ก่อนอื่นต้องบอกตรงๆ ก่อนเลยว่าการนำชื่อคนทั้งสามมาเป็นหัวข้อเรื่องที่จะชวนคุณๆ ร่วมกันคิดในวันนี้ น่าจะเป็นเรื่องพิสดารมากที่สุด เพราะคนที่มีความรู้เรื่องการเมืองโลกเป็นอย่างดีย่อมต้องรู้จัก อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ชาวออสเตรียที่กลายเป็นนักการเมืองของเยอรมนี ผู้สร้างความฉาวในเชิงโหดร้ายสุดขีดให้โลกได้รับรู้กันไปแล้ว
ส่วนชื่อโดนัลด์ ทรัมป์ ก็เป็นชื่อที่คนทั่วทั้งโลกโดยเฉพาะผู้ที่สนใจการเมืองโลก และเศรษฐกิจโลก รวมถึงกำลังเฝ้ามองความเป็นไปของโลกในยุคปัจจุบัน กำลังจับตามเฝ้าสังเกตว่า โลกใบนี้จะปั่นป่วนโกลาหล เพราะน้ำมือ และความบ้าบอไร้ขอบเขตของทรัมป์อย่างไรบ้าง
ส่วน แพทองธาร ชินวัตร คือตัวตลกธรรมดาๆ ในเวทีการเมืองไทยเท่านั้นเอง เพราะไม่มีชื่อเสียงกิตติศัพท์ใดๆ ในเชิงการเมืองโลกแม้แต่น้อย อย่าว่าแต่การเมืองระดับโลกเลย การเมืองระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก็ยังไม่ปรากฏด้วยซ้ำไป
อ้าว! ในเมื่อรู้ว่าแพทองธารไม่มีความสำคัญในเชิงการเมืองระดับภูมิภาคและระดับโลก แล้วเหตุใดจึงนำชื่อแพทองธารไปไว้ในกลุ่มชื่อฮิตเลอร์ และทรัมป์ ตอบว่า
เพราะจะได้รู้ว่าโลกมีนักการเมืองบ้าๆ บอๆ ไร้สาระได้เสมอ ไม่ว่าประเทศจะใหญ่ระดับมหาอำนาจ หรือเล็กชนิดที่ว่าไม่มีอะไรให้ต้องหันไปมองให้เสียเวลา แต่
อันที่จริงแล้ว ประเทศไทยไม่ได้ปราศจากความน่าสนใจ เพราะในยุคที่บ้านเมืองไทยมีผู้นำการเมืองมีสติปัญญา ประเทศไทยก็ฉายแสงเจิดจรัสบนเวทีการเมืองโลกได้อย่างน่าทึ่ง แต่ในยุคที่ไทยมีผู้นำการเมืองโง่เขลา สิ้นสติ ไร้ปัญญา จนอาจเข้าข่ายเสียสติ ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่ภาพประเทศไทยจะหายไปจากเวทีการเมืองโลก
เรื่องฮิตเลอร์นั้น ผู้เขียนขออนุญาตข้ามไปเลยนะครับ เพราะคนที่มีปัญญาย่อมต้องรู้จักแง่มุมต่างๆ ของผู้นำเผด็จการรายนี้เป็นอย่างดีแล้ว
ส่วนเรื่องของทรัมป์นั้น เราต้องมาคุยกันอีกนาน เพราะเขาคนนี้จะกลายมาเป็นตัวป่วนโลกในระยะ 4 ปีนับจากนี้อย่างแน่นอน ส่วนเรื่องทรัมป์เป็นใคร มาจากไหน ทำอะไรมาก่อน เรื่องนี้ขอให้คุณๆ ที่สนใจไปหาข้อมูลอ่านเองนะครับ แต่ที่เราจะคุยกันในวันนี้คือทรัมป์จะทำให้โลกใบนี้ในยุคนี้ และนับจากนี้ไปอีก 4 ปีเกิดความสับสนวุ่นวายและโกลาหลมากมายสักเพียงใด ส่วนเรื่องที่มีคนตั้งคำถามกันพอประมาณว่า แล้วผู้นำโลกยุคนี้ไม่มีความสามารถจับมือร่วมกันและบีบบังคับทรัมป์ได้หรือ ตอบว่าทำได้ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะว่าสหรัฐฯ ในยุคนี้ยังมีความเหนือกว่าประเทศอื่นๆ ในเชิงการทหาร เทคโนโลยีสมัยใหม่ และเงินดอลลาร์สหรัฐ ยังเป็นที่ต้องการของคนทั่วทั้งโลก
สหรัฐฯ ในยุคทรัมป์ come back หรือบางคนเรียกว่าทรัมป์ 2.0 จะกลายเป็นประเทศที่จ้องเล่นงานประเทศใดก็ตามที่ได้เปรียบดุลการค้ากับสหรัฐ และจะพบด้วยว่าสหรัฐฯ จะเปลี่ยนจากประเทศที่อ้างว่าตนเองเป็นต้นแบบการค้าเสรี ไปเป็นการค้าแบบตามใจทรัมป์ เพราะทรัมป์โฆษณาชวนเชื่อว่า America First และ Make America Great Again คนจำนวนไม่น้อยไม่เชื่อว่าทรัมป์จะมีปัญญาทำให้ America First เกิดได้จริง เพราะไม่มีวันที่อเมริกาจะลงมือผลิตทุกอย่างด้วยตัวเอง เพราะหนึ่งคือทำไม่ได้ และสองไม่มีปัญญาทำ
ขอย้ำว่า America First และ Make America Great Again คือคำโฆษณาชวนเชื่อ แต่ถึงกระนั้นคนอเมริกันจำนวนไม่น้อยก็หลงเชื่อไปแล้ว และเมื่อเชื่อแล้วก็จึงเลือกทรัมป์ให้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ แต่รับรองว่าหลังจากนี้ไม่นานนัก คนอเมริกันจะต้องออกมาขับไล่ทรัมป์ในรูปแบบต่างๆ ยกเว้นทำรัฐประหาร
ไม่ใช่เรื่องผิดที่ทรัมป์จะทำให้อเมริกาได้เปรียบดุลการค้าระหว่างประเทศ โดยเฉพาะกับประเทศคู่ค้า และไม่ผิดเช่นกันที่ทรัมป์จะป่าวร้องว่าอเมริกาจะไม่แสดงบทตำรวจโลก แต่ก็ต้องเข้าใจว่าจริงๆ แล้วทรัมป์คือพ่อค้าที่แปรสภาพตัวเองไปเป็นนักการเมือง เพราะฉะนั้น สันดานพ่อค้าก็คือพ่อค้าวันยังค่ำพ่อค้าจะคิดถึงแต่กำไรเท่านั้น อะไรที่ขาดทุน พ่อค้าจะไม่ยอมเป็นอันขาด แต่ถามว่าพ่อค้าอยากเป็นคนใหญ่คนโต คนสำคัญ เป็นsomebody หรือไม่ ตอบว่าอยากยิ่งกว่าอยาก และอย่าลืมว่าพ่อค้าชื่อทรัมป์ต้องโฆษณาขายสินค้าตลอดเวลา เพราะหากไม่โฆษณา ก็จะขายสินค้าไม่ได้
ทรัมป์จับกระแสคนอเมริกันได้ว่ากำลังอดอยาก หิวโหย ตกทุกข์ได้ยาก และประสบปัญหาข้าวยากหมากแพงมิหนำซ้ำยังเจอกับปัญหาคนไร้บ้าน (homeless) ที่ก่อความวุ่นวายไร้ระเบียบในหลายต่อหลายพื้นที่ในสหรัฐฯ ดังนั้น การจะทำให้คนอเมริกันเลือกทรัมป์ก็คือ ต้องบอกกับคนเหล่านั้นว่า ถ้าเลือกทรัมป์แล้วปัญหาต่างๆ จะหมดสิ้นไป
ถามว่าคนที่กำลังเจอปัญหาหนัก ปัญหาวิกฤตจะไม่หลงเคลิ้มกับคำลวงโลกของทรัมป์หรือ อย่าคิดว่าคนอเมริกันทั้งประเทศมีการศึกษาสูงส่ง อย่าหลงเชื่อว่ามีมหาวิทยาลัยอันดับต้นๆ ของโลกอยู่ในอเมริกา แล้วคนอเมริกันส่วนใหญ่จะได้เข้าไปเรียนในมหาวิทยาลัยชั้นนำเหล่านั้น เพราะจริงๆ แล้วคนอเมริกันเรียนจบปริญญาตรีในมหาวิทยาลัยดีๆ น้อยมาก ซึ่งเป็นเพราะว่าค่าเล่าเรียน ค่าศึกษาระดับปริญญาตรีในมหาวิทยาลัยดีๆ ของอเมริกาแพงมากๆ เพราะฉะนั้น จึงไม่แปลกที่คนเลือกทรัมป์มักเป็นคนที่การศึกษาค่อนข้างต่ำ หมายความว่าจบการศึกษาระดับปริญญาตรี
การที่ ทรัมป์ โหมโฆษณาว่า America First ทำให้คนอเมริกันที่ยากจนเกิดความหวังอันเรืองรองโดยพลัน ซึ่งก็ไม่ต่างไปจากการที่คนไทยกลุ่มที่ชอบของฟรี ไปลงคะแนนเลือก สส. ให้กับพรรคการเมืองที่เน้นการโฆษณาชวนเชื่อเรื่องแจกเงินฟรีแบบที่ว่าแจกแล้วแจกอีก แจกไปเรื่อยๆ แจกไปจนกว่าคนจะโง่เหมือนๆ กันทั้งประเทศ และตามมาด้วยเรื่องโกหกที่ว่าให้การรักษาพยาบาลฟรี เรียนฟรีจนจบปริญญาตรี แต่เป็นการศึกษาที่สุดแสนห่วย และไร้คุณภาพอย่างที่สุด
คนอเมริกันที่ไม่ชอบคิดก็ไม่ต่างจากคนไทยที่ไม่ชอบคิดเพราะทั้งคู่ตกเป็นเหยื่อของคำโฆษณาชวนเชื่อเหมือนๆ กันเพราะฉะนั้น คนไทยก็จึงไม่ต้องคิดว่าคนอเมริกันฉลาดล้ำมากกว่าคนไทย อย่าลืมว่าคนอเมริกันบางกลุ่มก็บุกเข้าไปในทำเนียบขาวมาแล้ว คนไทยก็เคยบุกเข้าทำเนียบรัฐบาลมาแล้ว เพียงแต่มูลเหตุการบุกทำเนียบขาวกับทำเนียบรัฐบาลไทยมันต่างกันมาก เพราะทำเนียบขาวถูกบุกโดยคำยั่วยุปลุกระดมของทรัมป์ แต่ของไทยเกิดมาจากความเฮงซวยห่วยแตก และการทุจริตคอร์รัปชั่น รวมถึงการใช้อำนาจรัฐโดยรัฐบาลไร้ยางอาย ขายชาติ
การเข้าสู่ตำแหน่งประธานาธิบดีวาระที่สองโดยทรัมป์ ทำให้คนทั้งโลกเห็นว่าเวลานักการเมืองเลวๆ ชั่วๆ ได้อำนาจรัฐแล้ว พวกเขาก็จะบ้าอำนาจ และใช้อำนาจรัฐตามอำเภอใจ ซึ่งไม่ต่างกันทั้งไทยและสหรัฐฯ ดังที่พบว่าทรัมป์ตั้งรัฐมนตรีจากคนกลุ่มคนที่ใกล้ชิดกับเขา เป็นนายทุนให้กับเขา เป็นพวกเดียวกันเขา โดยไม่ได้คำนึงถึงคุณภาพของคนที่จะไปดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ซึ่งเรื่องนี้ไม่ต่างกับการเมืองไทย เพราะรัฐมนตรีไทยจำนวนไม่น้อยก็ไร้คุณภาพ ไร้สติ ไร้ปัญญา ไร้ความละอาย บางรายไร้ความเป็นคน เหตุที่บ้านเมืองไทยมีรัฐมนตรีจำพวกนรกส่งมาเกิด ก็เพราะว่าประเทศไทยมีนายกรัฐมนตรีไร้สมอง ไร้คุณธรรม แม้บางคนจะอ้างว่ารักชาติมากจนน้ำลายไหลย้อย แต่เพราะความไร้ปัญญาของตน ก็จึงตั้งโจรไปเป็นรัฐมนตรี
ทรัมป์ ตั้งรัฐมนตรีด้วยตัวเอง โดยใช้พื้นฐานว่าเลือกคนใกล้ชิดเป็นรัฐมนตรี แต่ประเทศไทยนั้น เรามีนายกรัฐมนตรี (บางคน) แต่นายกรัฐมนตรีไม่มีปัญญาแต่งตั้งรัฐมนตรีด้วยตนเอง ต้องให้พ่อบงการ แถมตัวนายกรัฐมนตรีเองก็ไร้สติขาดปัญญา ไร้กาลเทศะ ไร้สำนึกผิดชอบชั่วดี
ประเทศไทยมีนายกรัฐมนตรีกี่คนที่อยู่ในจำพวกพ่อสั่ง พ่อชี้นิ้ว พ่อบงการ คนไทยที่มีสติปัญญาต้องตอบเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี
คราวนี้มาพูดเรื่อง แพทองธาร บ้าง ย้ำว่า แพทองธารไม่สามารถเทียบชั้นกับ ทรัมป์ ได้ด้วยประการทั้งปวง ไม่ว่าจะเรื่องความรู้ทางการเมือง ความรู้ทางเศรษฐกิจ และที่เห็นชัดที่สุดคือ ทรัมป์ ได้เป็นประธานาธิบดีด้วยตัวของเขาเอง ไม่ได้เป็นเพราะถูกพ่อส่งให้ต้องไปเป็น ซึ่งต่างจากแพทองธารมากที่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีเพราะความต้องการของทักษิณ จนทักษิณพล่ามเพ้อประมาณว่าตนเองคือนายกรัฐมนตรีแต่ทว่ามีผมยาว
ทรัมป์ กำลังจะทำลายระเบียบโลก (world order) เก่า แล้วสร้างระเบียบโลกใหม่ เช่น การไม่ให้ความสำคัญกับการค้าเสรี การไม่เชื่อมั่นในการรวมตัวเพื่อเจรจาของกลุ่มต่างๆของโลก แต่จะกลับไปใช้การเจรจาแบบทวิภาคี
คอการเมืองโลกได้เห็นแล้วว่าทรัมป์สร้างประเด็นด้วยการไปพบปะกับ คิม จอง อึน แห่งเกาหลีเหนือ และมีสายสัมพันธ์อันดีกับวลาดีมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย แต่ทรัมป์ประกาศสงครามการค้ากับจีน ทั้งๆ ที่ทรัมป์รู้ดีว่าสินค้าต่างๆ ที่คนอเมริกันใช้ในชีวิตประจำวันนั้นจำนวนไม่น้อยมาจากจีนแม้กระทั่งเรื่องที่ล้อเลียกันว่า หมวกที่ประทับคำว่า America First ก็ยังผลิตในจึน
ทุกวันนี้ ทรัมป์ ยังไม่เอ่ยถึงไทยแม้แต่น้อย แต่นายกรัฐมนตรีไทยดันเพ้อว่าทรัมป์เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ แล้วไทยจะได้ผลดี นี่คือสติปัญญาของนายกรัฐมนตรีไทย
ส่วนพ่อค้าไทยและนักการเมืองไทยที่แหกปากโวยวายว่าค่าเงินบาทแข็งเมื่อประมาณ 1 เดือนที่ผ่านมา แล้วพยายามกดดันแทรกแซงธนาคารแห่งประเทศไทยให้ค่าเงินบาทอ่อนลง พอมาถึงบัดนี้ ค่าเงินบาทอ่อนยวบทันทีเมื่อทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง เมื่อค่าเงินบาทอ่อนยวบ นักการเมืองจำพวกไร้ปัญญา กับพ่อค้าเห็นแก่ได้ก็หุบปากนิ่ง
วันนี้คนไทยมีนายกรัฐมนตรีสุดหน่อมแน้มไร้สาระ ไร้สติปัญญา ไม่มีความรู้เรื่องการเมืองไทย และการเมืองสากล ไม่มีความรู้ด้านเศรษฐกิจ และสังคมแม้แต่น้อย ส่วนอเมริกันชนมีประธานาธิบดีที่หลายคนวิพากษ์ว่าสติแตก ไม่อยู่กับร่องกับรอย เลยทำให้เกิดภาพเพ้อฝันว่า จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อ แพทองธาร ได้เจรจาทวีภาคีกับทรัมป์ จะคุยอะไรกัน จะคุยกันรู้เรื่องไหม ทรัมป์จะด่าแพทองธารไหมหากเจรจาทวีภาคีร่วมกัน แต่ แพทองธาร ดันก้มหน้าอ่านiPad Notebook แพทองธารจะตอบทรัมป์อย่างไร หากทรัมป์บอกว่าไทยได้ดุลการค้าอเมริกามากเกินไปแล้ว ไทยต้องลดการได้ดุลการค้ากับสหรัฐฯ ลงโดยเร็ว
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี