“ทักษิณ ชินวัตร” ปราศรัยใหญ่ที่จังหวัดอุดรธานีทั้งวันที่ 13 และ 14 พฤศจิกายนสองวันติด เพื่อหาเสียงช่วยลูกพรรค คือนายศราวุธ เพชรพนมพร ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) อุดรธานี ซึ่งปรากฏว่าหลายประเด็นที่ทักษิณผู้ตั้งฉายาให้ตนเองว่า“เสือกทุกเรื่อง”พูด..เหมือนทักษิณพูดให้“คนโง่”ฟัง และก็มีคนเชื่อเสียด้วย โดยเฉพาะมวลชนคนเสื้อแดง
สำคัญเหนืออื่นใด ก็คือ ยังเปิดเผยให้เห็นธาตุแท้ที่เป็นตัวตนของ“ทักษิณ ชินวัตร”ซึ่งไม่เคยเปลี่ยน..แม้วันเวลาจะผ่านไปจนถึงวัย 75 ปีที่ใกล้จะลงโลงอยู่รอมร่อ
โดยเฉพาะเรื่อง“ความเหี้ยมอำมหิต”ที่ทำให้ประชาชนคนไทยตายไปมากกว่า 2,500 ศพ..จากการทำ“สงครามปรามปรามยาเสพติด”ของรัฐบาลพรรคไทยรักไทย ในปี 2546..ซึ่ง“ทักษิณ ชินวัตร”ในฐานะนายกรัฐมนตรีผู้กำหนดนโยบาย ได้สั่งให้ข้าราชการฝ่ายปกครองและตำรวจในทุกจังหวัดรับไปปฏิบัติ..โดยประกาศว่า..“สำหรับคนค้าท่านต้องใช้ Iron Fist หรือกำปั้นเหล็ก ใช้ความเด็ดขาด ชนิดที่ไม่ต้องปราณี” และ “ที่อยู่ของขบวนการค้ายาเสพติดมีสองที่ คือ ถ้าไม่ไปคุก ก็ไปวัด”
ทั้งนี้ เมื่อประมวลเนื้อหาการปราศรัยของ“ทักษิณ ชินวัตร”..ท่ามกลางมวลชนคนเสื้อแดงจาก 20 จังหวัดภาคอีสาน กับอีกสองจังหวัดภาคเหนือ คือเชียงรายและเชียงใหม่..ที่ดูภาพแล้วน่าจะมีการเกณฑ์กันมาในลักษณะจัดตั้ง..พอจะสรุปคร่าวๆ ได้ 7 ประการ..ซึ่งเห็นว่าเป็นธาตุแท้ของคนผู้นี้ที่ไม่เคยเปลี่ยน
1.ด้อยค่าดูหมิ่นเหยียดหยามคน-“ทักษิณ ชินวัตร”กล่าวถึงบรรดา“นักร้อง”ที่ยื่นคำร้องต่อองค์กรอิสระให้ตรวจสอบการกระทำที่เข้าข่ายละเมิดกฎหมายของตนเองว่า..“โอ้ย ธรรมดาพี่น้องเอ้ย อย่าไปใส่ใจ มีแต่เสียงเห่าหอน เวลาไปวัดกลางคืน กลับบ้านมาหมาก็เห่าหอนเป็นธรรมดา อย่าไปพยายามตีความว่ามันเห่ายังไง ปล่อยให้มันเห่า หมาอยู่ส่วนหมา คนอยู่ส่วนคน"
2.ปากพล่อยยกตนข่มท่าน-“เห็นสภาพบ้านเมืองแล้วหดหู่ หากปล่อยไว้แบบนี้คนไทยจะเหมือนคนลาว ถูกพัฒนาช้า พัฒนาเร็วเฉพาะส่วน คนส่วนใหญ่ถูกทอดทิ้ง ผมก็เป็นคนบ้านนอก ฉะนั้น ใจผมเป็นห่วงที่สุดคือคนรากหญ้า สิ่งที่ยากเลยคือนักการเมืองเฮงซวย หากการเมืองเฮงซวยเมื่อไหร่ นักการเมืองก็เฮงซวยตาม แต่ระหว่างที่ผมออกไปเขาก็สร้างระบบกติกาให้การเมืองมันเฮงซวยขึ้นเรื่อยๆ"
3.คุยโม้โอ้อวดคิดใหญ่ทำเป็น-“ขอให้พี่น้องมีพลังมีกำลังใจ วันนี้เพื่อไทยกลับมาเป็นรัฐบาลแล้ว เป็นพรรคที่เป็นนักแก้เศรษฐกิจ นักแก้ปัญหายาเสพติด นักกระจายอำนาจลงสู่ภาคประชาชน และวันนี้จะเป็นนักแก้การผูกขาด ขอให้พี่น้องอดทนมาร่วมกันอีกนิดเดียว ผมมั่นใจว่าสิ่งเหล่านั้นท่านจะได้เห็นก่อนการเลือกตั้งใหญ่ในปีหน้า..ผมใช้เงินส่วนตัว 300 ล้านบาท จ้างชาวต่างชาติปรับปรุงโอทอป (OTOP)ครั้งใหญ่ อีกไม่นานเขาจะเปิดตัวว่าจะต้องรื้อไปทำอะไร และเพื่อปรับปรุงโอทอปไปขายทั่วโลก แล้วจะมาเสนอนายกฯ อิ๊งค์ โดยที่ไม่เก็บเงิน เพราะผมจ่ายเงินไปแล้ว”
4.ปลิ้นปล้อนไหลลื่น-“เห็นผมใกล้ๆ แล้ว ผมแก่ไปเยอะหรือไม่ ตอนนี้แก่ไปเยอะ แต่เห็นพี่น้องมากันเยอะก็รู้สึกหนุ่มขึ้น จะร้องเพลง‘เสก โลโซ’ว่าอย่างไร เขาบอกคิดถึงตอนอายุ 14 แต่ผมคิดถึงตอนอายุ 55 ที่มาเป็นนายกฯ นายกฯ อิ๊งค์เป็นลูกคนเล็ก เป็นคนที่ติดตามผมไปทุกที่ตั้งแต่ 8 ขวบ แม้กระทั่งไปประชุมเอเปกก็ติดตามผมไป วันนี้ไปประชุมเอง เป็นนายกฯ เอง..ผมไม่มีสิทธิ์ครอบงำลูก เพราะผมรักลูกแบบเกรงใจมาก ดังนั้นต้องให้ลูกครอบงำแทน ลูกบางทีนั่งคุยกับผม ปรึกษาผม แต่สั่งผมนะ สั่งให้ทำนั่นทำนี่ให้หน่อย”
5.อวดตนยกหางลูกสาว-“สิ่งที่นายกฯ อิ๊งค์ มีอยู่เหมือนผมทุกอย่าง คือ ความรักและความห่วงใยพี่น้องประชาชน คิดว่าต้องแก้ปัญหาให้พี่น้องประชาชนให้ได้ และเชื่อว่ากลางปีหน้าพี่น้องประชาชนจะเห็นแสงสว่าง ปลายปีจะเห็นเศรษฐกิจที่คึกคักมาก เขาบ่นกับผมมาคำหนึ่งว่า พ่อ-อิ๊งค์คิดว่าการผูกขาดทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นการผูกขาดโดยรัฐก็ดี หรือผูกขาดโดยเอกชนก็ดี ทำให้คนไทยจน เพราะการผูกขาดเหมือนเป็นเสือนอนกิน วันนี้จึงต้องลดทุนของการผูกขาดให้ประชาชนมากที่สุด..นายกฯ อิ๊งค์เป็นห่วงเรื่องหนี้ครัวเรือนมาก ชาวบ้านเป็นหนี้เยอะ คนจะโดนยึดบ้านยึดรถ วันนี้มีทางออกแล้ว นายกฯ อิ๊งค์บอกเดือนธันวาคม จะบอก เราจะให้ชาวบ้านได้ใช้หนี้ยังไง ลืมตาอ้าปากได้ยังไง”
6.นิยมความรุนแรงตั้งตนเป็นศาลเตี้ย-“วันนี้จึงขอฝากพี่น้อง ไปบอกพ่อค้ายาด้วยว่า วันนี้ทักษิณกลับมาแล้ว ทักษิณเกลียดพ่อค้าขายยามาก ไม่อยากเห็นหน้าแม่งสักคน มาแล้วนะ บอกให้มันรู้ด้วย ถ้าอยากให้ทักษิณรัก ต้องเลิกค้ายา..แล้วทักษิณก็ขยันเดินตรวจด้วย ตรวจเจอพ่อค้ายาก็เรียกมาเลย ไอ้ห่ามึงมานี่..แล้วอย่าลืมไปบอกตำรวจด้วย เห็นใจตำรวจ เพราะตอนที่ผมไม่อยู่ การแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจต้องเสียเงิน ซึ่งถือเป็นเรื่องที่เลวร้ายในสังคมไทยในช่วงที่ผมไม่อยู่ 17 ปี"
7.พูดจาเรื่อยเปื่อย-“วันนี้ต้องเลิกดัดจริต ต้องอยู่กับความเป็นจริง ว่าบ้านเมืองเราต้องการการพัฒนาสูงมาก ทุกวันนี้ระบบราชการเทอะทะควบคุมมากเกินไป ไม่ไว้ใจพี่น้องประชาชน ที่จริงแล้วประชาชนสามารถช่วยตัวเอง และตัดสินใจเองได้ ประเทศจะเจริญได้ต้องลดอำนาจภาครัฐ เพิ่มอำนาจให้ภาคประชาชน เพื่อป้องกันเรื่องโอกาสที่ไม่เท่าเทียมกัน..นายกฯ อิ๊งค์เป็นห่วงลูกชาวบ้าน จะทำอย่างไรให้มีโอกาสทางการศึกษาดีกว่านี้ นายกฯ อิ๊งค์บอกว่าหาตังค์ได้ มาช่วยเรื่องการศึกษาเด็ก เดี๋ยวค่อยเล่าให้ประชาชนฟังเดือนธันวาคม เพื่อให้เด็กบ้านนอกมีการศึกษาดี มีโอกาสไปเรียนเมืองนอก”
สรุป ได้ความว่า-อดีตนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร เชื่อมั่นว่าบุตรสาวของตนจะเป็นนายกรัฐมนตรีที่ดี..ซึ่งขณะนี้นายกรัฐมนตรีนามว่า“แพทองธาร ชินวัตร”อยู่ระหว่างการประชุมเอเปกที่กรุงลิมา ประเทศเปรู และสองวันก่อนหน้านี้ลั้ลลาอยู่ในนครลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา..โดยง่วนอยู่กับเสื้อผ้าหน้าผมและยิ้มระรื่นกับ“การกินและช้อป”ทั้งที่สหรัฐฯและเปรู
มิหนำซ้ำ “มาดามแพ”นายกรัฐมนตรีไอแพด ยังทำตัวเหมือนเด็กไร้เดียงสาแกล้งเล่นเป็น“แอร์โฮสเตส”บนเครื่องบินของกองทัพอากาศที่เช่าเหมาลำไปในราคามากกว่า 50 ล้านบาท..และเมื่อประเมินตัวเลขเป็นเงินค่าใช้จ่ายทุกรายการของคณะเวิลด์ทัวร์ชุดนี้ ระหว่างวันที่ 10-18 พฤศจิกายน..ที่เงินหลวงของแผ่นดินถูกถลุงไปนั้น น่าจะไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท..และก็คงจะกลับมาโดยที่ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน..เฉกเช่นสมัยนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี
สุดท้าย “ทักษิณ ชินวัตร”ได้กล่าวโปรโมท“สินค้าด้อยคุณภาพ”นามว่า“แพทองธาร ชินวัตร”ว่า “ดีไม่ดี-เก่งกว่าผม เพราะอายุน้อยกว่า เป็นคนรุ่นใหม่ รู้จักใช้เทคโนโลยี ขอให้นายกฯ อิ๊งค์ทำงานไปสักระยะหนึ่ง เราจะเห็นความเปลี่ยนแปลงชัดเจน”
สาธุ ! ขอให้จำเริญๆ ทั้งพ่อและลูกสาว..และจงระวัง ! ถ้าหากความเปลี่ยนแปลงนั้นเป็นไปในทางที่ทำให้บ้านเมืองวิบัติฉิบหาย-ทั้งพ่อและลูกจะไม่มีแผ่นดินอยู่ !
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี