นั่งนึกๆ ดู ตั้งแต่อดีตนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร กลับเข้ามาในประเทศไทย หลังจากหนีไป 15 ปีกว่านับตั้งแต่ปลายเดือนกรกฎาคม 2551 และกลับเข้ามาในวันที่ 22 สิงหาคม 2566..อะไรต่อมิอะไรก็ปะทุขึ้นมาอีก..คือมีแต่เรื่องชั่วๆ ของนักการเมือง ที่อาจจะทำให้บ้านเมืองพินาศย่อยยับได้
นักการเมืองที่นั่งเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดนี้ที่เกี่ยวข้องกับ“ทักษิณ ชินวัตร”..ยากจะหาคนที่ประชาชนไว้วางใจได้..เพื่อที่จะพิทักษ์ปกป้องความถูกต้องชอบธรรมของบ้านเมือง..และสิทธิประโยชน์ของประชาชน..ไม่ว่าจะเป็นรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทยต้นสังกัด..ที่“ทักษิณ”เป็นเจ้าของคอกตัวจริง หรือจากพรรคการเมืองอื่นที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาล
เรื่องความเป็น“นักโทษเทวดาชั้น 14”ของ“ทักษิณ ชินวัตร”..ที่ทุกฝ่ายเห็นว่ามีความไม่ชอบมาพากล จากการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการที่เกี่ยวข้อง..ทั้งกรมราชทัณฑ์และโรงพยาบาลตำรวจ..จนมีการร้องเรียนให้ ป.ป.ช.ดำเนินการสอบสวน..กรณีละเว้นการปฏิบัติหน้าที่เพื่อผลประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง และเอื้อหรือสนับสนุนให้ผู้อื่นได้ประโยชน์..ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาของ ป.ป.ช.
ปรากฏว่าเรื่องนี้ แทนที่ประชาชนจะพึ่งพาหรือไว้เนื้อเชื่อใจ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง หัวหน้าพรรคประชาชาติ..ซึ่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ที่กำกับดูแลกรมราชทัณฑ์โดยตรงได้อย่างอุ่นใจ..แต่กลับเป็นตรงกันข้าม..เพราะใครได้ยินได้ฟัง พ.ต.อ.ทวี ให้สัมภาษณ์หรือพูดถึงความเป็น“นักโทษเทวดา”ของ“ทักษิณ ชินวัตร”..ก็ย่อมมีสิทธิ์คิดได้ว่า พ.ต.อ.ทวีปกป้องทักษิณ และสมคบคิดกับข้าราชการกรมราชทัณฑ์เพื่อช่วยเหลือทักษิณ
ดังจะเห็นได้จากการให้สัมภาษณ์ของ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ตั้งแต่เมื่อครั้งที่“ทักษิณ ชินวัตร” ยังเป็นนักโทษเทวดา“ป่วยทิพย์”อยู่บนห้อง วีไอพี.ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ จนกระทั่งถึงวันนี้ที่เรื่องอยู่ในชั้นการพิจาณาสอบสวนของ ป.ป.ช.เกี่ยวกับปมเงื่อน“เวชระเบียน”..ซึ่งโรงพยาบาลตำรวจไม่ยอมส่งเอกสารให้แก่ ป.ป.ช.เหมือนส่อพิรุธ..โดยที่ พ.ต.อ.ทวียืนยันทุกครั้งในกรณีของ“ทักษิณ”ว่าถูกกฎหมาย และถูกกฎระเบียบข้อบังคับของกรมราชทัณฑ์
ยกมาให้ดูล่าสุดเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายนเมื่อวานนี้เอง..ซึ่งสื่อพาดหัวข่าว่า พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง“โวย”คณะกรรมาธิการความมั่นคงของรัฐฯ สภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายรังสิมันต์ โรม สส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรคประชาชน เป็นประธาน..โดย พ.ต.อ.ทวีกล่าวหาว่าคณะกรรมาธิการชุดนี้มีความแปลก เพราะเอาคนนอกและสื่อมวลชนเข้ามาในที่ประชุม และจ้องจะถามจับผิดเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์
ทั้งนี้ “พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง” ซึ่งเติบโตในชีวิตราชการบนเส้นทางข้าราชการประจำตั้งแต่ยุค“ทักษิณ ชินวัตร”เรืองอำนาจในสมัยรัฐบาลพรรคไทยรักไทย จนกระทั่งมาถึงยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก่อนจะลาออกจากราชการมาเล่นการเมือง ได้กล่าวว่า “เช่นถามเรื่องเวชระเบียน ซึ่งในช่วง 120 วันที่อดีตนายฯทักษิณพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ..มีหลักฐานต่างๆ มากกว่าเวชระเบียน เช่น การตรวจเอ็มอาร์ไอ และทุกอย่างเป็นวิทยาศาสตร์..จึงอยากนำข้อมูลไปให้เจ้าหน้าที่สอบสวน..ไม่ใช่บุคคลที่มาจ้องหาเศษหาเลย พูดให้เกิดความเสียหายกับทางรัฐบาล”
พร้อมกันนี้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ซึ่งเป็นลูกน้องเก่าของอดีตนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร ตั้งแต่เมื่อครั้ง พ.ต.อ.ทวียังเป็นตำรวจระดับผู้กำกับและรองผู้บังคับการกองปราบปราม ยืนยันกับสื่อด้วยว่า..การออกไปรักษาตัวของ“ทักษิณ”ที่โรงพยาบาลตำรวจนั้น ตามกฎหมายราชทัณฑ์แม้จะเป็นแค่พยาบาลวิชาชีพ หรือเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ก็สามารถส่งตัวนักโทษออกไปพักรักษาตัวนอกเรือนจำได้..และย้ำว่า“การไปอยู่โรงพยาบาล ก็ถือเป็นเรือนจำชนิดหนึ่ง”
ที่กล่าวมานั้น..แค่เรื่องการ“ป่วยทิพย์”ของอดีตนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร เพียงเรื่องเดียวก็เห็นแล้วว่า..รัฐมนตรีในรัฐบาลชุดนี้ที่เกี่ยวข้องกับ“ทักษิณ ชินวัตร”..ล้วนพึ่งพาและไว้เนื้อเชื่อใจไม่ได้ทั้งสิ้น..เพราะประโยชน์ของทักษิณซึ่งเป็น“นายใหญ่”ต้องมาก่อน..และมีความสำคัญมากกว่าความถูกต้องชอบธรรมที่เป็นหลักของบ้านเมือง..ตลอดจนสิทธิและประโยชน์ของประชาชนส่วนใหญ่ที่ควรจะได้รับการพิทักษ์ปกป้อง
นอกเหนือจากเรื่องนี้ กรณี“เกาะกูด”ก็ชัดเจน..ที่น่าจะมีผลประโยชน์ทับซ้อนจากทรัพยากรปิโตรลียมมูลค่ามหาศาลมากกว่า“20 ล้านล้านบาท”ในพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนเข้ามาเกี่ยวพัน..กับ“ทักษิณ ชินวัตร”และ“ฮุน เซน”แบบ“ไทยครึ่งหนึ่ง-เขมรครึ่งหนึ่ง”..ซึ่งฟังจากการให้สัมภาษณ์ทุกครั้งของนายภูมิธรรม เวชชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรง..ก็ทำให้รู้สึกได้เช่นกันว่าไม่อาจจะไว้วางใจได้..ว่าผลประโยชน์ของชาติ หรือของ“ทักษิณ”..อย่างไหนสำคัญกว่ากัน
อีกเรื่องหนึ่งเพิ่งสดๆ ร้อนๆ กรณีนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ซึ่งใครก็รู้ว่าตัดไม่ขาดจากพรรคเพื่อไทยและ“ทักษิณ ชินวัตร”..ที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นประธานบอร์ดแบงก์ชาติคนใหม่..โดยที่มีเสียงคัดค้านจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง..ว่าการเมืองจะเข้าไปครอบงำแบงก์ชาติ..ปรากฏว่านายภูมิธรรม เวชยชัย ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี ได้ให้สัมภาษณ์โดยอ้างหลักการว่า “หากพิจารณาตามกรอบที่เป็นผู้มีความรู้ความสามารถ และผ่านการพิสูจน์ทราบแล้วว่ามีคุณสมบัติตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด..ก็เป็นไปตามนั้น”
แต่ล่าสุด..นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อาจจะมีปัญหาเรื่องคุณสมบัติในการดำรงตำแหน่งประธานบอร์ดแบงก์ชาติ..ที่มีข้อห้าม“ต้องไม่เป็นหรือเคยเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง.. เว้นแต่จะได้พ้นจากตำแหน่งมาแล้วไม่น้อยกว่าหนึ่งปี”..ซึ่งแม้ว่าฝ่ายรัฐบาลจะเลี่ยงหรือเชื่อว่าตำแหน่ง“ประธานที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี” (นายเศรษฐา ทวีสิน) ของนายกิตติรัตน์ ที่เพิ่งจะพ้นจากตำแหน่งพร้อมกับนายเศรษฐาเมื่อวันที่ 14 สิงหาคมที่ผ่านมา..ไม่ใช่“ตำแหน่งทางเมือง”..แต่ถึงที่สุดก็ต้องไปจบกันที่ศาลหากมีคนยื่นฟ้องเป็นคดีความ..และเชื่อว่าต้องมีคนฟ้องแน่นอน
จะอย่างไรก็ตาม สรุปแล้ว สูตรสำเร็จของรัฐมนตรี..ที่คนมองว่าเป็น“ขี้ข้าทักษิณ”มักจะใช้เป็นข้ออ้าง ก็คือ..ทุกอย่างเป็นไปตาม“กฎหมาย-กฎระเบียบ-กฎเกณฑ์”..ส่วนเพื่อจะสนองประโยชน์ให้แก่“โจร”หรือใครนั้น-สุจริตชนและวิญญูชนในประเทศนี้ต่างรู้อยู่แก่ใจ !
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี