“บุคคลแนวหน้า ใน หนังสือพิมพ์แนวหน้า, แนวหน้าออนไลน์ /- www.naewna.com สื่ออุดมการณ์มั่นคง ตรงไป ตรงมา” ฉบับนี้ “ไม้หน้าสามขยายโลกทัศน์ที่แคบให้กว้าง ย่อโลกทัศน์ที่กว้างให้แคบ ทำความจริงให้ปรากฏ ให้สังคมไทยรู้เท่าทันเล่ห์ทันเหลี่ยม นักการเมืองเสียชาติเกิด, นักเลือกตั้งชังชาติ, ส่ำสัตว์ติ่งสัมภเวสี สลิ่มติ่งแดงด้อมส้ม, สิ่งมีชีวิตสนตะพายเทียมคันไถทำการเกษตร อย่างเท่าเทียม”...
nn “เกาะกูดเป็นของไทย”... บิ๊กอ้วน/สหายใหญ่ - ภูมิธรรม คำรามลั่นประวัติศาสตร์เปลี่ยนแปลงไม่ได้ อย่าปลุกกระแสชาตินิยม /- คลั่งชาติ ปัดข่าวเขมรขอแบ่ง” อย่างนั้นจริงหรือ เรื่องเกาะกูดเป็นของไทยนั้นชัดเจนตั้งแต่ยุคล่าอาณานิคม เช่นเดียวกับข่าวเขมรขอแบ่ง ทว่าถ้าผู้หลักผู้ใหญ่บ้านเราเสนอหน้าไปเจรจาตกลงแบ่งปันผลประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ
ใต้ทะเลพื้นที่ทับซ้อนล่ะ!! มีมูลบ้างหรือไม่...
nn ใช่นโยบายเร่งด่วนข้อสามของรัฐบาลสืบสันดานหรือไม่ ที่ว่าจะเร่งออกมาตรการเพื่อลดราคาค่าพลังงานและสาธารณูปโภค ปรับโครงสร้างราคาพลังงานควบคู่กับการเร่งจัดทำ ปรับปรุงกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง รวมถึงเจรจาความกับประเทศเพื่อนบ้านบนพื้นที่ทับซ้อนที่มีแหล่งทรัพยากรพลังงานทางธรรมชาติจำนวนมหาศาลอยู้ใต้ทะเล ตาม MOU 44 (เอ็มโอยู 2544) ที่จัดทำขึ้นระหว่างรัฐบาลสองประเทศที่เกี่ยวโยงสัมพันธ์ลึกซึ้งจากการลงนามของ “สุรเกียรติ์ เสถียรไทย” เสนาบดีบัวแก้วขณะนั้นกับ ซก อัน รัฐมนตรีอาวุโสและประธานปิโตรเลียมกัมพูชาด้วยใช่หรือไม่ และนี่คืออาการ “สันหลังหวะ หรือชนักติดหลัง” จนต้อง “ตีปลาหน้าไซ ... สร้างวาทกรรมประดิษฐ์ /- ชาตินิยม - คลั่งชาติ” กลบกระแสความคิดเห็นสังคมไทยที่ตื่นระวังอย่างตระหนักกดดันนักการเมืองขายชาติขายแผ่นดิน” อย่างไม่ตื่นตระหนก...
nn “ไม้หน้าสาม” ตอกย้ำอีกครั้ง ข้อเท็จจริงตาม MOU 44 (เอ็มโอยู 2544) ระบุว่า “บันทึกข้อตกลง หรือ MOU 44 กำหนดกรอบในการเจรจาให้ปรับเส้นเขตไหล่ทวีปให้เป็นไปตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศเฉพาะในส่วนพื้นที่ทับซ้อนส่วนบนเท่านั้น แต่พื้นที่ทับซ้อนส่วนล่างไม่ต้องมีการเจรจาปรับเส้นเขตไหล่ทวีปแต่อย่างใด โดยให้ใช้เป็นพื้นที่พัฒนาร่วม และยังกำหนดให้การดำเนินการสำหรับพื้นที่ทับซ้อนทั้งสองส่วนมีลักษณะที่ไม่แบ่งแยกออกจากกัน ทำให้ในบริเวณพื้นที่ทับซ้อนส่วนล่างจะเหลือน้อยลงจากเดิมอย่างมากในทางที่เป็นคุณประโยชน์ต่อไทย ถ้ากระทำเยี่ยงนี้หลีกไม่ได้ถ้าจะเกิดกระแสชาตินิยม /- คลั่งชาติ เหมือนครั้ง “คดีปราสาทเขาพระวิหาร”...
nn “คดีปราสาทเขาพระวิหารที่คงต้องลากคอนักการเมืองติ่งระบอบทักษิณที่ชื่อ “นพดล ปัทมะ” รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ครั้งที่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ลงนามในแถลงการณ์ร่วมยินยอมให้เขมรขึ้นทะเบียน “ปราสาทเขาพระวิหารเป็นมรดกโลก” ฝ่ายเดียว ทั้งที่ไทยสงวนสิทธิ์ไว้ว่าจะอุทธรณ์ และทางขึ้นอยู่ฝ่ายเรา ถ้าขึ้นร่วมยังดีกว่ายินยอมรับว่าปราสาทเป็นของเขา ทำ “สังคมไทย” อึ้งทั้งประเทศ บทเรียนเยี่ยงนี้ “สหายใหญ่” ยังจะสำรอกสำรากประดิษฐ์วาทกรรมชาตินิยม/-คลั่งชาติอีกงั้นหรือ??!!ในเมื่อ “ประเทศสารขัณฑ์” ไม่มีอะไรที่ “ติ่งสัมภเวสีในระบอบทักษิณ” ทำไม่ได้ คดีตากใบ ยังแค่พูดว่า “คดีหมดอายุความทุกอย่างจบ” สุดยอดไหม สิ้น..!!ป่าว...
nn “นพดล ปัทมะ” ถูก “รสนา โตสิตระกูล กับ สมชาย แสวงการ” ฟ้องลากคอเป็นจำเลยกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 คดีนี้สู้กันนานกว่า “ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง” จะมีคำพิพากษาด้วยมติ 6 ต่อ 3 ยกฟ้อง “นพดล” ไม่มีความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 โดยให้เหตุผลว่า จำเลยไม่ได้มีเจตนาการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ การลงนามแถลงการณ์ร่วมดังกล่าวมีความสมเหตุสมผลถูกต้องตามสถานการณ์ ไม่กระทบต่อสิทธิทางเขตแดนและการทวงคืนเขาพระวิหารในอนาคต ... เหตุว่าแถลงการณ์ร่วมไม่ใช่หนังสือสัญญาหรือสนธิสัญญา...
nn น่าจะเป็นข่าวดีเรื่องแรกของประเทศไทยหลังจาก “พรรคเพื่อไทย” เข้ามาบริหารประเทศ กระทั่ง “พ่อจุ้นจ้าน /- นักโทษเด็ดขาดชายคดีอุบาทว์ทุจริตคอร์รัปชั่นโกงบ้านกินเมืองฉ้อฉลเงินแผ่นดิน /- ทักษิณ ชินวัตร” ล้วงท้องเรือร่วมรัฐบาลคว้า “ก้อนเลือดสปีชี่ตนเอง” มาฝึกงานนั่งเป็นนายกรัฐมนตรีสืบสันดาน ล่าสุดมีรายงานว่า “ไทย” กลับมาเสนอหน้าบนเวทีโลกอีกครั้งได้รับสถานะ 1 ใน 13 พันธมิตรของกลุ่ม BRICS นำเสนอข่าวดีไม่ได้หมายความว่านี่คือฝีมือบริหารประเทศจนต่างชาติเอ็นดูดอกหนา ความเชื่อมั่นจากประชาคมโลกมาจากศรัทธาที่ต้องสร้างไม่ใช่ด้วยการเคลมผลงานรัฐบาลอื่นมาซี้ซั้วโมเมว่าประชาคมโลกยอมรับรัฐบาลที่บริหารประเทศในปัจจุบันก็ระดับ “มร.แอนโทนี่ บลิงเคน รมว.ต่างประเทศสหรัฐ” ยังเผือก!!ถามหาเหตุผล ทำไมไทยถึงยื่นใบสมัคร เวทีนี้...
nn “ไม้หน้าสาม” ปักหมุดตอกย้ำตรงนี้เลยจริงแล้วมีการจัดประชุมระดับผู้นำระหว่างกลุ่มประเทศ BRICS กับกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนา (Leaders’ Meeting of the BRICS Member Countries in the Outreach/BRICS Plus Format) หรือ BRICS Plus Summit ในวันที่ 24 ต.ค. 2567 ณ เมืองคาซาน รัสเซีย “ราชอาณาจักรไทย” ในฐานะชาติที่สมัครเข้าเป็นสมาชิกบริกส์ ได้รับคำเชิญเข้าร่วมประชุม จาก “วลาดีมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย” ทว่า “นักการเมืองฝึกงาน /- นายกรัฐมนตรีสืบสันดาน อย่างมาดามแพ-แพทองธาร ชินวัตร” เลือกที่จะไม่ไปร่วมการประชุม อุ๊งอิ๊งค์ไม่ได้เดินทางไปเอง แค่ส่ง “มาริษ เสงี่ยมพงษ์” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เดินทางเข้าร่วมประชุมแทน ... จะเพราะไม่มั่นใจความสามารถของ “ไอแพด” ในพื้นที่ประเทศรัสเซีย ไม่มั่นใจว่าจะสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ตรงเป๊ะอย่างที่เคยให้สัมภาษณ์หรือไม่...
nn ทิ้งท้าย “ไม้หน้าสาม”แค่อยากเตือนสติปราชญ์การเมืองผู้ปราดเปรื่อง “จำไว้ว่า โลกนี้ไม่ได้มีแค่เราและเราไม่ได้อยู่เพียงลำพัง โลกนี้มีคนมากมาย มีหลากหลายความคิด คิดเหมือนเราเเละคิดต่างจากเรา ในขณะที่เรานั่งเกลียดคนนั้นคนนี้ มันก็มีคนเกลียดเเละไม่ชอบขี้หน้าเราเหมือนกัน ... บางครั้งรถที่เราไม่ชอบ ยังมีคนซื้อมาขับมากมาย ฉันใดคนที่เราไม่พอใจ ...ก็ยังมีอีกหลายคนชื่นชมเขา เช่นเดียวกันร้านอาหารที่เราบอกไม่อร่อย ทว่ามีคนคอยต่อคิวกินเยอะแยะ กระเป๋าที่แพงมีเงินอย่างเดียวซื้อไม่ได้ มีคนมากมายสั่งจองข้ามปีอะไรๆ ที่ไม่ถูกใจเรา มันมีคนอื่นที่ชอบมันอย่าเอาความรู้สึกเราไปตัดสินใคร และ อย่าไปคิดว่าใครจะต้องคิดแบบเดียวกับเรา6+3 = 9 แต่ 5+4 = 9 “ผลลัพธ์เท่ากัน” การเคลื่อนไหวการเจรจาตกลงผลประโยชน์บนพื้นที่ทับซ้อน ไม่ได้หมายความว่า ชาตินิยม - คลั่งชาติ” เท่านั้น “ควรเคารพในความคิดผู้อื่นด้วย” ปราชญ์การเมืองผู้ปราดเปรื่องทั้งหลาย...nn
ไม้หน้าสาม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี