อาณาจักรอิสราเอลโบราณที่สร้างใน “ดินแดนคำมั่นสัญญาจากพระเจ้า (Philistia)” แท้จริงก็คือ “ดินแดนปาเลสไตน์” ในปัจจุบัน ซึ่งมีพื้นที่มากกว่าดินแดน ณ วันนี้ถึง 5 เท่า ซึ่งขณะนั้นพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาลในตะวันออกกลาง มีอาณาจักรเกิดขึ้น 7 อาณาจักรด้วยกัน คือ
“1.อาณาจักรฟินิเซีย 2.อาณาจักรอัสซีเรีย 3.อาณาจักรเปอร์เซีย 4.อาณาจักรอัคคาเดีย 5.อาณาจักรแคลเดีย 6.อาณาจักรอาระเบีย และ 7.อาณาจักรอิสราเอล หรืออาณาจักรฮิบรู”
หลังจากกษัตริย์โซโลมอนแห่งอาณาจักรฮิบรู หรืออาณาจักรอิสราเอลสิ้นพระชนม์ อาณาจักรอิสราเอล หรืออาณาจักรปาเลสไตน์ก็เกิดการ “แตกแยก” อย่างรุนแรง จนแตกแยกออกเป็นสองประเทศ
“ประเทศฝ่ายเหนือ” เรียกตัวเองเป็น “ประเทศอิสราเอล” ในขณะที่ “ประเทศฝ่ายใต้” เรียกเป็น “ประเทศยูดาห์” โดยยิวทั้งสองประเทศเกิดความขัดแย้งกันอย่างรุนแรงถึงขั้นรบราฆ่าฟันกันเองอย่างยาวนาน
ในที่สุด “ประเทศอิสราเอลที่เป็นยิวฝ่ายเหนือ” ก็ถูกกองทัพ “อัสซีเรีย” ยึดเป็นเมืองขึ้น (อาณาจักรอัสซีเรียสร้างขึ้นระหว่าง 1900 ปีถึง 539 ปีก่อนค.ศ.) ในปี 730 ปีก่อนค.ศ.และ “ประเทศยูดาห์ที่เป็นยิวฝ่ายใต้” ก็ถูกอัสซีเรียยึดครองในปี 701 ก่อนค.ศ.ทำให้อาณาจักรยิวที่สร้างขึ้นก่อนค.ศ.1200 ปีกลายเป็นเมืองขึ้นอัสซีเรียปกครองอย่างเบ็ดเสร็จ
ขณะที่อัสซีเรียยึดอาณาจักรอิสราเอลอยู่นั้น ปรากฏว่า “อาณาจักรเปอร์เซีย (อิหร่าน)” ที่ก่อตั้งขึ้น 1,000 ปีก่อนค.ศ.ได้กลายเป็นประเทศมหาอำนาจขึ้นมาใน“ยุคพระเจ้าไซรัสมหาราช” ตั้งแต่ปี 560 ก่อนค.ศ.และได้โค่นล้มอาณาจักรอัสซีเรีย
จึงไม่น่าแปลกใจที่อาณาจักรอิสราเอลได้กลายเป็นเมืองขึ้นของอาณาจักรเปอร์เซียด้วย เหมือนชาติอื่นๆ ละแวกนั้นที่ถูกไล่ล่าโดยเปอร์เซีย
แต่แล้วอาณาจักรเปอร์เซียก็ถูกกษัตริย์กรีกได้แก่ “อเล็กซานเดอร์มหาราช”ดับรัศมีความยิ่งใหญ่ในปี 313 ก่อนค.ศ.
สรุปแล้วอาณาจักรอิสราเอลที่ตั้งขึ้น 1,200 ปีก่อนค.ศ.นับแต่ปี 730 ก่อนค.ศ.เป็นต้นมาก็ตกเป็นเมืองขึ้นของอัสซีเรียของเปอร์เซียและกรีกตามลำดับ รวมเวลากว่า 300 ปี
“หลังจากอเล็กซานเดอร์สวรรคต อิสราเอลก็ตกเป็นเมืองขึ้นของอียิปต์ในราชวงศ์ปโตเลมี โดยอียิปต์ปกครองอิสราเอลแบบหลวมๆ ปล่อยให้มีเสรีภาพและอิสรภาพเกือบทุกด้าน”
แต่แล้วยิวก็ต้องมาพบกับ “ชะตากรรมอันเลวร้าย” อีกครั้ง “เมื่ออาณาจักรโรมันมีอำนาจสูงสุด” ขึ้นมาจนเป็นมหาอำนาจโลกครอบครองดินแดนทั่วยุโรป แอฟริกาเหนือและเอเชียไมเนอร์ และเข้ายึดอิสราเอลในปีค.ศ.66
คราวนี้ยิวสู้ตาย แต่ก็เหมือนแมงเม่าบินเข้ากองไฟ เพราะโรมันเกรียงไกรเกินกว่าชาติใดจะต้านไหว สงครามครั้งนั้นโรมันฆ่ายิวตายไปกว่า 600,000 ราย
ดังนั้น “ฮิตเลอร์” ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ยิวตายไปกว่า 6 ล้านคนในสงครามโลกครั้งที่ 2 จึง “ไม่ใช่รายแรกของโลก” ที่ฆ่ายิวตายไปเป็นจำนวนมาก แต่เป็น “โรมัน” ต่างหาก
ยังมีต่อฉบับหน้า
กมลศักดิ์ ตั้งธรรมนิยม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี