การออกมาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนของรัฐมนตรีหลายคนเกี่ยวกับที่ดินเขากระโดงในช่วงนี้ไม่ใช่เรื่องเกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่ย่อมมีสาเหตุ เพราะสิ่งทั้งหลายย่อมเกิดจากเหตุ และเหตุของเรื่องนี้ก็คือที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ ซึ่งมีการร้องเรียนแล้วว่าเป็นที่ธรณีสงฆ์ การที่นายกฯอุ๊งอิ๊งค์ถือครองในนามของบริษัทอัลไพน์กอล์ฟจึงเป็นการผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรงที่จะต้องถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งและถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองตลอดชีวิต ตามบรรทัดฐานเดียวกับคุณปารีณาไกรคุปต์ และอีกหลายคน
ซึ่งตอนต้นนั้นแม้จะมีข่าวเรื่องนี้มาตั้งแต่เริ่มตั้งรัฐบาลจนกระทั่งมีการยื่นคำร้องต่อองค์กรอิสระที่รับผิดชอบ แต่ดูเหมือนว่าพรรคเพื่อไทยไม่ยี่หระนัก เพราะคงเล็งเห็นแล้วว่ากว่าองค์กรอิสระจะยกเรื่องนี้ขึ้นมาตรวจสอบไต่สวนก็คงจะใช้เวลาอีกหลายปี แม้กระทั่งเลือกตั้งครั้งใหม่แล้วก็ยังไม่แน่ว่าการตรวจสอบไต่สวนจะแล้วเสร็จ ดังนั้นปัญหาประโยชน์จากเวลาดังกล่าวจึงเป็นประโยชน์ยิ่งต่อการรับมือกับปัญหาที่ธรณีสงฆ์รายนี้
แต่จู่ๆ หลังจากนายอนุทิน ชาญวีรกูล ไปลงนามข้อตกลงกับกัมพูชาหลายเรื่อง ในการนำผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนไปประชุมกับกัมพูชานั้น ในข้อ 8 ของข้อตกลงก็มีข้อความชัดว่ารัฐบาลของทั้งสองประเทศจะเร่งรัดให้คณะกรรมการปักปันเขตแดนเจรจาทำการปักปันเขตแดนกันต่อไปโดยเร็ว
ทำให้ข้อเท็จจริงในเรื่องเขตแดนไทย-กัมพูชา ชัดเจนว่าปัญหาข้อขัดแย้งเรื่องเขตแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะตรงหลักเขตที่ 72-74 นั้นยังไม่ชัดเจน คือยังไม่ชัดเจนว่าแดนอธิปไตยของกัมพูชาอยู่ที่เกาะกงติดกับอ่าวไทย โดยฝ่ายไทยยังแย้งว่าหลักเขตที่ 73 และ 74 ที่ปักปันกันในสมัยรัชกาลที่ 5 ระหว่างคณะกรรมการปักปันเขตแดนสยาม-ฝรั่งเศส ได้ปักเขตที่ 73 และ 74 ไว้บนยอดเขาแห่งหนึ่งของเกาะกง ซึ่งเป็นไปตามหลักการในการปักปันเขตแดนที่เป็นพื้นที่ภูเขาที่จะต้องปักเขตบนยอดเขา และถ้าเป็นร่องน้ำหรือแม่น้ำก็จะถือเอาร่องน้ำลึกซึ่งเป็นการปักปันเขตแดนสากล
ข้อตกลงข้อ 8 ดังกล่าวนี้จึงเท่ากับเป็นการปฏิเสธว่าเขมรไม่ได้มีดินแดนมาจนถึงฝั่งทะเลอ่าวไทย ดังนั้นแดนอธิปไตยในอ่าวไทย 200 ไมล์ทะเลจึงไม่มี เป็นผลให้พื้นที่ทับซ้อนไม่มี ความพยายามที่จะยอมรับว่ามีพื้นที่ทับซ้อนเพื่อแบ่งปันผลประโยชน์กันจึงส่อไปในทางที่จะทำให้เสียดินแดน เสียอธิปไตยทั้งทางบกและทางทะเลด้วย
ข้อตกลงดังกล่าวจึงกระเทือนซางของแกนนำพรรคเพื่อไทยอย่างร้ายแรง แต่จำเป็นต้องเก็บความรู้สึกนั้นไว้ เพราะใครๆ ก็รู้ดีว่ารัฐบาลนี้อยู่ได้ก็ต้องพึ่งใบบุญหรือการแบกเสลี่ยงของพรรคภูมิใจไทยให้เจ้าหยัวนั่ง แต่พรรคภูมิใจไทยจะทนแบกเสลี่ยงให้เจ้าหยัวนั่งไปอีกนานเท่าใดนั้นใครเล่าจะตอบได้
แผลลึกแผลนี้ยังไม่ทันสมานก็เกิดแผลสองขึ้น จู่ๆกระทรวงมหาดไทยในอำนาจของหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยและนายชาดา ไทยเศรษฐ์ แกนนำคนสำคัญก็มีคำสั่งให้เพิกถอนเอกสารสิทธิที่ดินมรดกยายเนื่อมเสียทั้งสิ้นซึ่งเป็นคำสั่งทางปกครองตามกฎหมาย
เป็นผลให้บรรดาผู้ซื้อที่ดินและบ้านจัดสรรทั้งหมดหลายร้อยรายของที่ดินแปลงนี้ รวมทั้งบริษัทอัลไพน์กอล์ฟซึ่งเป็นเจ้าของสนามกอล์ฟอัลไพน์ และนายกฯอุ๊งอิ๊งค์เป็นกรรมการมาก่อนต้องตกอยู่ภายใต้บังคับของกฎหมายที่จะต้องฟ้องคดีต่อศาลปกครองขอให้เพิกถอนคำสั่งนี้เสียภายใน 90 วัน มิฉะนั้นก็จะเป็นอันถึงที่สุดยุติว่าที่ดินดังกล่าวเป็นที่ธรณีสงฆ์ และจะเป็นผลให้นายกฯอุ๊งอิ๊งค์ตกเก้าอี้ และถูกเพิกถอนสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิต
หรือถ้าจะใช้สิทธิ์ฟ้องคดีต่อศาลปกครองใน 90 วันก็จะทำลายประโยชน์ของเวลาที่วาดหวังว่ากว่าองค์กรอิสระจะทำการตรวจสอบไต่สวนก็อีกนานเท่านาน ดีไม่ดีก็อาจจะถึงชาติหน้าสูญสิ้นไป เพราะต้องถูกถีบออกมาให้ออกหน้าเผชิญกับปัญหาที่ธรณีสงฆ์ ซึ่งไม่รู้ว่าผียายเนื่อมเจ้ามรดกจะขย้ำคอเอาหรือไม่
แผลใจแผลนี้จึงนับว่าลึกและอำมหิตที่ใครๆ ก็รู้สึกได้ดังนั้นไม่ถึงสามวันต่อมา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมก็ออกมาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่าคำพิพากษาของศาลฎีกาและศาลปกครองสูงสุดเป็นที่สุดแล้ว ผูกพันทุกส่วนราชการ ที่จะต้องเพิกถอนเอกสารสิทธิตามคำพิพากษานั้น แต่เป็นการแถลงเพื่อให้กระทบไปถึงใครที่สั่งการต่ออธิบดีกรมที่ดินนั้นก็ยากที่จะกล่าว
แต่ทว่ารัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมแถลงอย่างเดียวนั้นไม่พอ เพราะเมื่อรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมทราบความจริงแล้วก็ต้องมีหน้าที่รายงานต่อนายกรัฐมนตรี ว่ากระทรวงมหาดไทยและกรมที่ดินฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาล ทำให้รัฐเสียหาย เพื่อให้นายกรัฐมนตรีมีคำสั่งตามระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน มาตรา 20 ให้กระทรวงมหาดไทยและกรมที่ดินปฏิบัติการตามคำพิพากษาของศาล คือเพิกถอนเอกสารสิทธิที่ดินเขากระโดง 5,083 ไร่ ให้เป็นของการรถไฟแห่งประเทศไทย ซึ่งต้องติดตามดูกันต่อไปว่าจะมีการดำเนินการเรื่องนี้หรือไม่ เพราะถ้าไม่ดำเนินการก็ถือว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยชอบหรือโดยทุจริต
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมแถลงไม่ทันขาดคำ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมก็เปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่าได้มีคำสั่งให้การรถไฟแห่งประเทศไทยดำเนินการตามคำพิพากษา เข้าครอบครองที่ดินเขากระโดงซึ่งเป็นของการรถไฟแห่งประเทศไทยตามคำพิพากษา
สองรัฐมนตรีแถลงไปในทางเดียวกันอย่างนี้ ก็ย่อมกระเทือนกระทรวงมหาดไทยและกรมที่ดิน ท่ามกลางเสียงเฮของประชาชนที่เจ็บช้ำน้ำใจจากการย่ำยีกฎหมายและคำพิพากษาของศาล
ปรากฏว่าในวันถัดมารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยแถลงว่าจะไม่มีการเพิกถอนเอกสารสิทธิ เพราะเป็นการดำเนินการตามคำพิพากษาตามกฎหมายแล้ว ซึ่งเป็นการสนับสนุนการแถลงของนายทรงศักดิ์ ทองศรี ทีมงานสำคัญและแกนนำสำคัญของสำนักเขากระโดงที่แถลงก่อนหน้านี้ว่าเรื่องที่ดินเขากระโดงจบแล้ว จะไม่มีการเพิกถอนเอกสารสิทธิ
ซึ่งหมายความว่าที่ดินเขากระโดง 5,083 ไร่ ที่รัชกาลที่ 5 พระราชทานแก่การรถไฟแห่งประเทศไทยเพื่อใช้ประโยชน์ในกิจการของการรถไฟ และรัชกาลที่ 6 ได้ตราพระราชกฤษฎีกามอบที่ดินนี้ให้แก่การรถไฟแห่งประเทศไทยซ้ำเข้าไปอีกเป็นอันใช้บังคับไม่ได้ และคำพิพากษาของศาลสูงทั้งสองศาลก็ไม่มีราคาความหมายที่จะต้องปฏิบัติ อำนาจตุลาการซึ่งศาลใช้ในพระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย์ไม่มีผลบังคับ
ระบอบประชาธิปไตยที่อำนาจตุลาการเป็นหนึ่งในสามของอำนาจปกครองจึงเป็นอันสูญสิ้นหมดความหมายไป นี่มิใช่เป็นการล้มล้างระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขที่ร้ายแรงกว่าการแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 ดอกหรือ
วันนี้คนทั้งหลายที่บอบช้ำเจ็บใจรับไม่ได้กับการเหยียบย่ำความยุติธรรม ฉีกทิ้งคำพิพากษาของศาล ก็ต้องติดตามดูกันต่อไปว่ามวยหมู่ในเรื่องนี้จะจบลงอย่างไร เพราะโบราณท่านก็บอกไว้แล้วว่าไม่มีธรรมะในหมู่โจร และทรัพย์สมบัติแผ่นดินนั้นตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้ ใครจะปล้นสะดมเอาเป็นของส่วนตัวไม่ได้โดยเด็ดขาด
วันนี้แม้ยังไม่มีการปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาล แต่ใครที่ถือครองที่ดินก็ย่อมต้องร้อนเป็นไฟดุจไฟประลัยกัลป์สุมอยู่ในหัวอก ไม่ต่างกับตกนรกทั้งเป็นดอกโยม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี