คนอย่างทักษิณ ชินวัตร ไม่สามารถอยู่ได้โดยปราศจากอำนาจรัฐ อำนาจการเมือง และอำนาจทุน เพราะเขาเสพติดอำนาจรัฐไปแล้ว เพราะฉะนั้น เขาจึงต้องกระเสือกกระสนทุรนทุรายตะเกียกตะกายหาอำนาจรัฐตลอดเวลา เพราะเขารู้ดีว่าเมื่อมีอำนาจรัฐ อำนาจการเมือง ก็ทำให้เขามีความมั่งคั่งอู้ฟู่ล้นเหลือ
คำพูดใดๆ จากปากของทักษิณถูกวิพากษ์โดยคนที่รู้ทันพฤติกรรมสามานย์ของทักษิณว่าไม่สามารถเชื่อถือได้แม้แต่น้อย เพราะมีหลักฐานชัดเจนว่าทุกคำพูดทางการเมืองจากปากทักษิณไม่เคยปรากฏเป็นความจริงแม้แต่ครั้งเดียว แต่ทุกอย่างคือคำโฆษณาชวนเชื่อ เพื่อหวังผลทางการเมืองเท่านั้น
“ผมรวยแล้ว ผมไม่โกง” “ผมจะกลับบ้านมาเลี้ยงหลาน ผมไม่เล่นการเมืองแล้ว” “หากเสียงปืนดังขึ้นนัดแรก ผมจะกลับมาเดินนำหน้าพี่น้อง”
“ผมจะแก้ปัญหาจราจรในกรุงเทพฯ ภายใน 6 เดือน” “ผมลาออกจากหัวหน้าพรรคไทยรักไทยแล้ว ผมจะยุติบทบาททางการเมือง” “ผมจะวางมือทางการเมืองร้อยเปอร์เซ็นต์” “การกลับมาวันนี้ ผมไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับการเมืองอีก” “ไม่คิดเข้าสู่การเมือง น้องผมเป็นนายกฯแล้ว หมดเจเนอเรชั่นผมแล้ว” “สิบปีผ่านมาจนถึงทุกวันนี้ ผมต้องการครอบครัวที่อบอุ่นคืนมา โดยไม่มีคนในครอบครัวผมยุ่งเกี่ยวกับการเมืองอีกเลย”
ย่อหน้าข้างบนนั้นเป็นเพียงตัวอย่างของคำโกหกจากปากของทักษิณ เพราะหากจะนำคำโกหกจากปากของทักษิณมานำเสนอให้หมดแล้ว รับรองว่าเนื้อที่ของคอลัมน์นี้ไม่เพียงพออย่างแน่นอน
ถามว่าทำไมทักษิณชอบโกหก แล้วถามต่อไปว่าทักษิณคิดหรือว่ามีคนเชื่อคำโกหกของทักษิณ ตอบคำถามแรกที่ว่า ทำไมทักษิณชอบโกหก ขอสารภาพตรงๆ ว่าตอบไม่ได้ว่าเพราะอะไร แต่รู้เพียงว่าเขาโกหกบ่อยมาก และโกหกประจำ ส่วนคำถามที่ว่ามีคนเชื่อคำโกหกของทักษิณหรือ ตอบว่ามีเพราะคนที่เชื่อคำโกหกของทักษิณก็คือตัวของทักษิณเอง แล้วก็น่าจะมีคนในบ้านของทักษิณด้วย ส่วนคนเสื้อแดงจะเชื่อคำโกหกของทักษิณหรือไม่ ประเด็นนี้ก็ขึ้นกับว่าคนเสื้อแดงได้ประโยชน์อะไรจากคำโกหกของทักษิณหรือเปล่า หากได้ประโยชน์เขาก็เชื่อ แต่หากไม่ได้ประโยชน์ ก็ไม่มีใครเชื่อ
การขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงการเมืองที่จังหวัดอุดรธานีโดยทักษิณเมื่อเร็วๆ นี้ ถูกวิเคราะห์วิพากษ์และวิจารณ์โดยคอการเมืองว่า การปรากฏตัวบนเวทีโดยทักษิณในครั้งนี้ต่างไปจากเมื่อยุคที่ทักษิณยึดกุมอำนาจรัฐได้อย่างค่อนข้างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดเมื่อประมาณ 20 กว่าปีที่แล้วอย่างมาก ส่วนประเด็นที่บอกว่ายังมีคนนับหมื่น (หลายหมื่น) ไปรอพบทักษิณที่เวทีปราศรัย ก็มีคำถามว่าคนที่ไปรอพบนั้น ไปรอด้วยใจจริงๆ หรือไปเพราะมีการจัดตั้ง มีการว่าจ้าง หรือมีการพาไป หรือไม่
คนอุดรฯ กลุ่มหนึ่งบอกกับผู้เขียนว่าหากย้อนหลังไปในยุคที่ทักษิณเฟื่องฟูทางการเมืองมากๆ รับรองว่าคนเสื้อแดงอุดรฯ จะไปฟังทักษิณมากกว่านี้ แต่หลังจากทักษิณกลับไทยเมื่อ 22 สิงหาคม 2567 แล้วไม่ยอมติดคุก ทำให้คนเสื้อแดงจำนวนไม่น้อยมองว่าทักษิณไม่ใช่คนที่เขาต้องให้ความนับถืออีกต่อไป ส่วนประเด็นที่ทักษิณเคยบอกว่าไม่เกี่ยวข้องกับคนเสื้อแดงนั้น ยังเป็นคำพูดที่ฝังลึกในใจคนเสื้อแดงที่มีอุดมการณ์การเมืองอย่างชนิดที่ไม่สามารถลบล้างได้ เพราะคนเสื้อแดงที่มีอุดมการณ์การเมืองมองตรงกันว่าทักษิณถีบหัวคนเสื้อแดงทิ้งหลังจากเห็นว่าไม่ได้ประโยชน์จากคนเสื้อแดง
แต่วันนี้ ทักษิณกลับมาเว้าวอนขอพลังจากคนเสื้อแดงที่อุดรฯ เพราะบัดนี้ทักษิณตระหนักและประจักษ์แล้วว่าความนิยมจากคนเสื้อแดงที่เคยมีให้ทักษิณมันลดน้อยถอยลงไปอย่างมาก มากชนิดที่ว่าไม่มีวันจะกลับไปมากเหมือนเดิมได้อีกต่อไป
ทักษิณในสายตาของคนเสื้อแดงอุดรฯ โดยเฉพาะคนเสื้อแดงมีอุดมการณ์การเมืองแท้จริงในยามนี้ จึงเปรียบเสมือนสุนัขป่วยที่ต้องซมซานกลับไปหาแหล่งอาหารเดิมที่เคยหล่อเลี้ยงกระเพาะของมันมาก่อน ซึ่งแม้ว่าคนเสื้อแดงอุดรฯ จะไม่ขับไล่ทักษิณ แต่ก็ไม่ไปต้อนรับขับสู้เหมือนเดิม ส่วนทักษิณจะยังหลอกตัวเองว่าคนเสื้อแดงอุดรฯ ยังศรัทธาทักษิณก็เป็นเรื่องของทักษิณ แต่คนเสื้อแดงอุดรฯ บอกว่าไม่มีวันเหมือนเดิม ไม่มีทางเชื่อทักษิณ และไม่มีวันไว้ใจทักษิณอีกแล้ว เพราะเมื่อทักษิณตระบัดสัตย์กับคนเสื้อแดง คนเสื้อแดงก็ไม่ให้อภัยอย่างเด็ดขาด เพราะความไว้วางใจนั้นเมื่อมันหมดสิ้นไปแล้ว มันไม่สามารถมีกลับคืนมาอีกได้ มันจบแล้วจบเลย ทักษิณมาแล้วก็ไป
เขาไม่ได้อยู่กับคนเสื้อแดงอย่างจริงใจ เพราะเขาไม่มีใจจริงๆ ให้คนเสื้อแดง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี