การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ 2024 จบแล้วภาพรวมผลการเลือกตั้งเป็นอย่างไร..คงทราบกันดีอยู่แต่ก็ยังมีประเด็นเก็บตกน่าสนใจที่อยากนำมาเล่าสู่กันฟังสักสองสามเรื่อง......
เรื่องแรก คือ การเลือกตั้งครั้งนี้ถือเป็นการกลับมาของพรรครีพับลิกัน เพราะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ 8 ครั้งที่ผ่านมา นับตั้งแต่ปี 1992 ถึง 2020 ไม่ว่าแคนดิเดตจากพรรคไหนจะชนะคะแนน electoral vote ได้เป็นประธานาธิบดี แต่พรรคเดโมแครตจะชนะคะแนน popular vote ถึง 7 ใน 8 ครั้ง (ยกเว้นการเลือกตั้งปี 2004) ขนาดการเลือกตั้งปี 2016 ที่ทรัมป์ชนะคะแนน electoral vote ( 306 ต่อ 232 คะแนน) ได้เป็นประธานาธิบดีสมัยแรก แต่คะแนน popular vote ก็ยังแพ้นางฮิลลารี คลินตัน เกือบ 3 ล้านคะแนนแต่การเลือกตั้ง 2024 ทรัมป์ชนะทั้งคะแนน popular voteและ electoral vote อย่างเอกฉันท์
กล่าวได้ว่า....การแพ้ popular vote แต่ชนะ electoral vote ดังเช่น กรณีของ ทรัมป์ กับ ฮิลลารี หรือ บุช กับ กอร์ ในการเลือกตั้งปี 2000 ทำให้การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ยังไม่เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริงหรือในระดับที่เข้มข้น เคยมีความพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญสหรัฐประเด็นนี้มานาน แต่ก็ยังไม่สำเร็จสักที เพราะกระบวนการนั้นค่อนข้างยาก โดยทำได้สองวิธี คือ (1) ต้องใช้เสียงถึง 2 ใน 3 ของรัฐสภาสหรัฐ (U.S. Congress) คือสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา เป็นผู้เสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเอง หรือ (2) สภาคองเกรสด้วยความเห็นชอบของสภานิติบัญญัติของแต่ละมลรัฐ จำนวน 2 ใน 3 ของจำนวนมลรัฐทั้งหมด (34 จาก 50 มลรัฐ) เรียกการประชุมระดับชาติ (national convention) เพื่อพิจารณายกร่างการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยตรง
ดังที่เกริ่นไว้ว่า...การเลือกตั้งครั้งนี้ไม่เป็นเพียงแค่ชัยชนะของทรัมป์เท่านั้น แต่ยังเป็นชัยชนะของพรรครีพับลิกันด้วย ที่ชนะการเลือกตั้งสภาสูงทำให้มีจำนวนเสียงวุฒิสภามากกว่าของพรรคเดโมแครต และมีแนวโน้มที่จะชนะการเลือกตั้งสภาล่างอีกด้วย ขณะนี้ (7 พ.ย.) การนับคะแนนการเลือกตั้งสภาผู้แทนราษฎร ยังไม่เสร็จสิ้น แต่พรรครีพับลิกันนำอยู่ 208 ต่อ 191 เสียง ถ้าพรรคไหนมี 218 เสียงขึ้นไปก็จะได้ครองเสียงข้างมากในสภาล่าง
ถ้าเป็นเช่นนั้น หมายความว่า พรรครีพับลิกันจะได้คุมอำนาจการเมืองการปกครองของสหรัฐทั้ง3 ฝ่าย คือ อำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร และอำนาจตุลาการอีกด้วย ที่กล่าวเช่นนี้ก็เพราะว่าในส่วนของอำนาจตุลาการนั้น ปัจจุบัน ผู้พิพากษาศาลสูงสุด 6 ใน 9 คน เป็นผู้ที่ถูกแต่งตั้งโดยประธานาธิบดีที่มาจากพรรครีพับลิกัน โดยตัวทรัมป์เองเมื่อตอนเป็นประธานาธิบดีสมัยแรก ก็มีโอกาสได้แต่งตั้งผู้พิพากษาศาลสูงสุดถึง 3 คน และนับจากนี้ไปอีก 4 ปีถ้าผู้พิพากษาฝ่ายเสรีนิยม 3 คน เกิดเสียชีวิตหรือลาออก ก็จะทำให้ทรัมป์ได้แต่งตั้งผู้พิพากษาฝ่ายอนุรักษ์นิยมเข้าไปแทน
นอกจากนั้น ประธานาธิบดียังมีอำนาจในการแต่งตั้งผู้พิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ในระดับรัฐบาลกลาง (Federal System) ด้วยการเสนอชื่อผ่านการพิจารณาของคณะกรรมาธิการยุติธรรม และต้องผ่านความเห็นชอบโดยวุฒิสภา ซึ่งการที่พรรครีพับลิกันคุมเสียงข้างมากในวุฒิสภาเช่นนี้ ก็คงไม่น่าจะเป็นปัญหาแต่ประการใด
รัฐธรรมนูญสหรัฐยังกำหนดให้ผู้พิพากษาศาลของรัฐบาลกลาง มีระยะเวลาดำรงตำแหน่งตลอดชีวิต (life tenure) การดำรงตำแหน่งของผู้พิพากษาในระดับรัฐบาลกลางจะสิ้นสุดลงก็ต่อเมื่อตาย ลาออก เกษียณอายุโดยสมัครใจ หรือโดนถอดถอนเนื่องจากไปทำตัวชั่วร้าย มีเรื่องอื้อฉาวโผล่ขึ้นมา และที่ผ่านมา
ผู้พิพากษาระดับรัฐบาลกลาง ถ้าไม่มีปัญหาเรื่องสุขภาพหรือไปขึ้นบัลลังก์พิพากษาไม่ไหวจริงๆ แต่ละคนก็ต่างอยู่ในตำแหน่งนี้ไปจนสิ้นลมหายใจกันทั้งนั้น
อย่างไรก็ตาม การแต่งตั้งผู้พิพากษาในระดับมลรัฐนั้น (State System) ประธานาธิบดีไม่มีอำนาจที่จะเข้าไปก้าวก่าย ซึ่งทั้ง 50 รัฐก็มีวิธีอันได้มาซึ่งตัวผู้พิพากษาทั้งในศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์และศาลสูงที่ไม่เหมือนกัน ระยะเวลาการดำรงตำแหน่งก็ต่างกันไปตามกฎหมายของแต่ละรัฐ
จากเรื่องที่หนึ่ง..การครอบครองเสียงข้างมากในอำนาจทั้ง 3 สถาบันของพรรครีพับลิกัน ก็นำมาสู่.....
เรื่องที่สอง คือ ปัจจุบัน...ทรัมป์มีคดีอาญาติดตัวอยู่ 4 คดี ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณา รวมๆแล้วกว่า 90 ข้อหา คือ
1.คดีเหตุจลาจลที่อาคารรัฐสภา สหรัฐ เมื่อวันที่ 6 ม.ค.2564 คดีนี้ทรัมป์โดน 4 กระทง ด้วยข้อหาพยายามจะล้มล้างผลการเลือกตั้งประธานาธิบดี เมื่อสี่ปีก่อนที่ตัวเขาแพ้ ด้วยการปลุกระดมกลุ่มผู้สนับสนุนที่ชุมนุมประท้วงให้บุกเข้าไปในรัฐสภาอันนำไปสู่เหตุการณ์จลาจลภายอาคาร
2.คดีพยายามครอบครองเอกสารลับของทางราชการไว้ในที่พักของตนเอง คดีนี้โดนไปอีก 40 ข้อหา
3.คดีพยายามล้มล้างผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีในรัฐจอร์เจีย ในการเลือกตั้งครั้งก่อนที่ทรัมป์แพ้คดีนี้โดนไป 13 ข้อหา
4.คดีปลอมแปลงเอกสารบันทึกทางธุรกิจโดยมีเจตนาฉ้อฉลเพื่อปกปิดอาชญากรรมอื่นฯ อีก34 ข้อหา
สองคดีหลังเป็นระดับมลรัฐ โดยคดีสุดท้ายนี้ทรัมป์ได้ถูกศาลตัดสินว่ามีความผิดในคดีอาญาเรียบร้อยไปแล้ว 34 กระทง คือ คดีปลอมแปลงเอกสารบันทึกทางธุรกิจโดยมีเจตนาฉ้อฉลเพื่อปกปิดอาชญากรรมอื่น จากกรณีการจ่ายเงินปิดปากนักแสดงภาพยนตร์สำหรับผู้ใหญ่ เพื่อปกปิดความสัมพันธ์ในอดีต แต่จนบัดนี้ ศาลยังไม่กำหนดโทษ และพึ่งประกาศการกำหนดโทษทรัมป์คดีดังกล่าวในวันที่ 26 พฤศจิกายนนี้หลังจากที่เคยเลื่อนมาแล้วครั้งหนึ่งในกลางเดือนกันยายนที่ผ่านมา ขณะที่ทีมทนายของทรัมป์ก็เตรียมทำเรื่องขอเลื่อนการประกาศการกำหนดโทษทรัมป์ออกไปอย่างไม่มีกำหนด
ส่วนสองคดีแรกเป็นคดีระดับรัฐบาลกลาง ซึ่งถ้าพบว่ามีความผิดจริง ทรัมป์ก็อาจจะถูกดำเนินการถอดถอนออกจากตำแหน่งได้ (Impeachment) แต่ดังที่กล่าวไว้ข้างต้น การครอบครองเสียงข้างมากในรัฐสภา คงทำให้ทรัมป์ไม่อินังขังขอบอะไรกับกระบวนการนี้ เพราะรู้ว่าอย่างไรเสีย บรรดานักการเมืองฝ่ายรีพับลิกันก็คงไม่มีใครลงคะแนนถอดถอนตัวเขา โดยตอนเป็นประธานาธิบดีสมัยแรก ทรัมป์ก็เคยโดนถอดถอนมาถึง 2 ครั้ง แต่ก็ผ่านการลงมติมาได้แบบสบายๆ
ในประวัติศาสตร์การเมืองสหรัฐมีประธานาธิบดีเพียงแค่ 3 คนเท่านั้น ที่เคยถูกดำเนินกระบวนการถอดถอนออกจากตำแหน่ง คือ แอนดรูว์ แจ็กสัน กับ บิล คลินตัน คนละครั้ง และทรัมป์ โดนถึง 2 ครั้งซึ่งในอนาคตข้างหน้าก็อาจจะโดนอีกครั้งหรือมากกว่าก็ได้ เพราะคดีเก่าก็ยังไม่จบและอาจตามมาด้วยคดีใหม่อีกด้วยพฤติกรรมที่มักจะทำอะไรที่ปราศจากหิริโอตตัปปะ
ปลายเดือนกรกฎาคม 2020 ก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งที่แล้ว 106 วัน ในตอนนั้นเป็นช่วงเวลาที่การแพร่ระบาดของโควิด-19 กำลังเริ่มทวีความรุนแรงในสหรัฐ...
บ็อบ วู้ดเวิร์ด สื่อมวลชนอาวุโส จากหนังสือพิมพ์วอชิงตัน โพสต์ ได้สัมภาษณ์ถามทรัมป์ว่า...มีแผนการอย่างไรบ้าง ที่จะรับมือกับการระบาดของโควิค-19 ที่ทำให้คนอเมริกันเสียชีวิตมากขึ้นๆ ทุกวัน.....
ทรัมป์ ตอบว่า....เขามีแผนการเตรียมไว้แล้วสำหรับ 106 วัน นับจากวันนี้....
คำตอบดังกล่าว สะท้อนให้เห็นว่า ในห้วงเวลาที่กำลังหน้าสิ่วหน้าขวาน เช่นนี้ ทรัมป์ยังมัวแต่คิดถึงเรื่องเตรียมตัวเรื่องการเลือกตั้งของตัวเอง มากกว่าการรับมือโรคร้ายที่กำลังคร่าชีวิตคนอเมริกันที่กำลังเพิ่มขึ้นอยู่ทุกวัน
ครับ....ตระกูลนี้จะยังคงมีอิทธิพลต่อการเมืองสหรัฐไปอีกนาน และในอนาคตประธานาธิบดีคนต่อไปของสหรัฐอาจจะชื่อ โดนัลด์ ทรัมป์ จูเนียร์หรือ อิแวนกา ทรัมป์ ลูกสาวสุดที่รักของเขาก็เป็นไปได้
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี