สองเดือนก่อน จิมมี่ คาร์เตอร์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ วัย 99 ปี (ดำรงตำแหน่ง พ.ศ. 2522-2525) ซึ่งสุขภาพกำลังอยู่ในช่วงระยะสุดท้ายของชีวิตตามกฎธรรมชาติ ประกาศว่าจะขอพยายามอยู่ให้ได้จนอายุถึง 100 ปี กับอีก 15 วัน (คาร์เตอร์ เกิดวันที่ 1 ตุลาคม 2467) หรือจนถึงวันที่ 15 ตุลาคม 2567 อันเป็นวันที่กฎหมายเลือกตั้งรัฐจอร์เจียอนุญาตให้ชาวจอร์เจียน (Georgian) เริ่มใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าได้ เและเมื่อสิบวันที่แล้ว อดีตประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครตผู้นี้ก็ได้ลงคะแนนเลือกตั้งผ่านทางไปรษณีย์ให้กับ กมลา แฮร์รีส สมความตั้งใจ
ประเด็นที่น่าสนใจ ก็คือ ถ้า จิมมี่ คาร์เตอร์ เสียชีวิตไปก่อน วันที่ 5 พฤศจิกายน ซึ่งเป็นวันเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ บัตรเลือกตั้งของเขาจะเป็นบัตรเสีย หรือไม่....
.......ย้อนกลับไป.... เมื่อสี่ปีก่อน ในกันยายน 2563 หรือหนึ่งเดือนกว่า ก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐครั้งที่แล้ว เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2563 ระหว่างโจ ไบเดน กับ โดนัลด์ทรัมป์
แอมเบอร์ ฟลูกโฮฟท์ (Amber Pflughoeft)หญิงสาวอายุ 20 ปี จากเมืองเวสต์ เบนด์ รัฐวิสคอนซิน ได้มีโอกาสใช้สิทธิออกเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีเป็นครั้งแรกในชีวิต ด้วยวิธีการลงคะแนนทางไปรษณีย์ โดยก่อนที่แอมเบอร์จะกากบาทเลือกใครนั้น เธอได้ทำการบ้านศึกษาข้อมูลแคนดิเดตทั้งสองในเว็บไซต์ของทั้งทรัมป์และไบเดนเพื่อประกอบการตัดสินใจ รวมไปถึงแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับกลุ่มเพื่อนของเธอผ่านทางออนไลน์
อย่างไรก็ตาม แอมเบอร์ ไม่มีโอกาสทราบได้ว่า.....คนที่เธอลงคะแนนให้นั้น ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดี หรือไม่.....เพราะภายหลังจากที่ส่งบัตรเลือกตั้งทางไปรษณีย์ได้เพียงไม่กี่วัน แอมเบอร์ก็เสียชีวิตลงด้วยโรคมะเร็งกระดูกที่เธอต้องต่อสู้กับมันมาตั้งแต่อายุ 10 ขวบ และต่อมา ทิฟฟานี่ฟลูกโฮฟท์ แม่ของแอมเบอร์ก็พึงมาทราบว่า บัตรลงคะแนนของลูกสาวเธอต้องกลายเป็นบัตรเสียไป.....
เช่นเดียวกับ มาร์วิน ธีลแมน (Marvin Thielman) ชาวเมือง Chilton วัย 84 ปี จากรัฐวิสคอนซิน ได้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ภายหลังจากที่ได้ส่งบัตรลงคะแนนผ่านทางไปรษณีย์ไปเรียบร้อยแล้วยังไม่ถึงหนึ่งเดือนดี
มาย์เร้ด ธีลแมน ภรรยาของมาร์วิน บอกว่า....สามีของเธอนั้น ลงคะแนนให้ทรัมป์ทางไปรษณีย์ ก่อนที่จะติดเชื้อโควิด-19 ในเวลาต่อมา แต่มาร์วินก็ไม่เคยโทษทรัมป์เลย ในเรื่องที่ไม่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดอย่างหนักของโควิด-19 ในสหรัฐได้ ตลอดระยะเวลา 3 อาทิตย์ที่เขานอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลจนกระทั่งเสียชีวิต
ภายใต้กฎหมายเลือกตั้ง รัฐวิสคอนซิน แอมเบอร์และมาร์วินเป็นหนึ่งในจำนวนอีกหลายร้อยคนที่เสียงของพวกเขาไม่ได้ถูกนำไปนับ เพราะพวกเขาเสียชีวิตไปก่อนที่จะถึงวันเลือกตั้งจริง ถึงแม้ว่าบัตรเลือกตั้งที่ส่งทางไปรษณีย์ของพวกเขาจะถึงมือคณะกรรมการการเลือกตั้ง รัฐวิสคอนซินแล้วก็ตาม
ในสหรัฐ มีอย่างน้อย 15 รัฐ ที่กฎหมายเลือกตั้งของรัฐนั้นๆ ไม่อนุญาตให้นำคะแนนจากบัตรเลือกตั้งล่วงหน้าของผู้ใช้สิทธิที่เสียชีวิตไปก่อนที่จะถึงวันเลือกตั้งจริงมานับด้วย เช่น วิสคอนซิน มิชิแกน เพนซิลเวเนีย ไอโอวา นอร์ทแคโรไลน่า เป็นต้น ซึ่งรัฐเหล่านี้ล้วนเป็น swing states หรือ หรือรัฐที่คาดเดาได้ยากว่าใครจะชนะ เพราะคะแนนของทั้งสองพรรคนั้นจะใกล้เคียงกันมากในการเลือกตั้งทุกครั้งที่ผ่านมา
หลักคิดในกฎหมายเลือกตั้งของรัฐเหล่านี้ในประเด็นดังกล่าว ตั้งอยู่บนฐานคิดที่ว่า....วันเลือกตั้ง ก็คือ วันเลือกตั้ง ถ้าผู้ใช้สิทธิไม่ได้มีชีวิตอยู่ในวันเลือกตั้ง (ถึงแม้จะได้ใช้สิทธิลงคะแนนล่วงหน้าไปแล้วก็ตาม) ก็ถือว่าบุคคลนั้น ไม่มีตัวตนไปแล้ว ในวันที่ถูกกำหนดให้เป็นวันเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ.......
ขณะที่มีอย่างน้อยอีก 12 รัฐ ที่กฎหมายเลือกตั้งของรัฐ อนุญาตให้นำคะแนนจากบัตรเลือกตั้งล่วงหน้าของผู้ใช้สิทธิที่เสียชีวิตไปก่อนที่จะถึงวันเลือกตั้งจริงมานับด้วย เช่น อริโซน่า ฟลอริด้าโอไฮโอ จอร์เจีย แมสซาชูเซตส์ แมรี่แลนด์ เทนเนสซี เป็นต้น โดยกฎหมายเลือกตั้งของรัฐเหล่าตั้งอยู่บนอีกฐานคิดหนึ่งคือ....บุคคลเหล่านี้ได้มีโอกาสใช้สิทธิเลือกตั้งไปแล้ว ดังนั้น คะแนนเสียงของเขาย่อมต้องถูกนับรวมเข้าไปด้วย (ถึงแม้ต่อมาผู้ใช้สิทธิเหล่านี้จะเสียชีวิตไปแล้วก็ตาม).....
ส่วนกฎหมายเลือกตั้งในอีก 20 กว่ารัฐที่เหลือนั้น ไม่ได้ระบุไว้อย่างชัดเจนว่าทำได้หรือไม่
โดยก่อนหน้านั้น ทั้งแอมเบอร์และทิฟฟานี ฟลูกโฮฟท์ ไม่เคยรู้ว่าก่อนเลยว่า บัตรลงคะแนนของแอมเบอร์จะกลายเป็นบัตรที่ไม่ได้ถูกนำมานับคะแนนด้วย ทิฟฟานีเล่าว่า....สองวันก่อนที่จะเสียชีวิต แอมเบอร์ได้บอกกับหมอและพยาบาลทุกคนที่ดูแลเธอว่า…. “ฉันได้ใช้สิทธิลงคะแนนออกเสียงเลือกตั้งไปเรียบร้อยแล้วนะ”
เช่นเดียวกับ ครอบครัวธีลแมน ที่เป็นแฟนพันธุ์แท้ของโดนัลด์ ทรัมป์ มาย์เร้ดได้เล่าว่า.....การลงคะแนนครั้งนี้มีความสำคัญสำหรับสามีเขามาก มาร์วินได้ย้ำกับฉันตลอดเวลาว่าให้ส่งบัตรลงคะแนนเสียงไปทางไปรษณีย์ให้เรียบร้อยก่อนที่จะพาเขามารักษาตัวที่โรงพยาบาล....
ลินดา รูส-ไวส์ ชาวมลรัฐวิสคอนซินอีกคนหนึ่งเล่าให้ฟังว่า....แม่ของเธอ มาริออง รูส-ไวส์(Marion Roos-Weis) พึ่งเสียชีวิตไปเมื่อต้นเดือนตุลาคมนี้เอง ในวัย 86 โดยก่อนหน้านั้น บัตรเลือกตั้งล่วงหน้าทางไปรษณีย์ของมาริอองถูกวางแช่อยู่บนโต๊ะของเธออยู่หลายสัปดาห์ตลอดทั้งเดือนกันยายน เพราะมาริอองไม่สามารถตัดสินใจได้ว่าจะเลือกใครดี ด้วยเหตุที่ว่าเธอเป็นรีพับลิกันและเลือกพรรคนี้มาโดยตลอด แต่ภายใต้การบริหารงานของทรัมป์ตลอดสี่ปีที่ผ่านมา ก็ทำให้มาริอองไม่สามารถยอมรับพฤติกรรมของผู้นำคนนี้ได้อีกเช่นกัน
สุดท้าย ในต้นเดือนตุลาคม มาริอองตัดสินใจกากบาทในบัตรลงคะแนนเสียงพร้อมกับส่งไปทางไปรษณีย์หลังจากนั้นอีกไม่กี่วันเธอก็เสียชีวิตลง ลินดาเล่าว่า....มาริอองไม่ได้บอกว่าสุดท้ายแล้วเธอตัดสินใจเลือกใคร แต่ลินดาเชื่อว่า แม่ของเธอเลือกโจ ไบเดน....ลินดายังคิดว่า ถ้ามาริอองรู้ว่าบัตรของเธอจะไม่ได้ถูกนำไปนับคะแนนด้วย มาริอองอาจจะยังไม่ต้องการรีบด่วนจากไป เพราะคงต้องการให้หนึ่งเสียงของเธอมีประโยชน์ ไม่เสียไปเปล่า ๆ แต่ต้องถูกนำไปนับด้วย เป็นหนึ่งเสียงที่มีส่วนในการเปลี่ยนแปลงประเทศ
ในทางตรงกันข้ามกับจิตวิญญาณประชาธิปไตยของ จิมมี่ คาร์เตอร์, แอมเบอร์, มาร์วิน หรือ มาริออง
โทนี่ ชายไทยวัย 50 ต้นๆ ผู้ได้สัญชาติอเมริกันด้วยการจ้างคนลาวสัญชาติอเมริกันแต่งงานด้วย ก็ได้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ เป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปี เพียงเพื่อต้องการที่จะมาป่าวประกาศในโซเชียลมีเดียให้โลกได้รับรู้ว่า ....ฉันได้ไปใช้ลงคะแนนเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ มาแล้ว...
ขณะที่ แนน หญิงไทยวัย 20 ปลายๆที่ได้สัญชาติอเมริกันจากการแต่งงานกับคนอเมริกัน ก็เลือกที่จะไม่ไปใช้สิทธิ ด้วยเหตุผลที่ว่า……ไม่รู้จะเลือกไปทำไม เลือกไปก็เท่านั้น เพราะในรัฐแคลิฟอร์เนีย ยังไงเสีย โจ ไบเดน หรือพรรคเดโมแครตก็ชนะอยู่วันยังค่ำ……
ครับ....ในทางทฤษฎีแล้ว ทุกคนล้วนมีหนึ่งคน หนึ่งเสียงเท่ากัน แต่ในขณะเดียวกัน...ระดับความเป็นประชาธิปไตยของแต่ละสังคมก็สามารถวัดได้จากความแตกต่าง ระหว่างคะแนนเสียงของโทนี่หรือแนน กับ คะแนนเสียงของผู้จากไปแล้วอย่าง แอมเบอร์, มาร์วิน และมาริออง....ด้วยเช่นกัน
ดร.ธิติ สุวรรณทัต
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี