ในยุคสมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 3 ซึ่งเป็นยุคต้นของการเริ่มล่าอาณานิคมเข้ามายังเอเชียพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์นั้นทรงเปี่ยมด้วยพระปัญญาทัศน์ ตระหนักถึงภัยคุกคามจากพวกฝรั่งตาน้ำข้าว จึงทรงเตือนพระบรมวงศานุวงศ์และขุนนางทั้งหลายว่า
นับแต่นี้ไป สงครามและภัยคุกคามจากพม่า ลาว เขมร ญวน เห็นจะไม่มีแล้ว แต่จะมีอันตรายมาจากพวกฝรั่งตาน้ำข้าวชาวตะวันตก ดังนั้นจึงต้องศึกษาทำความเข้าใจเรื่องพวกฝรั่งตาน้ำข้าวเพื่อป้องกันรักษาบ้านเมืองไม่ให้เป็นอันตรายได้
ดังนั้นบรรดาขุนนางข้าราชการและเชื้อพระวงศ์จึงได้เริ่มต้นศึกษาเกี่ยวกับพวกฝรั่งตาน้ำข้าว รวมทั้งศึกษาด้านภาษาและวัฒนธรรมต่างๆ เป็นเหตุให้ประเทศไทยมีขุนนางข้าราชการและคนที่พูดจากับพวกฝรั่งได้เป็นอย่างดีตลอดจนรู้ข้อมูลข่าวสารความเป็นไปในชาวตะวันตกนั้นเป็นอย่างดี จึงสามารถเอาตัวรอดปลอดภัยได้
ในขณะที่ประเทศในเอเชียจำนวนมากยังไม่รู้จักพวกฝรั่งตาน้ำข้าวชาวตะวันตก บางประเทศก็ทำสงครามแก่กันจนเสียบ้านเสียเมือง และถูกปล้นสะดมเผาผลาญไปเป็นอันมาก ในขณะที่สยามแม้จะได้รับผลกระทบและเสียหายก็สามารถรักษาเอกราชอธิปไตยและผลประโยชน์ส่วนใหญ่ของบ้านเมืองเอาไว้ได้
จนกระทั่งเข้าสู่ยุคสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ครั้งที่สอง พวกฝรั่งตาน้ำข้าวชาวตะวันตกเป็นฝ่ายชนะสงคราม จึงตั้งตนขึ้นเป็นเจ้าเข้าครองโลก ตั้งองค์กรการทหารเรียกว่านาโต้ ตั้งองค์กรเศรษฐกิจขึ้นเรียกว่าสภายุโรป และตั้งกลไกการเงินการคลังและกลไกทางเศรษฐกิจขึ้นอีกจำนวนมาก จากนั้นก็ใช้แสนยานุภาพข่มเหงย่ำยีประเทศต่างๆ ทั่วโลก สร้างความขัดแย้งและสงครามขึ้นทั่วโลก เพื่อจำหน่ายขายอาวุธให้มนุษย์ประหัตประหารกันอย่างอำมหิต
ไม่พอใจใครก็ใช้วิธีการคว่ำบาตรข่มเหงรังแกเอาตามอำเภอใจ จนประเทศต่างๆ เดือดร้อนกันทุกหย่อมหญ้า ในที่สุดประเทศเหล่านั้นก็หันมารวมตัวกันเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเสียหายของตน และรับมือกับการกดขี่ข่มเหงโดยไม่เป็นธรรม โดยจัดตั้งขึ้นเป็นองค์กรนานาชาติเรียกว่าองค์การความร่วมมือแห่งเซี่ยงไฮ้ โดยมีจีน รัสเซีย อิหร่าน เกาหลีเหนือ
เป็นกำลังขับเคลื่อนสำคัญ
ต่อมาก็ได้มีการจัดตั้งองค์กรทางเศรษฐกิจขึ้นรองรับเรียกว่ากลุ่ม BRICS ประกอบด้วยบราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน และแอฟริกาใต้ มีประชากรมากกว่าครึ่งหนึ่งของโลก ต่อมาหลังการประชุมสมัชชาพรรคคอมมิวนิสต์จีนสมัยที่ 20 ที่สถาปนาการนำของสี จิ้นผิง ขึ้นในประเทศจีน ก็ได้เสนอยุทธศาสตร์เส้นทางสายไหมให้กับชาวโลก โดยกลุ่มองค์การความร่วมมือแห่งเซี่ยงไฮ้และกลุ่ม BRICS เป็นแกนกลาง และมีการจัดตั้งธนาคารพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานแห่งเอเชีย
หลังจากนั้นก็เกิดการขับเคี่ยวกันอย่างเข้มข้นระหว่างทั้งสองฝ่าย โดยกลุ่ม SCO ต้องการจะสร้างระเบียบการโลกใหม่ขึ้น สร้างระบบการเงินใหม่ของ
โลกขึ้น
ในขณะที่กลุ่มอำนาจเก่าก็พยายามปกป้องและขยายสงครามออกไปอย่างกว้างขวางเพื่อหยุดยั้งความเติบโตของอีกฝ่ายหนึ่ง
บรรดาประเทศต่างๆ ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมหรือถูกข่มเหงก็พยายามเข้าไปรวมตัวกับกลุ่ม BRICS จนมีการประชุมที่รัสเซีย ได้รับสมาชิกใหม่อีก 13 ประเทศรวมทั้งประเทศไทยด้วย
ที่ประชุมล่าสุดได้ตกลงกันให้การค้าขายระหว่างกันไม่ต้องใช้เงินดอลลาร์อีกต่อไป โดยทุกประเทศสามารถใช้เงินตราของประเทศตนเองในการซื้อ-ขายระหว่างกันได้ แต่ต้องเป็นเงินตราที่มีทองคำหนุนหลัง ซึ่งเป็นการยกเลิกหรือลดการใช้เงินดอลลาร์ซึ่งไม่มีอะไรหนุนหลังลง และกำลังกำหนดระบบปฏิบัติการในการชำระเงินมาใช้ต่อไป
โดยสภาพดังกล่าวนี้จึงทำให้ปริมาณการใช้เงินดอลลาร์ลดลง ประเทศต่างๆ ก็พากันเทขายเงินดอลลาร์ และทำให้สหรัฐไม่สามารถพิมพ์เงินดอลลาร์ได้ตามอำเภอใจ ดังนั้น อำนาจของโลกตะวันตกจึงอ่อนลงครั้งใหญ่ที่สุด
ในขณะเดียวกัน เมื่อสกุลเงินของประเทศต่างๆ ใช้ค้าขายระหว่างกันได้โดยต้องมีทองคำหนุนหลัง จึงทำให้ธนาคารกลางของประเทศต่างๆ ต้องแสวงหาทองคำมาเพิ่มขึ้น ทำให้ราคาทองคำพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ และทำให้ประเทศกลุ่มองค์การความร่วมมือแห่งเซี่ยงไฮ้ซึ่งซื้อทองคำมาหลายปีแล้วได้รับกำไรร่ำรวยมหาศาล
ประชากรกว่าครึ่งหนึ่งของโลกได้รับการปลดแอกแล้ว ประเทศที่เป็นภาคีกลุ่ม BRICS และกลุ่มองค์การความร่วมมือแห่งเซี่ยงไฮ้ได้รับการปลดปล่อยแล้ว ยุคสมัยของมวลมนุษยชาติกำลังปรากฏขึ้น โลกที่มีสันติภาพและการพัฒนากำลังปรากฏขึ้นอย่างชัดเจน
ประเทศไทยของเราเมื่อเข้าเป็นภาคีกลุ่ม BRICS แล้วย่อมได้รับการปลดปล่อยและมีความเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น ขอเพียงนักการเมืองไม่ขายชาติไม่ทรยศชาติ ประเทศไทยและประชาชนไทยก็มีโอกาสเข้าถึงความไพบูลย์อย่างแน่นอน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี