“บุคคลแนวหน้า ในหนังสือพิมพ์แนวหน้า, แนวหน้าออนไลน์/- www.naewna.com สื่ออุดมการณ์ มั่นคง ตรงไป ตรงมา” ฉบับนี้ “ไม้หน้าสาม ย่อโลกทัศน์ที่กว้างให้แคบ ขยายโลกทัศน์ที่แคบให้กว้าง ทำความจริงให้ปรากฏให้สังคมไทยรู้เท่าทันเล่ห์ทันเหลี่ยม นักการเมืองเสียชาติเกิด, นักเลือกตั้งชังชาติ, ส่ำสัตว์ติ่งสัมภเวสี สลิ่มติ่งแดงด้อมส้ม, สิ่งมีชีวิต/-อุปกรณ์ทำการเกษตรใช้สนตะพายเทียมคันไถอย่างเท่าเทียม”...
nn “บทบรรณาธิการนสพ.แนวหน้า” มองพฤติกรรม “นักการเมืองฝึกงานเก้าอี้นายกรัฐมนตรีสืบสันดาน /- มาดามแพ – อุ๊งอิ๊งค์, แพทองธาร ชินวัตร” กับข้อเสนอปัญหาเร่งด่วนให้รัฐบาลเร่งแก้ไขเพื่อความสุขของมวลมหาประชาชนตามผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนโดย “นิด้าโพล ของสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์”เมื่อราวปลายสัปดาห์ที่สองเดือนตุลาคมว่า จากพฤติกรรมที่ถูกครอบครอง,ครอบงำไร้อิสระทางความคิดไร้สามัญสำนึกขาดภาวะผู้นำ ประเด็นเร่งด่วนทั้งอาชญากรรมออนไลน์ ปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น ปัญหาความเหลื่อมล้ำ และการบังคับใช้กฎหมายที่ค่อนข้างหละหลวมจึงค่อนข้าง “ริบหรี่”...
nn แม้อาชญากรรมออนไลน์ เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ยึดทรัพย์เงินสดมาได้จำนวนหนึ่งที่จักสามารถคืนให้แก่ผู้เสียหายได้ ทว่ากลุ่มอาชญากรมิจฉาชีพแฝงตัวปะปนอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน รัฐบาลยังปวกเปียกช้าไปก้าว, ครึ่งก้าวเสมอ เรื่องทุจริตคอร์รัปชั่นจะให้เชื่อจริงหรือว่าลดละปราบได้ ในเมื่อผู้ครอบครองนายกรัฐมนตรีตามสายเลือดตามสปีชี่เป็นนักโทษเด็ดขาดชายคดีทุจริตคอร์รัปชั่นที่ยังไร้สำนึก ยังไม่เคยถูกขังในเรือนจำดัดสันดานให้สำนึกผิดเลยสักวัน ความเหลื่อมล้ำ บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด สังคมไทยยิ่งเห็นและเข้าใจถ่องแท้ว่าเกิดอะไรได้อย่างไรกับการบังคับใช้กฎหมายกับคนใน “ตระกูลชินวัตร”เรื่องนี้แทบไม่ต้อง “ซ.ต.พ.” ด้วยซ้ำ...
nn ผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนของสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้าโพล)ล่าสุด ทำเอานักการเมืองเสียชาติเกิด, นักเลือกตั้งชังชาติ “กระดี๊กระด๊าราวกิ้งก่าได้ทอง” โก่งคอตอบรับผลสำรวจนั้นก็มิได้ตะขิดตะขวงใจแม้แต่น้อย ก็ผลสำรวจจากสถาบันเดียวกันก่อนหน้านี้ที่ชื่นชมและมี “นางคนนี้ /- มาดามแพ – แพทองธาร ชินวัตร” เหมาะสมเป็นนายกรัฐมนตรี หลังโอนเงินเข้าบัญชีประชาชนคนละ 10,000 บาท ถึงร้อยละ 31.35 ขณะที่ “เท้ง 3ท.(ทอ) /- ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ” มีคะแนนนิยมอันดับสองร้อยละ 22.90... สำรวจรอบใหม่ปรากฏว่าร้อยละ 31.28 เชื่อว่า “นางคนนี้” จะไปต่อได้จนครบเทอมในปี 2570 ขณะที่ร้อยละ 19.08 รัฐบาลจะอยู่แค่สิ้นปี 2568 ชัดเจนว่า “ศรัทธา/ความเชื่อมั่น” ในการนำพารัฐนาวาราชอาณาจักรไทยมันมลายหายสิ้นเหลือไม่ถึงครึ่งของความคิดเห็นที่อยากให้ “นางคนนี้” เป็นนายกรัฐมนตรี ถ้อยแถลงของ “จิรายุ ห่วงทรัพย์” จึงเลือกเฟ้นแต่ส่วนที่เป็นผลประโยชน์โดยไม่ได้วิเคราะห์หรือรู้สึกตะขิดตะขวงใจใดๆเวลานั่งแถลงสื่อประชาสัมพันธ์สู่ประชาชน...
nn “พรรคเพื่อไทย” มั่นใจว่า มาตรการนโยบายแจกเงินประชาชนคนละ 10,000 บาท เมื่อกลายไตรมาสสี่ของปี 2567 เกิดการจับจ่ายใช้สอยกระจายไปทั่วประเทศตามวัตถุประสงค์ ถ้าดำเนินการเฟสสอง และเติมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ อีกหลายด้านคาดว่าจีดีพีจะโตขึ้น 3% ทว่าเสียงลือเสียงเห่าหอนเหล่านี้ สังคมไทยก็ยังไม่ได้ยินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใดเพิ่มเติมออกมา มีเพียงอาการกระมิดกระเมี้ยนที่จะนำมาตรการ “คนละครึ่ง” ที่เหล่านักการเมืองฝ่ายค้านในสภาชุดที่แล้ว (ชุดที่ 25)ชุดที่มีฝ่ายบริหารชื่อ “ลุงตู่ /- พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา” เป็น “นายกรัฐมนตรีคนที่ 29 หลังปฏิวัติสยาม 2475” สำรอกสำราก “บูลลี่” สร้างวาทกรรมประดิษฐ์ให้ร้ายมาโดยตลอดปรามาสความล้มเหลวในการกระตุ้นเศรษฐกิจหลังสังคมไทยต้องเผชิญกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)อย่างรุนแรง กลับมาใช้อีกครั้ง ซึ่งน่าจะมาจากทีมยุทธศาตร์พรรคเพื่อไทยได้อ่านศึกษา “วิทยานิพนธ์ เรื่องการศึกษาเพื่อประเมินผลโครงการคนละครึ่ง : กรณีศึกษา โครงการคนละครึ่งระยะที่ 1 และระยะที่ 2 ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์" โดย “กมลพัฒน์ จารุสกลพันธ์”...
nn “โครงการเราเที่ยวด้วยกัน”อีกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยว (หัวใจและลมหายใจของรายได้รัฐ) แน่นอนโครงการนี้ไม่ใคร่จักประสบผลสำเร็จนักเนื่องจากมีผู้ลงทะเบียนขอเข้ารับสิทธิ์ร่วมโครงการน้อย จากปัจจัยความซับซ้อนหลายขั้นตอน โรงแรมที่เข้าร่วมโครงการไม่ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย สิทธ์ิในการรับส่วนลดร่วมโครงการไม่เห็นเป็นตัวเงินอย่างเป็นรูปธรรม ทว่า “รัฐบาลนักการเมืองฝึกงาน,นายกรัฐมนตรีสืบสันดาน” จักสามารถพารัฐนาวาลำนี้ให้ประชาชนพลเมืองไทย“มีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี” ได้จริงตามเสียงสำรอกสำรากก่อนหน้านี้ได้เยี่ยงนั้นหรือ ในวันที่ “หนี้สาธารณะ” เพิ่มมากขึ้นจนเกือบเท่าเพดานเงินกู้ขณะที่ “หนี้ครัวเรือน” ก็สูงขึ้นอย่างช่วยไม่ได้เพราะค่าครองชีพที่สูงขึ้นจากการบริหารประเทศของรัฐบาลสืบสันดาน ภายใต้การนำธงของนักการเมืองฝึกงานอย่าง “มาดามแพ /- แพทองธาร ชินวัตร”...
nn ไม่เข้าใจใฝ่รู้ใฝ่ศึกษาหรือ ตั้งใจโง่ กับ “สมุนไพรไทย” มรดกบรรพบุรุษสร้างชาติที่ถูกบัญญัติไว้ใน “ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี สู่แผนแม่บทแห่งชาติว่าด้วยการพัฒนาสมุนไพรไทย”ที่ดำเนินการมาสู่แผนพัฒนาฉบับสอง (พ.ศ.2566-2570) ที่มีการระดมสมองมาเพื่อพัฒนาต่อยอดมรดกทางวัฒนธรรมของคนไทย บูรณาการขับเคลื่อนสมุนไพรเชิงเศรษฐกิจเพื่อชิงตลาดโลกที่มีมูลค่ากว่า 5.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 198,000,000 ล้านบาท ซึ่งที่ผ่านมาไทยมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ในลำดับ 8 มูลค่าราว 1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 6.01 หมื่นล้านบาท...
nn ผ่านยุคสมัยที่แล้ว “ลุงตู่” ให้ “ผู้รับเหมาก่อสร้าง” มาดูแลคุณภาพชีวิตคนไทย “สมุนไพร : มรดกทางธรรมชาติที่บรรพบุรุษไทยค้นคิดมาสร้างคุณภาพชีวิต” จึงถูกละเลยไร้นวัตกรรมวิจัยพัฒนาต่อยอดให้ประเทศเก็บเกี่ยวผลประโยชน์มหาศาลนี้ ยุคนี้เป็นใครก็ได้มาดูแลคุณภาพชีวิตประชาชนคนไทยอีกกระทอก แล้วโอกาสที่ “สมุนไพรไทย” จะได้รับการศึกษาวิจัยพัฒนาต่อยอดให้สามารถผลิตเป็นอาหารเสริมเป็นยารักษาชีวิตมนุษย์ให้ประชาคมโลกยอมรับได้จะอยู่จุดไหนเวลาเท่าใด...nn
ไม้หน้าสาม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี