สังคมที่จะบังเกิดความสงบสุข และมีสันติภาพที่ยั่งยืนสถาพร ต้องมีพื้นฐานสำคัญมาจากความยุติธรรมในสังคม นั่นคือสมาชิกทุกคนในสังคมต้องได้รับความยุติธรรมอย่างเสมอหน้าและเท่าเทียมกัน หรืออาจจะพูดได้ว่าเป็นสังคมแห่งนิติรัฐ นิติธรรม คือสังคมที่คนทุกคนต้องอยู่ใต้การบังคับของกฎหมายโดยเสมอหน้า เท่าเทียมกัน ไม่มีใครได้รับอภิสิทธิ์เหนือกว่าหรือมากกว่าใคร คำถามคือเมื่อคุณๆ อ่านย่อหน้านี้จบแล้ว คุณคิดว่าสังคมไทยเป็นสังคมแห่งความเท่าเทียมกันในเชิงกฎหมาย จริงหรือไม่ แล้วที่สำคัญคือคุณเป็นคนที่นิยมความเป็นอภิสิทธิ์ชนมากกว่าชื่นชมและศรัทธาในความเท่าเทียมกันใช่หรือไม่
สังคมไทยถูกตั้งคำถามมาโดยตลอดว่าสมาชิกทุกคนของสังคมได้รับการปฏิบัติอย่างเสมอเหมือนและเท่าเทียมกัน จริงหรือ แม้ว่าสังคมของเราจะมีหลักสิทธิมนุษยธรรม มีคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน มีกฎหมายคุ้มครองป้องกันและดูแลสิทธิเสรีภาพของประชาชน แต่ในความเป็นจริงแล้ว สมาชิกของสังคมไทยทุกคนได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียม จริงหรือ เราได้ยินข้ออ้างเรื่องหลักนิติธรรม และความเป็นนิติรัฐ รวมถึงหลักธรรมาภิบาลมาโดยตลอด แต่คำถามคือ คำอ้างในเรื่องดังกล่าวเป็นความจริงหรือ มีสิ่งเหล่านั้นจริงๆ ในสังคมไทยหรือ
แน่นอนว่าความขัดแย้งในสังคมมนุษย์นับเป็นเรื่องธรรมดาสามัญ และนับเป็นเรื่องปกติของสังคมที่มีคนอาศัยอยู่ร่วมกันเป็นจำนวนมาก แต่สังคมที่เจริญแล้วต้องมีกลไกขจัดความขัดแย้งของเหล่าสมาชิก โดยกลไกนั้นต้องทำให้สมาชิกทุกคนของสังคมยอมรับโดยไม่มีข้อสงสัยว่าใครคนใดคนหนึ่งในหมู่สมาชิกได้รับเอกสิทธิ์หรืออภิสิทธิ์เหนือใครหรือไม่ โดยเฉพาะต้องมีกระบวนการรับรองความยุติธรรมของสังคมให้กับสมาชิกทุกคนโดยปราศจากข้อสงสัย คำถามก็คือ แล้วสังคมไทยมีเรื่องเหล่านี้จริงๆ หรือ
ทำไมเราจึงยังคงพบเจอว่าในสังคมไทยมีการเล่นพรรคเล่นพวก ข่มเหงกัน รังแกกัน ทำไมเราจึงยังพบเป็นประจำว่าคนบางกลุ่มสามารถกอบโกยผลประโยชน์เข้าตัวเองได้อย่างมหัศจรรย์ แต่เป็นความมหัศจรรย์ที่ไม่อยู่บนฐานของความซื่อสัตย์สุจริต ไม่ถูกทำนองคลองธรรม ไม่ถูกหลักกฎหมาย แต่เหตุใดเขาเหล่านั้นจึงมีอภิสิทธิ์เหนือคนอื่นๆ อีกมากมายในสังคมไทย
เราไม่ถามว่าทำไมเด็กบางคนจึงเกิดในครอบครัวที่มั่งคั่งร่ำรวยล้นฟ้า แต่เราจำเป็นต้องถามว่า การที่ครอบครัวนั้นร่ำรวยล้นฟ้าท่วมดิน มันเกิดมาจากเหตุปัจจัยใด เกิดมาจากการทำมาหากินโดยซื่อสัตย์สุจริต หรือเกิดมาจากการได้รับอภิสิทธิ์ในการสั่งสมความมั่งคั่ง เราไม่รังเกียจคนที่ทำมาหากินโดยสุจริต แต่เรารังเกียจการที่ผู้มีอำนาจรัฐ และอำนาจทุนมีพฤติกรรมเล่นพรรคเล่นพวก ฉ้อฉล สมคบคิดร่วมกันโกงบ้านกินเมือง แล้วเราก็ยิ่งรู้สึกรังเกียจการที่คนกลุ่มดังกล่าวทำผิดกฎหมาย แต่ทว่าไม่ถูกลงโทษตามหลักกฎบ้านกบิลเมือง ทำผิดแล้วไม่ต้องรับผิด กฎหมายไม่สามารถเอาผิดกับคนทำผิดได้การที่สังคมใดก็ตามมีผู้กระทำผิด แต่ผู้ทำผิดไม่ต้องรับผิด สังคมนั้นก็ไม่ต้องถามหาความยุติธรรม เมื่อไม่มีความยุติธรรมก็ไม่ต้องแสวงหาความสงบสุข และความสันติสุข
ถามอีกทีว่าทุกวันนี้คนส่วนใหญ่ของประเทศนี้ได้รับความยุติธรรมโดยเสมอหน้ากันจริงหรือ คุณเคยถูกตำรวจปฏิเสธการรับแจ้งความร้องทุกข์หรือไม่ เคยถูกตำรวจรีดไถหรือไม่ ถูกรีดไถทั้งๆ ที่คุณมั่นใจว่าคุณทำมาหากินด้วยความสุจริต คุณต้องตอบตัวเองให้ชัดว่าที่คุณทำมาหากินอยู่นั่นเป็นการทำมาหากินที่สุจริตจริงๆ หากคุณมั่นใจว่าคุณไม่ได้ทำสิ่งใดผิดกฎหมาย แล้วคุณถูกตำรวจรีดไถ ก็ต้องถามต่อไปว่าแล้วทำไมคุณจึงต้องยอมให้ตำรวจรีดไถนอกจากตำรวจแล้ว คุณเคยถูกข้าราชการสังกัดอื่นๆรีดไถหรือไม่ เช่น ข้าราชการกรมสรรพากร กรมสรรพสามิต กรมเจ้าท่า กรมศุลกากร และต้องถามด้วยว่าคุณเคยถูกนักการเมืองรีดไถกรรโชกทรัพย์หรือไม่ เคยถูกทนายความร่วมมือกับตำรวจกรรโชกทรัพย์หรือไม่ แล้วเมื่อคุณต้องขึ้นโรงขึ้นศาล คุณเคยถูกบุคคลในกระบวนการยุติธรรม ในกระบวนการศาลรีดทรัพย์ กรรโชกทรัพย์จากคุณหรือไม่
หากคนไทยและคนชาติอะไรก็ตามที่อยู่ในสังคมไทยยังต้องเจอกับปัญหาดังที่กล่าวในย่อหน้าข้างบน ก็แสดงว่าไม่มีความยุติธรรมที่แท้จริงในสังคมไทย ใช่หรือไม่ คำตอบคือใช่ แต่คำถามต่อมาคือ แล้วทำไมจึงยังเกิดความไม่ปกติดังกล่าวในสังคมไทย ทั้งๆ ที่เรื่องเลวร้ายเหล่านั้นน่าจะหมดไปจากสังคมไทยตั้งนานแล้ว คำตอบคือ เพราะว่าคนไทยจำนวนหนึ่งยังรับได้ ทนได้ และไม่ปฏิเสธความเป็นอภิสิทธิ์ชน และชอบความได้เปรียบเหนือบุคคลอื่นๆ ทั้งๆ ที่ปากก็พล่ามว่ารักความเสมอภาค ความเท่าเทียม และความยุติธรรม
เรามีรัฐบาลที่พล่ามตลอดเวลาว่าส่งเสริมความยุติธรรม และเคารพสิทธิมนุษยชน แต่ในความเป็นจริงเราก็พบมาโดยตลอดว่าเมื่อเกิดคดีร้ายแรขั้นวิกฤตในสังคมไทย กลับไม่เคยพบว่าจะบังเกิดความจริงความยุติธรรมบนแผ่นดินไทย ไม่ว่าจะเหตุมหาวิปโยค14 ตุลาฯ เหตุการณ์ล้อมฆ่าประชาชน 6 ตุลาฯ เหตุการณ์พฤษภาทมิฬ จนกระทั่งมาถึงเหตุโศกนาฏกรรมกรือเซะ และตากใบ เราก็ยังคงเวียนวนอยู่ในสถานการณ์ที่ยังไม่พบไม่เจอความยุติธรรม ทั้งๆ ที่เรามีกระทรวงยุติธรรม มีคณะนิติศาสตร์ในมหาวิทยาลัยเกือบทุกแห่ง แต่สังคมไทยก็ยังคงหาความยุติธรรมไม่พบ เมื่อเป็นแบบนี้ก็ไม่ต้องหวังว่าจะบังเกิดความสงบสุข ความสมานฉันท์ ความสามัคคี และสันติสุขที่แท้จริงบนแผ่นดินไทย วันนี้คนไทยบางคนอาจยังไม่สำเหนียกในเรื่องนี้ ต้องรอให้เขาเหล่านั้นเผชิญกับความไม่ยุติธรรมด้วยตัวเอง แล้วเขาจะประจักษ์แจ้งว่าสังคมไทยหาความยุติธรรมได้ยากเย็นเสียเหลือเกิน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี