คนที่ติดตามพฤติกรรมการเมืองของกิตติรัตน์ ณ ระนอง มาโดยตลอด เห็นตรงกันว่ากิตติรัตน์แสดงออกชัดเจนว่าเขาคือผู้แทรกแซงธนาคารแห่งประเทศไทย หรือแบงก์ชาติ และเข้าใจตรงกันอีกว่ากิตติรัตน์ต้องการให้ธนาคารแห่งประเทศไทยตอบสนองความต้องการของนักการเมืองจากพรรคเพื่อไทย (พรรคที่กิตติรัตน์สังกัด) โดยไม่คิดว่าแบงก์ชาติต้องมีอิสระในการดำเนินงาน เพราะอิสระของแบงก์ชาติช่วยรับประกันความไว้เนื้อเชื่อใจของนานาชาติที่มีต่อระบบเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะในประเด็นนโยบายการเงิน
หลายคนจำได้ดีว่ากิตติรัตน์แสดงอำนาจบาตรใหญ่ด้วยการประกาศว่าต้องการปลดผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย วันละ 3 เวลา และคิดจะปลดทุกวัน เมื่อครั้งที่กิตติรัตน์รับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ยุคยิ่งลักษณ์ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี เหตุที่กิตติรัตน์จะปลดผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ในสมัยนั้นคือประสาร ไตรรัตน์วรกุล) เพราะว่าแบงก์ชาติไม่ตอบสนองความต้องการของนักการเมือง ซึ่งหมายถึงรัฐบาลพรรคเพื่อไทย เพราะพรรคเพื่อไทยต้องการให้ลดดอกเบี้ยนโยบาย
อ้างเนื้อข่าวจากหนังสือพิมพ์หลายฉบับที่นำเสนอข่าวเศรษฐกิจในยุคที่กิตติรัตน์ประกาศว่าต้องการปลดผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย มีเนื้อข่าวดังนี้ เช่น “กรุงเทพธุรกิจ : “กิตติรัตน์” ลั่น คิดปลดผู้ว่าแบงก์ชาติทุกวัน กิตติรัตน์ยันคิดปลดผู้ว่าแบงก์ชาติออกจากตำแหน่งทุกวัน หลังไม่ยอมทำตามใบสั่งลดดอกเบี้ยนโยบาย ผ่อนคลายบาทแข็ง นายกิตติรัตน์ณ ระนอง รองนายกฯ และ รมว.กระทรวงการคลังเปิดเผยว่า มีความคิดที่จะไล่นายประสาร ไตรรัตน์วรกุลผู้ว่าฯ ธปท. ออกจากตำแหน่ง เนื่องจากไม่ยอมลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ที่ปัจจุบันอยู่ที่ ร้อยละ 2.75 ให้ลดลง เพื่อชะลอเงินทุนไหลเข้า ส่งผลให้ค่าเงินบาทแข็งขึ้น โดยรัฐบาลเห็นว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายควรจะต้องลดลงอีก 1 เปอร์เซ็นต์
ครั้นเมื่อกิตติรัตน์รับตำแหน่งที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของเศรษฐา ทวีสิน (อดีต) นายกรัฐมนตรี ก็ยังคงแสดงความคิดเรื่องปลดผู้ว่าฯ แบงก์ชาติเหมือนเดิม เพราะไม่พอใจที่ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติไม่ยอมทำตามความต้องการของนักการเมืองจากพรรคเพื่อไทยอันที่จริงเรื่องการแทรกแซงแบงก์ชาติโดยนักการเมืองพรรคเพื่อไทยเกิดขึ้นเป็นประจำ เพราะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย คือแพทองธาร ชินวัตร ก็แสดงคำพูดแทรกแซงแบงก์ชาติ เศรษฐา ทวีสิน ก็แสดงคำพูดแทรกแซงแบงก์ชาติ พิชัย นริพทะพันธ์ุ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ก็แสดงคำพูดแทรกแซงแบงก์ชาติ แต่ถึงแม้พิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จะไม่ได้แสดงพฤติกรรมและคำพูดแทรกแซงแบงก์ชาติ แต่คนที่ติดตามพฤติกรรมของพิชัย ชุณหวชิร ก็เข้าใจได้ดีว่า รมว.กระทรวงการคลังก็ยังต้องการให้แบงก์ชาติลดดอกเบี้ย และจงใจกดดันแบงก์ชาติตลอดเวลา เพียงแต่การกดดันของพิชัย ชุณหวชิร ไม่รุนแรงแข็งกร้าวและก้าวร้าว ต่ำทรามเหมือนพฤติกรรมของแพทองธาร เศรษฐา กิตติรัตน์ และพิชัย นริพทะพันธุ์
ต้องย้ำเหมือนเดิมและย้ำตลอดไปว่าธนาคารแห่งประเทศไทย ในฐานะธนาคารกลางของประเทศต้องมีอิสระในการดำเนินงาน เพื่อความมั่นคงเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะในด้านนโยบายการเงินและต้องไม่ตกเป็นลูกไล่ หรือเป็นขี้ข้าของนักการเมือง เพราะนักการเมืองมองแค่ผลประโยชน์เฉพาะหน้า และผลประโยชน์ส่วนตัว โดยไม่คำนึงถึงผลประโยชน์สาธารณะ นักการเมืองทุกคนคิดแค่คะแนนนิยมทางการเมืองที่พวกของเขาจะได้รับ แต่ไม่คิดถึงความเสียหายใดๆ ที่จะเกิดกับสาธารณะที่จะตามมาในภายหลัง
หากธนาคารแห่งประเทศไทยตกอยู่ใต้อิทธิพลชั่วร้ายของนักการเมืองเสียแล้ว จะส่งผลเสียหายร้ายแรงต่อเสถียรภาพเศรษฐกิจของประเทศอย่างใหญ่หลวง ดังนั้น จึงยืนยันว่าธนาคารแห่งประเทศไทยต้องปลอดจากอิทธิพลของนักการเมือง ต้องไม่ตกอยู่ใต้คำสั่งของนักการเมือง ธนาคารแห่งประเทศไทยไม่มีหน้าที่ดำเนินงานตามความต้องการของนักการเมือง แต่มีภารกิจสำคัญคือต้องทำทุกอย่างเพื่อรักษาเสถียรภาพของเศรษฐกิจไทยให้มั่นคงอย่างที่สุด
ขอให้ย้อนกลับไปดูวิกฤตต้มยำกุ้ง เมื่อปี 2540 แล้วจะรู้ว่าต้นตอสำคัญบางประการของวิกฤตดังกล่าวคือความวิบัติอันเกิดมาจากนักการเมือง โดยเฉพาะ “กลุ่ม 16” กับนายธนาคารบางคน และเรายังคงจำชื่อธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การ เกริกเกียรติ ชาลีจันทร์ ราเกซ สักเสนา เริงชัย มะระกานนท์ ทนง พิทยะ และนักการเมืองรวมถึงพ่อค้านักธุรกิจอีกมากมายที่ถูกระบุว่าเกี่ยวข้องกับความไม่สุจริตของธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การ
คนไทยทุกคนต้องไม่ปล่อยให้นักการเมืองเข้าไปแทรกแซงการทำงานของธนาคารแห่งประเทศไทยตามอำเภอใจอีกต่อไป หากเราไม่ต้องการเห็นเศรษฐกิจของประเทศไทยพบกับความวิบัติบรรลัยเหมือนที่เคยเกิดในยุคต้มยำกุ้ง 2540
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี