น่ารำคาญนักการเมืองและพรรคการเมือง ที่พยายามเคลื่อนไหวผลักดันให้มีการออกกฎหมายนิรโทษกรรมล้างผิดให้พวกเจตนาจาบจ้วง ดูหมิ่น ข่มขู่อาฆาตมาดร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์
อ้างหน้าด้านๆ ว่าเป็นการแสดงออกทางการเมือง
แท้จริง เป็นการใส่ร้ายป้ายสี หมิ่นแคลน ลดทอนคุณค่า เพื่อให้เกิดความเสื่อมศรัทธา และเซาะกร่อนบ่อนทำลาย
รัฐบาลมีหน้าที่ต้องทำอะไร อย่างไร?
1. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พึงสำเหนียก
อย่าคิดว่า เป็นลูกนายทักษิณ ชินวัตร แล้วจะไม่ต้องติดคุก
ระวังตัวไว้เถิด หากหลงระเริง เข้ามามีอำนาจแล้วไม่ทำหน้าที่ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ จะอ้างว่าเป็นเด็กไม่ได้แล้ว มีลูกแล้วเข้ามาเป็นนายกฯแล้ว มีสิทธิติดคุก หรือถูกสังคมประณามชั่วลูกชั่วหลานได้ทั้งนั้น
นายกฯ ในฐานะผู้นำประเทศ จะต้องพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ มิให้ผู้หนึ่งผู้ใดบังอาจลบหลู่ดูหมิ่นเป็นอันขาด
นายกฯแพทองธารจะทำแค่ใส่เสื้อสีเหลือง เที่ยวออกงานแค่นั้นไม่ใช่การทำหน้าที่ปกป้องสถาบัน
สำเหนียกเอาไว้ด้วย ประชาชนจะทนไม่ไหวสักวัน
2. รัฐบาลอุ๊งอิ๊งค์ทราบหรือไม่... สมัยนายกฯพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา สภาความมั่นคงแห่งชาติได้กำหนดแนวทางการรักษาความมั่นคงสถาบันหลักของชาติ
โดยยึดถือหลักการตามที่กำหนดไว้รัฐธรรมนูญ นโยบายของรัฐบาล รวมทั้งกรอบแนวคิดที่กำหนดไว้ในนโยบายความมั่นคงแห่งชาติทุกฉบับ ซึ่งได้ให้ความสำคัญต่อการเทิดทูน และธำรงรักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์และระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
นายกฯ ลุงตู่ ถึงขนาดลงนามหนังสือ และพิมพ์เป็นเล่มส่งให้หน่วยงานรัฐ เพื่อยึดถือปฏิบัติตาม “แนวทางการรักษาความมั่นคงสถาบันหลักของชาติฯ”
ระบุว่า
2.1 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกฉบับ ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๗๕ บัญญัติว่า ประเทศไทยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และองค์พระมหากษัตริย์ ทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้ ผู้ใดจะกล่าวหาหรือฟ้องร้องพระมหากษัตริย์ในทางใดๆ มิได้
2.2 รัฐบาลแถลงนโยบายรัฐบาลปกป้องและเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์
โดยจะใช้มาตรการทางกฎหมาย มาตรการทางสังคมจิตวิทยาและ มาตรการทางระบบสื่อสารและเทคโนโลยีสารสนเทศในการ ดำเนินการ
กับผู้คะนองปาก ย่ามใจหรือประสงค์ร้าย มุ่งสั่นคลอน สถาบันหลักของชาติโดยไม่คำนึงถึงความรู้สึกและความผูกพันภักดีของคนอีกเป็นจำนวนมาก
ตลอดจนเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจ ที่ถูกต้องและเป็นจริงเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์และพระราชกรณียกิจเพื่อประชาชน
ทั้งจะสนับสนุนโครงการทั้งหลาย อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตลอดจนเร่งขยายผลตามโครงการ และแบบอย่างที่ทรงวางรากฐาน ไว้ให้แพร่หลายและเกิดประโยชน์ ในวงกว้าง
2.3 นโยบายความมั่นคงแห่งชาติ นโยบายที่ ๑ เสริมสร้างความมั่นคงของสถาบันหลักของชาติและการปกครองระบอบประชาธิปไตย
อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ประกอบด้วย แนวทางดำเนินการ ดังนี้
“๑) เสริมสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง เกี่ยวกับสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ผ่านหลักสูตรทั้งในและนอกระบบการศึกษา รวมทั้งช่องทางสื่อสารต่างๆ และชี้เตือน ให้ระมัดระวังในการดำเนินกิจกรรมที่เกี่ยวข้องอย่างเหมาะสม
๒) พัฒนาประสิทธิภาพและความเข้มแข็ง ของกลไกที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและป้องปรามการล่วงละเมิด สถาบันฯ จำแนกกลุ่ม
เป้าหมายและกำหนดมาตรการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังต่อกลุ่มที่มุ่งล้มล้างสถาบันฯ และใช้มาตรการพูดคุยต่อกลุ่มที่หลงผิดเพื่อให้ปรับเปลี่ยนทัศนคติ 6
๓) เผยแพร่และน้อมนำแนวพระราชดำริ ไปปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม โดยให้ภาครัฐเป็นต้นแบบในการยึดถือ และปฏิบัติตามแนวพระราชดำริอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็นแนวทางปฏิบัติและดำเนินการ ให้บรรลุผลอย่างเป็นรูปธรรม
๔) เสริมสร้างความเข้มแข็งของการปกครอง ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ที่มุ่งเน้นการบริหาร และการดำเนินงานภาครัฐตามหลักธรรมาภิบาล และให้ประชาชนและชุมชนท้องถิ่นมีอิสระ และมีส่วนร่วมในการตัดสินใจเชิงนโยบายที่เกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตของตนและชุมชน”
2.4 การเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง เกี่ยวกับบทบาท และความสำคัญของสถาบันพระมหากษัตริย์ต่อสังคมไทย
รัฐบาลอุ๊งอิ๊งค์ควรแสดงออกถึงการปกป้องสถาบันด้วยการลงมือทำจริงจัง
แนวทางปฏิบัติ ที่น่าสนใจ อาทิ
“๑) จัดให้มีหลักสูตรการเรียนการสอนในทุกระดับ ทั้งในและนอกระบบการศึกษาที่สนับสนุนและส่งเสริมให้เกิดความตระหนักในคุณค่าและภาคภูมิใจในเอกลักษณ์ ความเป็นชาติไทย ซึ่งมีความหลากหลายทางอัตลักษณ์ชาติพันธุ์ ศาสนา และวัฒนธรรมประเพณีที่สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติ ภายใต้การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
๒) จัดทำส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการจัดทำ “ชุดข้อมูลหรือองค์ความรู้” สำหรับเป็นคู่มือในการเผยแพร่ความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยจัดทำให้มีรูปแบบที่ทันสมัยและมีเนื้อหาที่น่าดึงดูดใจโดยเฉพาะกับเด็ก และเยาวชน เพื่อเผยแพร่ผ่านสื่อรูปแบบต่างๆ ทั้งภายในและภายนอกประเทศ ซึ่งจะช่วยทำให้เกิดความตระหนักถึงคุณค่าและบทบาทของสถาบันพระมหากษัตริย์ที่มีต่อสังคมไทยในด้านต่างๆทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม
๓) จัดทำส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการจัดทำแผนงาน / โครงการ เพื่อเทิดพระเกียรติในรูปแบบ ที่เหมาะสมโดยสอดคล้องกับลักษณะของสังคมในแต่ละพื้นที่
๔) ร่วมมือกับภาควิชาการด้วยความรอบคอบ ระมัดระวังในการเปิดพื้นที่ เวทีสาธารณะ เพื่อสร้างความเข้าใจ ที่ถูกต้องกับประชาชนเกี่ยวกับสถานะ บทบาท พระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ภายใต้การปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
๕) เสริมสร้างความรู้ความเข้าใจในหลักการที่แท้จริงของประชาธิปไตย รวมถึงการเคารพในสิทธิเสรีภาพ ความเสมอภาคของบุคคลในทิศทางที่ถูกต้อง ภายใต้ขอบเขต ของกฎหมายและบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญตามครรลองของ ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
๖) สร้างความตระหนักถึงผลกระทบทางลบ ที่อาจเกิดขึ้นโดยไม่เจตนา จากการนำสถาบันพระมหากษัตริย์ มาใช้อ้างอิงในการดำเนินกิจกรรมของประชาชนและหน่วยงานต่างๆ โดยขาดความระมัดระวัง”
หลายเรื่อง เห็นกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงมหาดไทย ตามนโยบายของพรรคภูมิใจไทย พยายามดำเนินการอยู่
นายกฯและพรรคเพื่อไทย ควรเข้าไปสนับสนุนส่งเสริมร่วมกัน
3. สิ่งที่รัฐบาลอุ๊งอิ๊งค์จะต้องดำเนินการอย่างเด็ดขาด แม่นยำ คือ การบังคับใช้กฎหมาย
“แนวทางการรักษาความมั่นคงสถาบันหลักของชาติฯ” ในยุครัฐบาลลุงตู่ ระบุว่า การดำเนินมาตรการทางกฎหมาย เพื่อปกป้องพระเกียรติยศ และพระบรมเดชานุภาพของสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วยความระมัดระวัง รอบคอบ และจริงจัง โดยให้มีการดำเนินการอย่างเหมาะสมต่อบุคคลและกลุ่มคนที่มีพฤติการณ์ละเมิดหรือเกี่ยวข้อง กับการละเมิดสถาบันฯ
แนวทางปฏิบัติ
“๑) หน่วยงานภาครัฐซึ่งมีหน้าที่กำกับดูแลการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการละเมิดสถาบันฯ ต้องดำเนินการ ด้วยความระมัดระวังและรอบคอบในการบังคับใช้กฎหมายอย่างเหมาะสมเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบ
โดยดำเนินมาตรการป้องปราม ตักเตือน หรือทำความเข้าใจกับผู้ที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์อันเนื่องมาจากการรับรู้ ข้อมูลข่าวสารที่บิดเบือนจนทำให้เกิดทัศนคติในทางลบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์
ดำเนินมาตรการทางกฎหมายอย่างจริงจังกับผู้ที่ปรากฏหลักฐานชัดเจนว่ามีเจตนาล่วงละเมิดต่อสถาบันพระมหากษัตริย์
๒) สร้างความเข้าใจที่ถูกต้องต่อสาธารณชน เกี่ยวกับหลักการและเหตุผลในการดำเนินมาตรการทางกฎหมาย ต่อผู้กระทำความผิดในการละเมิดสถาบันฯ
๓) ร่วมมือกับภาควิชาการศึกษาวิเคราะห์ ข้อเท็จจริงในประเด็นต่างๆ ที่ส่งผลกระทบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และผลกระทบจากการดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๑๒ และพระราชบัญญัติว่าด้วย การกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕๐ เพื่อพิจารณาปรับปรุงกระบวนการบังคับใช้กฎหมายให้เป็นไปอย่างรัดกุม รอบคอบ ป้องกันมิให้ถูกนำไปเป็นประเด็นสร้างข้อขัดแย้งในสังคม”
4. นอกจากนี้ ยังจะต้องมีการเฝ้าระวังและดำเนินการต่อการเคลื่อนไหวที่ส่งผลกระทบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
เพื่อให้มีการดำเนินการอย่างถูกต้อง เหมาะสมทันเหตุการณ์ในการติดตามเฝ้าระวังและดำเนินการต่อ บุคคลและกลุ่มคนที่เคลื่อนไหวส่งผลกระทบ ต่อความมั่นคงของสถาบันพระมหากษัตริย์และการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
แนวทางปฏิบัติ
“๑) จัดให้มีกลไกระดับนโยบายเพื่อบูรณาการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการติดตามเฝ้าระวังความเคลื่อนไหวของ บุคคลและกลุ่มคนที่มีแนวโน้มส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของสถาบันพระมหากษัตริย์และการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ทั้งในและนอกประเทศ นำไปสู่การกำหนดมาตรการแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็วและเหมาะสม
๒) ให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนงาน ในการติดตามเฝ้าระวัง การเคลื่อนไหวของบุคคลและกลุ่มคน ที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงยั่งยืนของสถาบันพระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข เพื่อรายงานสถานการณ์และผลการดำเนินงานต่อกลไกระดับนโยบาย โดยมีการประเมินผลการปฏิบัติตามห้วงเวลา อย่างต่อเนื่อง
๓) สร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างภาครัฐ เอกชน ประชาชนและองค์กรทางสังคม เพื่อให้ทุกภาคส่วนได้มีส่วนร่วมในการติดตาม ป้องกัน เฝ้าระวัง และแจ้งเบาะแส การเผยแพร่ข่าวสาร/ความเคลื่อนไหวที่ส่งผลกระทบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยกำหนดหน่วยงานรับผิดชอบและช่องทางการติดต่อที่สะดวกและชัดเจน”
5. ข้างต้น เป็นแค่บางส่วนของแนวทางปฏบัติที่ชัดเจน ที่ฝ่ายความมั่นคงสมัยอดีตนายกฯลุงตู่ ดำเนินการวางแนวทางไว้
ถ้านายกฯ อุ๊งอิ๊งค์มีเจตนาปกป้องคุ้มครองสถาบันพระมหากษัตริย์จริง จะต้องทำอะไรมากกว่าใส่เสื้อเหลืองนวยนาดไปวันๆ
มิเช่นนั้น ก็ไม่ต่างจาก “ม้าไม้เมืองทรอย” รอเวลาก่อการบางอย่าง
หรือเพียงแค่จำแลงแปลงกายเข้ามาทำทีเป็นนายกฯที่จงรักภักดี แต่ธาตุแท้หาเป็นเช่นนั้นไม่
กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา
ถ้าถึงเวลา กฎแห่งกรรมและกฎหมาย จะรุนแรงไร้ความปรานีอย่างที่อุ๊งอิ๊งค์และตระกูลชินวัตรไม่เคยคาดคิดมาก่อนในชีวิต!
ขณะนี้ ยังพอมีเวลา จงเร่งทำสิ่งที่ต้องทำ ในฐานะนายกฯที่รู้จักหน้าที่เสียเถิด
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี