เหลืออีกวันเดียว“คดีตากใบ”จะหมดอายุความ 20 ปีในวันที่ 25 ตุลาคมพรุ่งนี้..หลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้ออกมาส่งเสียงกันให้ขรมไปหมด..แม้แต่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ที่มักจะมาแบบตำรวจในหนังไทย..คือมาปรากฏตัวตอนที่เจ้าทรัพย์ตายกันหมดแล้ว และผู้ร้ายหนีไปได้อย่างลอยนวล
กสม.ได้ออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 23 ตุลาคมเมื่อวานนี้..โดยขอให้รัฐบาลเร่งแก้ไขเยียวยาการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงกรณีการสลายการชุมนุมที่ตากใบ..โดยระบุในแถลงการณ์ว่า “ตามที่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า คดีการสลายการชุมนุมที่หน้าสถานีตำรวจภูธรตากใบ จังหวัดนราธิวาส เมื่อปี 2547 จะหมดอายุความในวันที่ 25 ตุลาคม 2567 นี้ โดยระยะเวลาเกือบ 20 ปีที่ผ่านมา ไม่ปรากฏว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องกับเหตุสลายการชุมนุมในครั้งนั้น..ถูกดำเนินคดีจากการกระทำความผิดที่เป็นเหตุให้มีประชาชนเสียชีวิตรวม 85 ราย แต่อย่างใด”
แถลงการณ์ของ กสม.บรรยายความต่อว่า..“การดำเนินคดีที่ล่าช้าและปล่อยปละละเลยจนระยะเวลาล่วงผ่านมาเกือบ 20 ปี เป็นการซ้ำเติมความสูญเสียของครอบครัวและญาติผู้เสียชีวิต ผู้สูญหาย ผู้ได้รับบาดเจ็บ ตลอดจนผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมที่ตากใบอย่างไม่อาจยอมรับได้..การที่กระบวนการยุติธรรมยังไม่สามารถนำตัวคนผิดมาลงโทษ และไม่สามารถทำความจริงให้กระจ่างได้ ถือเป็นการละเมิดต่อสิทธิในกระบวนการยุติธรรมของผู้เสียหาย และเป็นการละเมิดต่อ ‘สิทธิในการรู้ความจริงเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนและศักดิ์ศรีของเหยื่อ’ ตามกติการะหว่างประเทศที่ประเทศไทยได้ให้การรับรอง”
“เสือกระดาษ”ที่คนทั่วไปสบประมาท กสม.เพราะเป็นองค์กรอิสระที่“ไร้น้ำยา”ไม่มีอำนาจให้คุณให้โทษใคร..แต่เป็นเพียงแค่องค์กรอิสระ ซึ่งมีหน้าที่ตรวจสอบและรายงานการกระทำหรือการละเลยการกระทำอันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน..ถ้าหากรายงานไปแล้ว รัฐบาลไม่ปฏิบัติตาม..กสม.ก็ทำอะไรไม่ได้..เปรียบเสมือน“ยักษ์ที่ไร้กระบอง”..โดยได้แสดงท่าทีขึงขังในแถลงการณ์ว่า “กสม.ขอเรียกร้องให้รัฐบาลไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง..ดำเนินการเพื่ออำนวยความยุติธรรมกรณีการสลายการชุมนุมที่ตากใบ”
ข้อเรียกร้องของ กสม.ทั้งหมดมี 3 ข้อ คือ 1) เร่งนำตัวผู้ต้องหาในคดีนี้ทุกรายเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เพื่อมิให้เกิดวัฒนธรรมการลอยนวลพ้นผิด..โดยอาศัยช่องว่างจากการดำเนินคดีล่าช้าและการขาดอายุความของคดี,
2)ให้มีการเยียวยาความเสียหายที่มิใช่เฉพาะตัวเงิน การเยียวยานี้หมายรวมถึงการทำความจริงให้ประจักษ์..โดยญาติและครอบครัวของผู้เสียชีวิตและผู้เสียหายต้องได้รับทราบข้อเท็จจริงอย่างสมบูรณ์และครบถ้วน..อันเป็นการให้ความเคารพในศักดิ์ศรีของเหยื่อและผู้สูญเสีย
3)ผลักดันแก้ไขกฎหมายให้คดีที่เจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงจนเป็นเหตุให้ประชาชนจำนวนมากเสียชีวิต เช่นคดีตากใบ เป็นคดีที่ไม่มีอายุความ
ในท้ายแถลงการณ์ของ กสม.ฉบับนี้ ระบุว่า “กสม. หวังว่าในโอกาสที่รัฐบาลไทยได้รับเลือกให้ปฏิบัติหน้าที่สำคัญ..คือ การเป็นสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (United Nations Human Rights Council – HRC) วาระปี 2568 – 2570 รัฐบาลจะได้ให้ความสำคัญกับการอำนวยความยุติธรรม..และการเยียวยาความเสียหายกรณีการสลายการชุมนุมที่ตากใบในทุกรูปแบบอย่างจริงจังและเร่งด่วน..โดยไม่ปล่อยให้ประชาชนผู้เสียหายได้รับความไม่เป็นธรรม..และหมดความหวังต่อกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย”
แต่อย่างไรก็ตาม..ถึง กสม.จะมาตอนหนังใกล้จะจบในวันพรุ่งนี้..ก็ยังถือว่ามาส่งเสียงให้รู้ว่า..องค์กรอิสระแห่งนี้ที่ตั้งขึ้นมาตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540..ยังมีตัวตนและได้แสดงบทบาทไปตามหน้าที่ที่มีอยู่
คดีตากใบนี้มีอยู่ 2 คดีที่จะหมดอายุความในวันที่ 25 ตุลาคมพรุ่งนี้
คดีแรกสั่งฟ้องโดยสำนักงานอัยการสูงสุดเมื่อวันที่12 กันยายน 2567 ฐานความผิด“ร่วมกันฆ่าผู้อื่น”..มีผู้ต้องหา 8 คน..ทั้งนี้ 7 คน เป็นเจ้าหน้าที่ระดับผู้ปฏิบัติที่เป็นพลขับและผู้ควบคุมขบวนรถ..ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตแบบ“ตายทั้งเป็น”จากการขาดอากาศหายใจบนรถ78 ศพ..โดยมีระดับนายทหารชั้นผู้ใหญ่เพียงคนเดียวที่เป็นผู้ต้องหาในคดีนี้
ผู้ต้องหา 8 คนที่สำนักงานอัยการสูงสุดสั่งฟ้อง และเวลานี้หลบหนีหายเข้ากลีบเมฆไปทั้งหมด..ประกอบด้วย พล.อ.เฉลิมชัย วิรุฬห์เพชร อดีตผู้บัญชาการ พล.ร.5 ผู้ต้องหาที่ 1, ร.ต.ณัฐวุฒิ เลื่อมใส ผู้ต้องหาที่ 2, นายวิษณุ เลิศสงคราม ผู้ต้องหาที่ 3, ร.ท.วิสนุกรณ์ ชัยสาร รน.ผู้ต้องหาที่ 4, นายปิติ ญาณแก้ว ผู้ต้องหาที่ 5, พ.จ.ต.รัชเดช หรือ พิทักษ์ ศรีสุวรรณ รน.ผู้ต้องหาที่ 6, พ.ท.ประเสริฐ มัทมิฬ ผู้ต้องหาที่ 7 และร.ท.ฤทธิรงค์ พรหมฤทธิ์ ผู้ต้องหาที่ 8
อีกคดีหนึ่ง ฟ้องโดยญาติพี่น้องของผู้เสียชีวิต 78 ศพ และศาลจังหวัดนราธิวาสประทับรับฟ้องเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2567 ซึ่งมีจำเลยทั้งหมด 7 คนเป็นระดับนายทหาร นายตำรวจ และข้าราชการฝ่ายปกครองระดับสูง..โดยจำเลยทั้งหมดหลบหนีคดีหายตัวไปแล้วเช่นกัน
จำเลย 7 คนที่ว่านี้ ซึ่งมีความผิดฐาน“ร่วมกันฆ่าผู้อื่น, ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น, ร่วมกันทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงเเก่ความตาย และหน่วงเหนี่ยวกักขังเป็นเหตุให้ถึงเเก่ความตาย” ประกอบด้วย พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี อดีตแม่ทัพภาค 4 , พล.อ.เฉลิมชัย วิรุฬห์เพชร (โดนทั้งสองคดี), พล.ต.อ.วงกต มณีรินทร์ อดีต ผอ.ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติส่วนหน้า, พล.ต.ท.มาโนช ไกรวงศ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9, พล.ต.ต.ศักดิ์สมหมาย พุทธกุล อดีตผู้กำกับ สภ.อ.ตากใบ, นายศิวะ แสงมณี อดีตรองปลัดกระทรวงมหาดไทย และนายวิชม ทองสงค์ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส
สรุป-ถ้าพูดตามสำนวนอดีตนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร ที่ปากยังเหม็นมาจนกระทั่งทุกวันนี้..ก็ต้องบอกว่า“ร้อยบาทเอาขี้หมากองเดียว” ถ้าตำรวจจับผู้ต้องหาและจำเลยคดีตากใบทั้งหมดมาได้ทันในวันพรุ่งนี้!
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี