจำนวนนับร้อยนับพันคน แตกแขนงต่อๆ กันไป
หากพบว่าใครมีหลักฐานการกระทำความผิด ร่วมกระทำ หรือสนับสนุนการกระทำของกลุ่มผู้ต้องหาหลัก ก็คงจะต้องถูกดำเนินคดีต่อไป (เว้นแต่จะถูกกันไว้เป็นพยาน)
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ ผู้ต้องหาทั้ง 18 ราย ถือว่ายังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ ในชั้นสอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมดให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
พนักงานสอบสวน บก.ปคบ. นำตัวกลุ่มผู้ต้องหาไปยื่นขอฝากขังต่อศาลอาญา พร้อมคัดค้านการประกันตัว
ระบุพฤติการณ์การกระทำความผิดของกลุ่มผู้ต้องหา เป็นการร่วมกันกระทำผิดที่มีลักษณะเป็นกลุ่มขบวนการ มีการแบ่งหน้าที่กันทำอย่างเป็นระบบ คดีมีความยุ่งยากสลับซับซ้อน ส่งผลกระทบต่อสังคมในวงกว้างทั่วราชอาณาจักร มีผู้เสียหายจำนวนมาก จำนวนทุนทรัพย์สูง และเป็นคดีที่อยู่ในความสนใจของประชาชน หากปล่อยชั่วคราวเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี
ต่อมา ศาลพิจารณาคำร้อง มีผู้ต้องหา 3 คนที่ยื่นขอประกันตัว ได้แก่ แซม-ยุรนันท์ ภมรมนตรี, มิน-พีชญา วัฒนามนตรี และ กันต์-กันตถาวร
ศาลพิเคราะห์ความหนักเบาแห่งข้อหาและพฤติการณ์แห่งคดีแล้ว การกระทำของผู้ต้องหา มีลักษณะแบ่งหน้าที่การทำเป็นระบบ ส่งผลกระทบต่อสังคมในวงกว้าง สร้างความเดือดร้อนแก่สุจริตชนเป็นอันมาก มูลค่าความเสียหายสูง กรณีเป็นเรื่องร้ายแรง ประกอบกับพนักงานสอบสวนและผู้เสียหายคัดค้านการปล่อยชั่วคราว หากอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวมีเหตุอันควรเชื่อว่า ผู้ต้องหาทั้ง 3 จะหลบหนี หรือจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน หรืออาจจะกระทำการใดกระทบกระเทือนต่อการแสวงหาข้อเท็จจริงในคดี ในชั้นนี้จึงยังไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว ให้ยกคำร้อง
ขณะนี้ ผู้ต้องหาทั้ง 18 คน จึงถูกควบคุมตัวอยู่ที่เรือนจำ
3. กล่องดวงใจทศกัณฐ์ กล่องดำดิไอคอน กรุ๊ป (THE iCON GROUP)
ประเด็นสำคัญ ที่พนักงานสอบสวน ไม่ว่าจะเป็นตำรวจ หรือดีเอสไอ (ถ้าต่อไปเข้ามาทำเป็นสำนวนคดีพิเศษ) จะต้องรวบรวมพยาน หลักฐาน เพื่อพิสูจน์ว่าการกระทำของเครือข่ายนี้เข้าข่ายความผิดฉ้อโกงประชาชน ผิด พ.ร.บ.คอมพ์ รวมไปถึงฐานแชร์ลูกโซ่ หรือความผิดตามข้อหาใดอื่นอีกหรือไม่? ได้แก่
ระบบทางการเงิน การแบ่งปันผลประโยชน์ เส้นทางการเงิน หลักฐานพฤติกรรมการหลอกลวงชักชวนประชาชน การปั้นแต่งเรื่องราวสร้างตัวตน
หลักฐานการจัดส่งสินค้าไปถึงผู้บริโภคจริงๆ สัมพันธ์กับยอดขายและรายได้ของบริษัทหรือไม่? เพื่อพิสูจน์ว่า มีเจตนาหารายได้จากการขายสินค้าให้ถึงผู้บริโภคตัวจริง หรือต้องการหารายได้จากสมาชิกรายใหม่ๆ เป็นสำคัญ?
การพยายามอวดอ้างว่า ขายสินค้า (แต่คนทั่วไปแทบไม่มีใครรู้จัก หรือเคยใช้สินค้าจริงๆ ไม่สอดคล้องกับยอดขาย)
การพยายามแก้ต่างว่า เหมือนซื้อจากแม็คโครไปแล้ว ขายไม่ออก จะมาเรียกร้องจากบริษัทได้อย่างไร (ความจริงแม่ข่ายดิไอคอนฯอวดอ้างชักชวนอย่างไร ต่างจากแม็คโครแน่ๆ)
ระบบ “Dropship Fulfilment” อ้างว่าเพื่อให้ตัวแทนขายไม่ต้องสต๊อกของไว้เองที่บ้าน แต่แท้จริง ถูกใช้อำพรางการจัดการสินค้า โดยไม่ต้องสต๊อกสินค้าของบริษัทหรือไม่?มียอดเปิดบิล บริษัทรับเงินรายได้ แต่ไม่ต้องซื้อสินค้ามาสต๊อกรวมถึงอาจไม่ต้องจัดส่งสินค้าจริงๆ หรือไม่? ฯลฯ
ทั้งหมดนี้ เรียกว่า “กล่องดวงใจทศกัณฐ์” หรือ “กล่องดำดิไอคอน กรุ๊ป”
4. ผังโครงข่ายธุรกิจของ THE iCON GROUP เป็นอย่างไร?
ฝ่ายดิไอคอน กรุ๊ป ปฏิเสธตลอดข้อหา ยืนยันว่าทำธุรกิจขายสินค้าออนไลน์ สอนวิธีขายด้วย ไม่ได้บังคับให้ใครมาซื้อฯลฯ ซึ่งหากสามารถชี้แจงหักล้างข้อหาได้ทั้งหมด ก็มีโอกาสรอดพ้นคดี
ฝ่ายพนักงานสอบสวนรวบรวมหลักฐาน คำให้การผู้เสียหาย พยานหลักฐานอื่นๆ เบื้องต้นเห็นว่า มีลักษณะเข้าข่ายฉ้อโกงประชาชน และอาจเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่ (กำลังรวบรวมหลักฐานเพิ่มเติม)
ใครจะเริ่มต้น ต้องเปิดบิล ขั้นต่ำ 2,500 บาท (Distributor)
แต่ถ้าจะสร้างทีมได้ ก็ต้องเปิด 25,000 บาท (Supervisor)
แต่ถ้าจะเข้าทีมแม่ข่าย ต้องเปิด 250,000 บาท (Dealer)
โดยที่ดีลเลอร์ ยังมีระดับให้ไต่เต้าอีกหลายระดับ กว่าจะได้เป็นระดับบอส (Boss – Emperor-Royal Crown-Crown Dealer-Wisdom Dealer-Presidential Dealer-Grand Dealer)
แต่ละขั้น มีผลประโยชน์จูงใจ เป็นคอมมิชชั่น เป็นทริปท่องเที่ยว ที่สามารถขายทริปคืนเป็นเงินได้
มีระบบสร้างแรงจูงใจให้หาสมาชิกใหม่เข้ามา ได้รับส่วนแบ่งผลประโยชน์จากยอดขาย
แม่ทีม เรียกรับ “ค่าโฆษณา” จากลูกทีมเป็นหมื่นบาท เพื่อแลกกับโอกาสที่จะได้สมาชิกใหม่เข้ามาเติมทุนใหม่ จ่ายคนเก่า ฯลฯ ทั้งหมดนี้ จริงหรือไม่? ใครรู้หรือควรรู้ หรือมีส่วนร่วมอย่างไร?
ปัจจุบัน มีสมาชิกมากกว่า 3 แสนคน ย่อมมีทั้งคนที่เสียหายแล้ว และคนที่ยังไม่เสียหาย (อยู่ตรงกลางวงจร) รวมถึงคนที่จะเสียผลประโยชน์ถ้าระบบนี้พังทลาย จึงพยายามขัดขืนขัดขวาง หวังรักษาโครงข่ายนี้ให้ดำรงอยู่ต่อไป เพื่อรักษาผลประโยชน์ส่วนตนที่คาดว่าจะได้รับ
เรื่องราว จะต้องถูกพิสูจน์ความจริงตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป ว่าเป็นแค่ค้าขายออนไลน์ปกติ หรือฉ้อโกงประชาชน หรือแชร์ลูกโซ่?
5. กรณีศึกษาแชร์ลูกโซ่ยูฟัน
คดีแชร์ลูกโซ่ยูฟันฯ ศาลฎีกาพิพากษาคดีถึงที่สุดไปแล้ว จำคุกแม่ข่ายยูฟันระดับสูง คนละ 12,255 ปี !!!
แต่ให้จำคุกจริง 20 ปี และให้ร่วมชดใช้ 356 กว่าล้านบาท ให้แก่ผู้เสียหาย 2,451 คน
เครือข่ายนี้ แรกๆ ก็นำเสนอหน้าฉากว่าเป็นการค้าขายการลงทุนที่ถูกกฎหมาย
เหตุเกิดช่วง 25 ต.ค. 2556-18 มิ.ย. 2558 บริษัท ยูฟันสโตร์ จำกัด ชักชวนบุคคลเข้าร่วมเครือข่ายในการประกอบธุรกิจน้ำผลไม้และสมุนไพร กับเครื่องสำอางผิวหน้า ทำให้ประชาชนหลงเชื่อว่าจะให้ผลประโยชน์ตอบแทนจากการหาผู้เข้าร่วมเครือข่าย แต่กลับหลอกลวงให้ร่วมลงทุน สุดท้ายถูกดำเนินคดีฐานร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ, ฐานผิดพ.ร.บ.ขายตรงฯ, ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จฯ
ศาลชี้ว่า แม่ข่ายร่วมกับพวกทำงานเป็นขั้นตอน ชักชวนให้ผู้เสียหายมาร่วมลงทุนการประกอบธุรกิจของบริษัทยูฟัน ไม่ได้เน้นการจำหน่ายสินค้าขายตรงตามที่แจ้งไว้
จำเลยที่ 1 ร่วมกับพวกทำงานเป็นขั้นตอน ชักชวนให้ผู้เสียหายมาร่วมลงทุนการประกอบธุรกิจของบริษัท ยูฟัน ไม่ได้เน้นการจำหน่ายสินค้าขายตรงตามที่แจ้งไว้ แต่กลับเชิญชวนให้ลงทุนยูโทเคน อ้างว่า จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเรื่อยไปอย่างต่อเนื่อง หากผู้ลงทุนหาสมาชิกใหม่เพิ่มได้จะได้รับค่าตอนแทน ทำให้ได้รับความเสียหาย
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า พฤติการณ์ใช้การซื้อขายสินค้าออนไลน์อำพรางการกระทำที่แท้จริง คือ การขายหน่วยการลงทุน ยูโทเคน ที่ไม่ได้รับการรับรองตามกฎหมาย แต่บริษัทอ้างว่าเป็นสกุลเงินมีมูลค่าเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ คล้ายกับการลงทุนหุ้น แต่ได้ผลตอบแทนเร็วกว่า และมีมูลค่าสูงกว่า และหากมีการหาสมาชิกต่อเพิ่มจะได้ผลตอบแทนร้อยละ 7 - 12 ของเงินที่สมาชิกใหม่นำมาลงทุนใหม่
สุดท้าย.. กรณีศึกษาคดีแชร์ลูกโซ่ มากมายหลายรูปแบบ ทำให้เห็นว่า
แม้จะมีตัวสินค้าจริงนำมาอ้างว่าค้าขายออนไลน์ แต่ใช่ว่าจะรอดเสมอไป
แม้บริษัทนั้นๆ จะจดทะเบียนถูกกฎหมาย เสียภาษีตามกฎหมาย ก็ใช่ว่าจะรอดเสมอไป
ความผิดตามพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 (หรือแชร์ลูกโซ่) และฐานฉ้อโกงประชาชน เป็นคดีมูลฐานความผิดตามกฎหมายฟอกเงิน นำไปสู่การติดตามยึดทรัพย์สินต่างๆ ที่เกี่ยวข้องหรือได้มาจากการกระทำความผิดได้ อาทิ แชร์ลูกโซ่ธุรกิจปั๊มน้ำมัน แชร์ลูกโซ่ไนซ์ เดย์ทราเวล แชร์ลูกโซ่กองทุนพัฒนาเกษตรกรไทยสู่สากล ฯลฯ
อาชญากรรม ย่อมทิ้งร่องรอยเสมอ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี