แม้ผมเองมีโอกาสเดินทางไปเยือนประเทศอิสราเอลมาก็นานหลายปีแล้ว แต่ก็ยังคงศึกษา ติดตามความเป็นไปเกี่ยวกับอิสราเอลมาโดยตลอด ซึ่งก็มีความประทับใจเกี่ยวกับความเป็นสังคมประชาธิปไตย ความทันสมัยต่างๆ ทั้งทางภาคเกษตร วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี ไปจนถึงอุตสาหกรรมทางทหาร โดยที่น่าทึ่งอย่างหนึ่งก็คือ การที่ประชาชนพลเมืองทั้งหญิง-ชายทุกคนมีหน้าที่ป้องกันประเทศ คือเป็นทั้งพลเมืองและทหาร (Citizen-soldier) อีกทั้งอิสราเอลก็มีความโดดเด่นในเรื่องขีดความสามารถในการป้องกันตนเองท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวย
อิสราเอลนั้นเก่งกล้าสามารถในเรื่องการสู้รบแถมยังได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากฝ่ายสหรัฐอเมริกา และประเทศยุโรปตะวันตก และฉะนั้นอิสราเอลก็เป็นเสมือนหนึ่งประเทศด่านหน้าให้กับฝ่ายตะวันตก โดยมีการตั้งฉายาว่า อิสราเอลก็เสมือนเรือบรรทุกเครื่องบินที่ตั้งอยู่บนบกให้กับฝ่ายสหรัฐอเมริกา และพันธมิตรยุโรป เพื่อรักษาผลประโยชน์ต่างๆ ให้
การสงครามก็ถือเป็นเรื่องธรรมดาของสังคมหรือธรรมชาติมนุษย์ และในการสู้รบระหว่างกองกำลังทหารก็มักจะเกิดความเสียหายข้างเคียงต่อประชาชนพลเมือง ซึ่งก็อาจจะอ้างได้ว่า หลีกเลี่ยงไม่ได้ หรือเป็นผลพลอยได้ที่มิอาจจะป้องกันได้อย่างเต็มที่ ซึ่งไม่ว่าอย่างไร สังคมโลกก็มีกติกาว่าด้วยการทำสงคราม ซึ่งต้องคำนึงถึงเรื่องมนุษยธรรมอยู่ตลอดเวลา หากกระทำเลยเถิดไป ก็จะถูกตราหน้าว่าเป็นอาชญากรรมสงคราม (War crimes) หรือการฆ่าล้างมวลมนุษยชาติ (Crimesagainst humanities) เป็นต้น
ตั้งแต่อิสราเอลตั้งขึ้นมาเป็นประเทศก็ต้องผ่านสงครามมามากมาย ทั้งที่ฝ่ายตนเป็นผู้ริเริ่ม หรือทั้งที่ฝ่ายตนเป็นผู้ถูกรุกราน แต่ผลกระทบก็มิได้มีความสาหัสรุนแรงเท่ากับเหตุการณ์สู้รบในช่วงประมาณ 1 ปีที่ผ่านมาตั้งแต่ฝ่ายกองกำลังฮามาสได้เคลื่อนตัวออกจากเขตฉนวนกาซาไปโจมตีฝ่ายอิสราเอล โดยมีผู้เสียชีวิตไปประมาณ 1,200 คน และมีการจับกุมตัวเป็นเชลยกลับไปกาซาประมาณ 250 คน ซึ่งในการนี้ ฝ่ายอิสราเอลก็ได้ตอบโต้อย่างรุนแรง อย่างไม่ลดละ จวบจนบัดนี้ดังที่ทราบกันดีอยู่
ฝ่ายอิสราเอลนั้นอ้างว่า ตนต้องการขจัดกองกำลังฝ่ายฮามาส ซึ่งบัดนี้ได้ขยายไปยังพวกฮิซบอลเลาะห์ที่เลบานอนอีกด้วย แต่การดำเนินการนั้นมิได้ด้วยวิธีการของการเปิดแนวรบแบบสองฝักสองฝ่ายเผชิญหน้าและเข้าประหัตประหารกัน (เป็นเรื่องของทหารต่อทหาร) หากแต่ทว่าฝ่ายอิสราเอลอ้างว่า ฝ่ายกองกำลังฮามาสซุ่มตัวหรือแอบฝังตัวอยู่ในกลุ่มผู้คนชาวบ้านทั่วๆ ไป และฉะนั้นจึงมีความชอบธรรมที่จะยิงปืนใหญ่ ปืนกล หรือทิ้งระเบิดเข้าไปในกลุ่มฝูงชน ที่หลายๆ ครั้งก็จะมีทั้งชาวอาหรับปาเลสไตน์ ฝ่ายผู้อาสาสมัครทางด้านการรักษาพยาบาล และอาสาสมัครดูแลทุกข์สุขในเรื่องมนุษยธรรม ไปจนถึงผู้สื่อข่าวต่างประเทศอีกด้วย จัดได้ว่าเป็นการฆ่าฟันแบบไม่เลือกหน้าและแยกแยะ หรือนัยหนึ่งขอให้ได้ฆ่าฝ่ายกองกำลังฮามาส หรือฮิซบอลเลาะห์แค่ไม่กี่คนก็พอใจแล้ว โดยไม่ต้องไปคำนึงว่า ผู้คนอื่นๆดังกล่าวที่เป็นพลเมืองยากไร้จะล้มตายแค่ใดก็ได้ ซึ่ง 1 ปีที่ผ่านมานี้ชาวอาหรับปาเลสไตน์เสียชีวิตไปแล้ว 42,000 คนบาดเจ็บร่วม 100,000 คน และวันหนึ่งๆ ผู้รอดชีวิตก็ยังต้องดำรงชีวิตแบบอยู่กับดินกินกับทราย แล้วก็สวดมนต์วิงวอนว่า กระสุนหรือระเบิดจะได้ไม่มาถึงตน
แม้ว่าชาวโลกจะเรียกร้องให้มีการหยุดยิง ให้มีการอำนวยความสะดวกในเรื่องการช่วยเหลือในด้านมนุษยธรรมต่างๆ ฝ่ายอิสราเอลก็ไม่ฟังหน้าอินทร์หน้าพรหมใดๆ ทั้งนั้น ด้วยความเชื่อมั่นว่า แสนยานุภาพเท่านั้นที่จะเอาชนะฝ่ายฮามาส และฝ่ายฮิซบอลเลาะห์ได้และทั้งนี้จัดได้ว่าชาวอิสราเอลโดยทั่วไปเห็นดีเห็นงามกับฝ่ายรัฐบาล
ฉะนั้นก็มีคำถามว่า จะปล่อยให้เหตุการณ์เป็นไปอย่างนี้หรือ? ก็เป็นที่ยอมรับกันอย่างแน่นอนว่า ไม่มีประเทศใดจะสามารถเข้าไปเปลี่ยนความคิดอ่านและยุติพฤติกรรมอันโหดร้ายทารุณของฝ่ายอิสราเอลได้เพราะอิสราเอลรบเก่ง แถมยังมีพี่เบิ้มสหรัฐฯ คอยหนุนหลังอยู่ด้วย (ด้วยอำนาจเงินของชาวยิวอเมริกันเหนือนักการเมืองอเมริกัน) แต่สิ่งหนึ่งที่ชาวโลก เช่น ประเทศไทยจะพึงคิดและตัดสินใจได้ก็คือ การลดการข้องแวะกับอิสราเอล เช่น
1.ยุติการซื้ออาวุธจากอิสราเอล
2.ยุติการร่วมมือพัฒนาต่างๆ จนกว่าสันติภาพจะกลับคืนสู่ตะวันออกกลาง
3.ยุติการจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานที่อิสราเอล
4.โน้มน้าวแรงงานไทยที่กำลังอยู่ในอิสราเอลประมาณ 30,000 คน ให้เดินทางกลับสู่ประเทศไทย โดยมีระบบจัดหางานใหม่รองรับ และเงินช่วยเหลือด้านสวัสดิการ ด้วยเหตุผลว่า ความปลอดภัยไม่สามารถจะมีการประกันได้
ในเมื่อวันนี้ อิสราเอลทำตัวเป็นผู้ร้าย ฉะนั้นคนไทยก็ไม่ควรจะไปข้องแวะด้วย หรือนัยหนึ่งคนไทยไม่ควรต้องไปเกื้อกูลอิสราเอลด้วยการทำงานให้ ในขณะที่อิสราเอลโหดร้ายต่อชาวอาหรับปาเลสไตน์
เรื่องนี้รัฐบาลไทยโดยกระทรวงการต่างประเทศไม่ควรนิ่งเฉย และควรคิดอ่านเพื่อรักษาศักดิ์ศรีและเกียรติภูมิของรัฐชาติไทย
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี