อุตสาหกรรมของไทยในช่วง 1 ศตวรรษนั้นจัดได้ว่ามีวิวัฒนาการยิ่งขึ้นเป็นลำดับ ซึ่งก็หมายความว่ายังจะต้องมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงและพัฒนาให้ทันโลก และคงไว้ซึ่งขีดความสามารถในการแข่งขันในระดับหนึ่งกับนานาประเทศ ไทยเราต้องตื่นรู้ และพึ่งพาตนเองให้มากยิ่งขึ้นเป็นลำดับ
ในช่วงแรกๆ ของการพัฒนาอุตสาหกรรมของไทย เราก็จะมีโรงสีข้าว โรงน้ำแข็ง โรงบ่มใบยาสูบและโรงบุหรี่ โรงไม้ขีดไฟ และโรงงานแก้ว เป็นต้น และต่อมาเราก็เริ่มมีอุตสาหกรรมเพื่อทดแทนการนำเข้า (Import Substitute Industries) ส่วนโรงงานแบตเตอรี่ โรงกลึง โรงงานสังกะสี และวัสดุก่อสร้าง โรงงานเครื่องไฟฟ้า และเครื่องใช้ไม้สอยต่างๆ จนกระทั่งถึงประมาณปี พ.ศ. 2520 เราเริ่มคิดอ่านและดำเนินการการมีอุตสาหกรรมเพื่อการส่งออก (Export-led Industries) ด้วยการลงทุนจากต่างประเทศ รวมทั้งการถ่ายทอดเทคโนโลยี และการเป็น “มือปืนรับจ้าง” เพื่อผลิตผลิตภัณฑ์และสินค้าส่งออกให้กับบริษัทข้ามชาติ เป็นต้น
อุตสาหกรรมเพื่อการส่งออกหลักๆ ของไทยในช่วง 40 ปีที่ผ่านมา ก็คือ การประกอบยานยนต์ การประกอบเครื่องมือเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ผลิตภัณฑ์ด้าย ผ้าผืนและเสื้อผ้า เครื่องใช้ไม้สอยในบ้านและเครื่องประดับต่างๆ ไปจนถึงอาหารแปรรูป ทั้งอาหารแห้งสำเร็จรูป อาหารแช่แข็ง และอาหารกระป๋อง เป็นต้น
ในช่วงประมาณ 10 ปีที่ผ่านมา ไทยเราก็มุ่งที่จะพัฒนาอุตสาหกรรมขึ้นไปอีกระดับหนึ่งที่เรื่องวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นกลไกอันสำคัญ เช่น automotive, electronics, biotechnology, robotics, circular economy, transport, logistics, petrochemicals, digital, medical, defence, aviation, human resource development, environment and renewable energy management, technology, and international business center โดยเราก็ได้จัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ Eastern Economic Corridor – ECC เพื่อรองรับอุตสาหกรรมใหม่ๆ ดังกล่าวนี้ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ดีและไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ
แต่ประเด็นปัญหาก็คือ ความไม่คืบหน้า ซึ่งมีสาเหตุอยู่ 3-4 ประการด้วยกัน เช่น เสถียรภาพทางการเมืองที่ไม่แน่นอน ส่งผลให้เกิดความไม่มั่นใจทั้งในแวดวงธุรกิจไทยและเทศ การขาดการเตรียมการอย่างจริงจังเพื่อรองรับอุตสาหกรรมใหม่ๆ ดังกล่าว การที่จะต้องมีการพัฒนาระบบการศึกษารวมทั้งการมีความสันทัดทางด้านภาษาอังกฤษ เพื่อให้กำลังคนหรือแรงงานไทยมีคุณภาพ ความอ่อนแอในเรื่องการวิจัยและค้นคว้า เพื่อพัฒนาองค์ความรู้ การพึ่งพาตนเอง รวมทั้งการใช้ทรัพยากรธรรมชาติและพืชผล เพื่อเป็นวัตถุดิบสำหรับอุตสาหกรรมต่างๆ ความล่าช้าในเรื่องการจัดหาพลังงานทดแทนและหมุนเวียน เพื่อลดการพึ่งพาถ่านหิน น้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ จากต่างประเทศ ทั้งหมดได้ก่อให้เกิดสภาวะของต้นทุนสูงเมื่อเทียบกับประเทศต่างๆ ทั้งใกล้และไกล นอกจากนั้นรัฐบาลชุดต่างๆ ในช่วงประมาณ 15 ปีที่ผ่านมาก็มุ่งไปที่การแก้ไขประเด็นปัญหาเฉพาะหน้า และเสริมสร้างคะแนนนิยมด้วยโครงการประชานิยมต่างๆ และมุ่งที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น แต่ละเลยหรือไม่ให้ความสนใจในเรื่องปรับโครงสร้างอุตสาหกรรม และเพิ่มขีดความสามารถของไทยอย่างจริงจัง
ในการนี้ก็จะเห็นว่าถนนทุกสายกำลังมุ่งไปที่กรุงฮานอย กรุงนิวเดลี และกรุงจาการ์ตาแทนประเทศไทยของเราที่ได้ถูกมองข้ามมากยิ่งขึ้นเป็นลำดับ เหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะประเทศเหล่านี้ซึ่งยังไม่รวมสิงคโปร์ มาเลเซีย หรือแม้กระทั่งบังกลาเทศ ต่างก็มีเสถียรภาพทางการเมืองมากกว่าไทยเรา และผู้นำของเขาต่างมีวิสัยทัศน์ ความตั้งใจ และความมุ่งมั่นจริงจังมากกว่าของไทย และเขาต่างหลีกเลี่ยงการบริหารราชการนำพาประเทศด้วยโครงการประชานิยม
ขณะเดียวกัน สังคมไทยที่คิดจะฝากความหวังไว้ให้กับพรรคฝ่ายค้าน ในการเสนอทางออก ทางเลือก หรือคัดท้ายฝ่ายรัฐบาล แต่ทว่าฝ่ายค้านของไทยเราก็ดันอ่อนด้อยทั้งด้วยองค์ความรู้ และวิสัยทัศน์ เท่ากับว่าสังคมไทยพึ่งพาฝ่ายการเมืองมิได้เลย ก็ได้แต่หวังว่าฝ่ายการเมืองจะได้ตระหนักนึกคิด ปรับปรุงตัวและปรับกระบวนยุทธ และคู่ขนานกันไป ภาคสื่อ ภาควิชาการ ภาคประชาสังคม และประชาชนพลเมืองที่สนอกสนใจในเรื่องบ้านเมือง (Active citizens) ก็ต้องออกมาแสดงความคิดเห็นและขับเคลื่อน โดยคำนึงว่าเป็นเรื่องหน้าที่ของพลเมือง และเป็นการแสดงออกซึ่งการร่วมเป็นเจ้าของประเทศ ที่จะปล่อยให้รัฐนาวาของไทยล่องลอยไปแบบตามมีตามเกิดมิได้
ปวงชนชาวไทยทุกคน ณ วันนี้ ต้องตระหนักแล้วว่า ความเป็นประเทศที่โดดเด่นด้านการลงทุนของไทยนั้นได้กลายเป็นเรื่องของวันวานเสียแล้ว ในปัจจุบันไทยเรามีคู่แข่งเพิ่มขึ้น และเขาต่างกำลังรุดหน้าไปกว่าไทยเรา ดังนั้น เราต้องตื่นจากภวังค์ และขะมักเขม้นปรับปรุงตัว เพื่อก้าวไปข้างหน้าแข่งกับโลกได้แล้ว
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี