จู่ๆ ก็มีมติ ครม. ออกมาเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2567 ว่า รัฐบาลไทยจะให้สัญชาติกับคนต่างด้าวรวมทั้งหมด 483,000 คน โดยแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มดังนี้
l กลุ่มแรก คือ ตั้งแต่ปี 2527-2542 มีประมาณ 120,000 คน
l กลุ่มที่ 2 ปี 2548-2554 มีประมาณ 215,000 คน
l กลุ่มที่ 3 กลุ่มบุตรที่เกิดในราชอาณาจักรไทย ของชนกลุ่มน้อย มีประมาณ 29,000 คน
l กลุ่มที่ 4 กลุ่มบุตรที่เกิดในราชอาณาจักรไทย ของบุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียนโดยมีการสำรวจไปแล้วประมาณ 113,000 คน ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องที่ดีเมื่อมองจาก
1.ในแง่มนุษยธรรม ที่เขาทั้งหลายต่างจะมีความเป็นตัวตน มีศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์ แล้วจะได้รับโอกาสที่จะดำเนินการให้ชีวิตมีความแน่นอนมั่นคงยิ่งขึ้น
2.เป็นการช่วยเพิ่มจำนวนประชากร ในขณะที่ประเทศไทยประสบปัญหาอัตราการเกิดลดน้อยลง จะขาดผู้คนที่จะทำงานและเสียภาษี และการต้องรับภาระดูแลผู้สูงวัยที่จะมีจำนวนมากขึ้นไปเรื่อยๆ
3.เป็นการสะท้อนการเปิดกว้างทางใจและความโอบอ้อมอารีของคนไทยแก่ผู้ตกยาก
4.สะท้อนว่าไทยมีขีดความสามารถต่างๆ ในการที่จะต้อนรับดูแลพลเมืองไทยรุ่นใหม่ได้
อย่างไรก็ตามเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญที่เกี่ยวกับอำนาจอธิปไตย และเกี่ยวกับภาระทางด้านงบประมาณ และการจัดระบบบริหารจัดการกับผู้คนจำนวนดังกล่าว
ซึ่งกว่าเรื่องจะมาถึงคณะรัฐมนตรีก็น่าจะได้มีการปรึกษาหารือกันอย่างกว้างขวางภายในหน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง และการนำเรื่องสู่รัฐสภาเพื่อการหารือและหาข้อยุติ แต่ดูเสมือนว่ากระบวนการปรึกษาหารือดังกล่าวมิได้เกิดขึ้น
เรื่องจึงดูจะเป็นการรวบรัดอยู่พอสมควร แต่คงจะไม่สายเกินไปที่จะนำเรื่องทั้งหมดเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาอย่างกว้างขวางลึกซึ้ง พร้อมด้วยสถิติ ข้อมูลต่างๆ งบประมาณที่จะใช้จ่าย จำนวนข้าราชการที่จะเกี่ยวข้อง และหน่วยงานใดเป็นแม่งาน และมีความพร้อมอย่างเต็มที่หรือไม่อย่างไร อีกทั้งก็จะมีประเด็นเรื่องการจัดหาที่อยู่อาศัย ที่ทำกิน และที่ทำงาน ควบคู่ไปกับเรื่องการบริการด้านสังคมต่างๆ เช่น การศึกษาและการรักษาพยาบาล อีกทั้งจะมีการจัดตั้งกองทุนเพื่อให้ผู้จะมีสัญชาติไทยเหล่านี้ได้ตั้งต้นชีวิตใหม่ได้มากน้อยเพียงใด และภาพหนึ่งที่ไม่แน่ชัดก็คือ การได้มาซึ่งจำนวน 483,000 คนดังกล่าวนั้น ได้มีระบบรวบรวมอย่างใด ใช้งบประมาณไปแค่ไหนแล้ว และผู้คนเหล่านี้กระจัดกระจายอยู่ทั่วประเทศไทยกันมาอย่างไร
อีกประเด็นหนึ่งที่น่าจะต้องพึงระมัดระวังและพึงสังวรไว้ก็คือ การแอบสวมสิทธิ์โดยกลุ่มอาชญากรต่างชาติ และฝ่ายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ควรจะให้ข้อมูลต่อสาธารณะด้วยว่า ยังมีการสำรวจคนต่างด้าวกลุ่มอื่นๆ ที่ไหนอย่างไรด้วย แล้วจะมีกลุ่มไหนบ้างที่จะถูกกันออกไป เป็นต้น
ทั้งนี้ขั้นตอนการออกสัญชาติก็ควรเป็นขั้นตอนที่ง่าย สะดวก ต่อการปฏิบัติ ไม่สลับซับซ้อนและภาครัฐจะต้องเข้มงวดว่าไม่มีช่องโหว่ใดๆ ที่จะนำไปสู่การทุจริตคอร์รัปชั่น รวมทั้งเรียกร้องค่าป่วยการใต้โต๊ะ และการใช้จ่ายงบประมาณบริหารจัดการที่ไม่โปร่งใส
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี